ถือว่าเป็นการเริ่มต้นทำงานแล้วหลังจากที่มีการปรับ ครม.ชุด “เศรษฐา 1/1” จากนี้ไปก็ต้องให้คะแนนกันว่ารัฐมนตรีทั้งใหม่-เก่าคนไหนมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน

นายกรัฐมนตรีก็ต้องได้รับการตรวจสอบเช่นเดียวกันในฐานะหัวหน้าทีมบริหารประเทศที่ต้องพิสูจน์เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

เพราะถ้าหัวหน้าดีมีความสามารถก็จะทำให้เกิดผลงานที่ดีตามไปด้วย

อย่างหนึ่งที่ได้รับการมองมากที่สุดก็คือเรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงหัวจักรสำคัญคือรัฐมนตรีคลัง

ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งนี้เอง

แต่ได้เปลี่ยนคนใหม่คือ “พิชัย ชุณหวชิร” ทำหน้าที่แทน

นั่นทำให้เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนขึ้น หากทุกอย่างไปได้ด้วยดีเศรษฐกิจดีขึ้นถึงขั้นฟื้นตัวขึ้นมาได้

ก็แสดงว่าแก้ปัญหาได้ถูกจุด

อย่างที่มีคำเตือนว่านายกรัฐมนตรีไม่ควรที่จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เนื่องจากต้องทำงานหนักและจะไม่มีเวลาไปดูแลงานด้านอื่นๆ ซึ่งก็มีความสำคัญไม่ต่างกัน

เพียงแต่รัฐมนตรีคลังนั้นถือว่ามีความสามารถต้องใช้คนที่มีฝีมือระดับ “เทคโนแครต” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงจะทำให้งานไปได้ดีและเข้าใจถึงสภาพคนทำงานที่จะต้องรู้ใจกันพอสมควร มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาได้

ถามว่าคนใหม่เหมาะสมหรือไม่?

ตอบได้เลยว่าเหมาะสมแน่ เนื่องจากมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้านนี้มาพอสมควร

อีกทั้งยังเป็นคนใจถึงระดับนายกสมาคมมวยก็แล้วกัน

เท่าที่ฟังจากคำให้สัมภาษณ์หลังรับตำแหน่งด้วยการบอกว่าจะพูดคุยกับผู้ว่าการแบงก์ชาติ เพื่อทำงานร่วมกันให้ได้และย้ำว่าแบงก์ชาตินั้นต้องมีความเป็นอิสระและสนองตอบนโยบายของรัฐบาล

ปัญหาเศรษฐกิจนั้นนอกจากนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” แล้ว ต้องมีนโยบายอื่นๆเข้ามากระตุ้นด้วย เพื่อจะได้มีพลังและช่องทางมากขึ้น

...

ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีแม้จะมาจากภาคธุรกิจ แต่ก็เป็นเพียงเซ็กชันเดียวคืออสังหาริมทรัพย์ไม่ได้รอบรู้ไปทั้งระบบ

นั่นแหละคือปัญหาหนึ่ง!

อีกทั้งเคยทำงานในภาคเอกชนในลักษณะซีอีโอที่สามารถสั่งการและตัดสินใจได้ทุกอย่าง แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มีความต่างกัน

ทั้งระบบและอำนาจหน้าที่

โดยเฉพาะระบบราชการ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากการปฏิบัติต่อพนักงานบริษัทกับข้าราชการ จึงมีความต่างกัน

“ซีอีโอ” สามารถสั่งซ้ายหันขวาหันและไล่ออกได้ทันที

แต่ข้าราชการมีระบบระเบียบที่ต้องดำเนินการไปตามนั้น

แม้ดูจะเหมือนกัน แต่ความต่างกันอย่างชัดเจน

นายกรัฐมนตรีนั้นว่าไปแล้วมีความตั้งใจทำงานเต็มที่ แต่วิธีการปฏิบัติต่อราชการนั้นมีปัญหาจนทำให้ข้าราชการบางส่วนไม่พอใจ และลาออกไปก็มี เนื่องจากการใช้ถ้อยคำว่ากล่าวผ่านสื่อทำให้คนนั้นเกิดความรู้สึกว่าเขาถูกลงโทษที่รุนแรงเกินไปทั้งๆที่ควรพูดกันเป็นการภายในมากกว่า

ลักษณะอย่างนี้ปัญหาระหว่าง “รัฐบาล” กับ “แบงก์ชาติ” กลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที!


“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม