“ภูมิธรรม” ป้อง “อิ๊งค์” ทำไมจะวิจารณ์แบงก์ชาติไม่ได้ แนะ เดินตลาดคุยชาวบ้านดูจะได้รู้เศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่ สวน “ศิริกัญญา” ต้องดูความเป็นจริง อย่าจินตนาการไปเรื่อยๆ มอง 3 อดีตรัฐมนตรีเพื่อไทยไม่ร่วมกิจกรรมพรรค ไม่เป็นปัญหา
วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์หลังตรวจสอบข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ตามโครงการรับจำนำข้าว ที่บริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด หลัง 4 ต.เฉลียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องพูดถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถ้าไม่ยอมที่จะเข้าใจและไม่ยอมให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย ว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่หัวหน้าพรรคการเมืองสามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์ และเสนอแนะหรือแสดงท่าที เพื่อตรวจสอบสถาบัน องค์กรต่างๆ เชื่อว่าสิ่งที่ น.ส.แพทองธาร พูดจนถูกวิจารณ์ เป็นการวิจารณ์ที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ สิ่งที่ น.ส.แพทองธาร พูด เป็นเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์แบงก์ชาติเรื่องไม่ยอมปรับดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตประชาชน และเห็นว่าสิ่งที่พูดไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาว่าทำไมเด็กวิจารณ์แบงก์ชาติหรือธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้ ประชาชนพลเมืองไทยทุกคนสามารถที่จะวิพากษ์พร้อมอภิปรายทุกหน่วยงานของรัฐ แบงก์ชาติก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานของรัฐ ทำไมวิจารณ์แบงก์ชาติไม่ได้ แตกต่างจากองค์กรอื่นอย่างไร ที่ผ่านมาแบงก์ชาติไม่ใช่ว่าไม่เคยทำความผิด แต่เคยทำผิดมาแล้วในปี 2540 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เชื่อว่าประชาชนยังจำได้ การตัดสินใจของแบงก์ชาติครั้งนั้น คือการเอาเงินไปทุ่มตลาดสู้เพื่อให้รักษามาตรฐานเงินบาท ในที่สุดก็เจ๊ง มันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแบงก์ชาติก็ผิดได้
...
“เชื่อว่าการวิจารณ์ในลักษณะแบบนี้สามารถทำได้ สิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ได้พูดที่พรรคเพื่อไทย ต่อหน้าสมาชิกพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และนักการเมือง เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่เป็นพรรคการเมือง ในฐานะที่เป็นบุคคลธรรมดา ที่สามารถกระทำได้ ไม่เห็นว่ามีความผิดตรงไหน”
นายภูมิธรรม กล่าวต่อไป คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เรามาขัดแย้งกับ ธปท. ถึงกับจะเอาเป็นเอาตายกัน แต่ส่วนตัวอยากจะบอกว่าทำไมแบงก์ชาติวิจารณ์หรือแตะต้องไม่ได้ เพราะเชื่อว่าวิจารณ์แตะต้องได้ มีหลายคนออกมาบอกว่าต่างประเทศเขาไม่ทำกัน ก็บอกว่าวิพากษ์วิจารณ์มาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งแบงก์ชาติในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องให้ใช้จ่ายเงินในภาวะวิกฤติ ทำให้ประเทศเสียดุลการค้าอย่างมากมาย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ใช้วิธีนี้ในการแก้ไขปัญหา ทำไมถึงไม่เห็นออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เหมือนกับรัฐบาลนี้ถูกวิจารณ์
วันนี้รัฐบาลได้ใช้มาตรการทางการคลังอย่างเต็มที่แล้วในการรักษาแก้ไขปัญหาเพื่อให้มันเกิดการกู้วิกฤติขึ้น แต่มาตรการทางการเงินมันไม่ไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นข้อเสนอ และหลายครั้งหลายหนเรายังอดทนที่จะเสนอต่อ เพื่อให้เข้าใจในประเด็นเหล่านี้ และไม่ได้หมายความว่าเราไม่พึงพอใจแล้วเราจะปรับหรือปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติอย่างที่เป็นข่าว อยากให้เริ่มต้นจากข้อเท็จจริง ไม่อยากให้เริ่มต้นจากจินตนาการ จินตนาการมันคิดไปได้สารพัด ถ้าดูจากข้อเท็จจริง หากทางโน้นบอกวิกฤติ ทางนี้บอกไม่วิกฤติ หนทางที่ดีที่สุดคือให้ผู้ว่าการแบงก์ชาติ และคณะกรรมการของแบงก์ชาติ ต้องเดินไปลงตลาด ไปถามเกษตรกร ไปถามผู้บริโภค ไปถามทุกคนว่าเขาเดือดร้อนไหม ถามพ่อค้าแม่ค้าว่าเขาเดือดร้อนหรือไม่ จะได้รู้ว่าความเดือดร้อนมีอยู่จริงหรือไม่ ในขณะที่ตัวเองควบคุมมาตรการการเงิน ก็จะทำให้มันถูกต้องสอดคล้องกับมาตรการทางการคลัง เพื่อที่จะช่วยแก้วิกฤติของประเทศได้
เมื่อถามถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาตั้งคำถามทำนองว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดที่จะแก้พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า น.ส.ศิริกัญญา เข้ามาทำงานการเมืองเป็นสมัยที่ 2 แล้ว ก็ต้องเข้าใจดีว่า การจัดการแก้ไขปัญหาทั้งหมดต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริง ต้องดูความเป็นจริง ไม่ใช่จินตนาการไปเรื่อยๆ หากจินตนาการว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่นักการเมืองที่ดีที่จะเข้าใจและแก้ไขปัญหาของประเทศได้ จึงคิดว่า น.ส.ศิริกัญญา ต้องกลับไปทบทวนดูว่าจะสามารถทำอย่างที่ออกมาคิดได้ไหม และลองถามตัวเองดูว่าหากแบงก์ชาติมีปัญหา พรรคก้าวไกลจะพิสูจน์หรือจะเสนอความเห็นที่เป็นทางออกที่ถูกต้องได้ไหม หรือว่าจะเสนอไม่ได้ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมแบบนี้ ก็พูดมาให้ชัดว่าวิธีการที่ถูกต้องจะทำอย่างไร
ส่วนเรื่องควันหลงกรณีปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และมีรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยหลุดออกจากตำแหน่ง 3 คน ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ได้มีความขัดแย้ง ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังติดต่อพูดคุยกันตลอด เชื่อว่าผู้ที่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมเพียงแค่ติดภารกิจ เช่นเดียวกับตนเองที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมในช่วงบ่ายเหมือนกัน ซึ่งการไม่มาร่วมกิจกรรมไม่ใช่เป็นการส่งสัญญาณอะไร และทุกคนยังไม่ได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ กรณีที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าส่วนตัวเป็นแฟนคลับ นายภูมิธรรม มาหลายสิบปี และพร้อมร่วมงานด้วย นายภูมิธรรม บอกว่า ก็ขอบคุณ รู้สึกดีใจที่มีเอฟซีเป็นระดับรัฐมนตรี และเชื่อว่าตนรวมถึงรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คน จะทำงานด้วยกันได้ อีกทั้งการทำงานในกระทรวง ไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองไหน เราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่ดี ก็คงไม่มีปัญหาอะไร และที่ผ่านมากับ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็ทำงานด้วยดีกันมาตลอด หลังจากนี้คงได้มีโอกาสพูดคุยและแบ่งงานกัน เชื่อว่า 3 คน 3 แรง จาก 3 พรรคการเมือง จะช่วยกันทำงานให้กระทรวงพาณิชย์ก้าวไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์มากขึ้น.