“นายกฯ นิด” ลั่น ไร้แนวคิดแก้กฎหมายลดอำนาจ “เศรษฐพุฒิ” ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ยัน ไม่เคยกดดันให้ลาออก และไม่คิดปลดพ้นตำแหน่ง ขออย่าเอาแค่ความเห็นต่างยกระดับเป็นความขัดแย้ง ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ มั่นใจ เงินดิจิทัลไร้ปัญหา

วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ จ.ร้อยเอ็ด ถึงกรณีภาพความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มองว่าเป็นอุปสรรคต่อการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ตนไม่เคยบอกว่าเป็นอุปสรรค หากมีข้อสงสัยตนก็มีหน้าที่อธิบาย ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา ส่วนที่มีความเห็นต่างกัน ก็ได้ชี้แจงไปชัดเจนแล้ว โครงการก็เริ่มเดินและเป็นไปตามโครงการทุกอย่าง 

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะยื่นให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เมื่อใด นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ชี้แจง ส่วนกรณีกระแสข่าวและภาพที่ออกมาตอนนี้ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเรื่องเงินดิจิทัล แม้รัฐบาลยืนยันว่าได้แน่ในไตรมาส 4 จะมีโอกาสพูดคุยกับผู้ว่าการ ธปท. แบบส่วนตัวเหมือนช่วงแรกๆ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนพูดไปชัดเจนแล้ว แต่เรื่องของเงินดิจิทัลที่บอกว่ามีปัญหาตนเพิ่งได้ยิน แต่ก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร มีการแถลงข่าวไปเรียบร้อย พวกท่านเองก็พยายามบอกว่ามีปัญหา มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ตอนนี้โครงการก็เดินไปแล้ว และมีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องไปทำงานกัน ตรงไหนที่ต้องมีการตรวจสอบที่กฤษฎีกา ก็มีการทำงานกันไป 

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

...

ส่วนคำถามว่า รัฐบาลประกาศเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต แต่มีข้อทักท้วง จะเป็นอุปสรรคต่อการจ่ายเงินอีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่มีครับ มั่นใจครับ เรียบร้อยแล้วครับ หากมีคำถามมาก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตอบ ซึ่งโครงการก็เริ่มเดิน และเป็นไปตามโครงการทุกอย่าง” 

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่มีกระแสข่าว รัฐบาลมีแนวคิดจะแก้พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับอำนาจของผู้ว่าการ ธปท. นายเศรษฐา ตอบว่า ตนไม่ได้มีแนวคิด และไม่เคยพูด ประเด็นตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าการ ธปท. รัฐบาล หรือสภาผู้แทนราษฎร เรามาอยู่ด้วยกัน เพราะเราต้องดูแลพี่น้องประชาชน เรื่องนี้สำคัญสุด ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมายต้องมีการส่งเรื่องมาจากกระทรวงการคลัง ยังไม่เห็นมีการส่งขึ้นมา เมื่อถามย้ำว่ามีแนวคิดจะแก้ไขกฎหมายลดอำนาจความเป็นอิสระของ ธปท. หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า “ผมไม่เคยพูด อนาคตผมไม่ทราบ ต้องถาม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” 

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ขณะที่แม้จะบอกว่าไม่เคยมีความขัดแย้ง แต่ภาพที่ออกมาสื่อถึงความขัดแย้งระหว่างกัน นายกรัฐมนตรี เผยว่า อย่าดูที่ภาพ ดูที่เนื้องานดีกว่า อย่างที่บอกเรื่องดอกเบี้ยตนชัดเจน ไม่เคยปฏิเสธ เพราะคิดว่าดอกเบี้ยสูงควรจะลด แต่ทางผู้ว่าการ ธปท. บอกดอกเบี้ยไม่สูง ไม่ควรจะลด ใช่หรือไม่ก็ชัดเจน ตนก็ต้องไปหาวิธีการอื่นที่จะบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชน โดยเชิญ 4 ธนาคารมาพูดคุย เชิญธนาคารในกำกับอยู่แล้ว ก็ลดไปประมาณ 0.25% ซึ่งตนได้ขอบคุณและก็เดินหน้าบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชนต่อไป ไม่ได้มีการไปต่อว่าอะไรทางผู้ว่าการ ธปท. 

สำหรับเรื่องที่มีข่าวว่าจะมีการเสนอแก้กฎหมาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลต้องการลดอำนาจผู้ว่าการ ธปท. นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องไปถามต้นตอของข่าววันนี้ ตนไม่ได้พูด จากนั้นเมื่อถามย้ำว่า ภาพที่ออกมาเหมือนเป็นการกดดันให้ผู้ว่าการ ธปท. ลาออก นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า “ผมไม่เคยพูดให้ผู้ว่าฯ ลาออก รวมถึงเรื่องการปลดผู้ว่าฯ ด้วยความเคารพ ถ้าท่านผู้ว่าฯ ฟังอยู่ ผมไม่เคยกดดันนะครับ และไม่เคยพูดด้วย ผมกดดันผมอาจจะมีการพูดคุยถึงเรื่องเนื้องานเป็นหลัก ผมเป็นผู้นำรัฐบาล พูดมาแค่นี้โดยตลอด ก็แค่นี้”

เมื่อถามถึงเรื่องที่ต่างคนต่างให้สัมภาษณ์ โดยทางผู้ว่าการ ธปท. บอกว่านักการเมืองมาแล้วก็ไป ขณะที่ ธปท. ต้องรักษาสภาพการเงินการคลังของประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี ตอบในเรื่องนี้ว่า คงไม่ไปคอมเมนต์เกี่ยวกับว่าใครพูดอะไร แต่คิดว่าตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ธปท. รัฐบาล สภาฯ เรามาทำงานเพื่อประชาชน จิตใจตนยึดโยงกับประชาชนอย่างเดียว และกฎหมาย 

ส่วนจะต้องมีการเรียกผู้ว่าการ ธปท. เข้ามาพูดคุยอย่างจริงจังเพื่อลดปัญหาต่างคนต่างพูดหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุ ตนว่าไม่ได้ต่างคนต่างพูด ตนก็ยึดโยงกับพี่น้องประชาชนอย่างเดียว ผู้ว่าการ ธปท. ก็พูดเอง มีอะไรสื่อสารก็สื่อสารผ่านกระทรวงการคลัง ตนขอใช้ว่าให้เป็นไปตามระบบแล้วกัน และจะติดตามผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งได้สั่งการไปแล้ว และเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2567 ก็ให้สัมภาษณ์ย้ำไปแล้ว ผู้ว่าการ ธปท. บอกตนชัดเจนแล้วว่าไม่อยากให้ตนสื่อสารโดยตรงกับท่าน ให้ผ่านกระทรวงการคลัง ตนก็ทำตาม และก็ไม่ได้เชิญสื่อมวลชนมากล่าวโทษผู้ว่าการ ธปท. หรืออะไรเลยใช่ไหม ผู้สื่อข่าวถามต่อ จะทำอย่างไรให้อุณหภูมิความขัดแย้งลดลง ในเมื่อ ธปท. เป็นกระเป๋าเงินใหญ่ของประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า อุณหภูมิจะถูกลดก็ต่อเมื่อปัญหาของพี่น้องประชาชนถูกแก้ไข 

นอกจากนี้ ในคำถามว่าช่วงแรกๆ นายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าการ ธปท. ก็มีการโทรศัพท์คุยกัน นายเศรษฐา กล่าวตอบดังนี้ว่า “ท่านผู้ว่าฯ บอกผมชัดเจนแล้วว่าไม่อยากให้ผมสื่อสารโดยตรงกับท่าน ให้ผ่านกระทรวงการคลัง ผมก็ทำตามที่ท่านบอกมา และผมก็ไม่ได้เชิญสื่อมวลชนมากล่าวโทษผู้ว่าฯ หรืออะไรเลยใช่ไหม เมื่อท่านถามมาว่าดอกเบี้ยสูงไหม ผมก็บอกว่าดอกเบี้ยสูง ก็เท่านั้นเอง ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้ว่าฯ คู่กรณีของผมคือความยากจนของพี่น้องประชาชน และความยากจนเกิดมาจากดอกเบี้ยสูง ผมก็บอกแค่นี้ ถ้าจะเปลี่ยนใจผม อย่างไรก็เปลี่ยนใจผมไม่ได้ ฝ่ายการเมือง ฝ่าย สส. รัฐมนตรี และองค์กรอิสระ อย่างเช่น ธปท.เอง ก็มีความปรารถนาดีต่อพี่น้องประชาชน แต่มองปัญหาคนละแบบเท่านั้นเอง ซึ่งต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำซึ่งกันและกัน”

ขณะที่ดูเหมือนนโยบายการเงินการคลังไปคนละทางกัน จะทำให้บริหารงานยากหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีความลำบากเหมือนกัน ต้องพูดคุยกัน อย่างที่ผู้สื่อข่าวเคยมีคำแนะนำ ตนก็พูดผ่าน สศค.ไป เมื่อถามว่า ธปท. อาจจะต้องรักษาหนี้สาธารณะ ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องแก้ไขหนี้ครัวเรือน จะทำอย่างไรให้มาจูนกันได้ นายเศรษฐา เผยว่า มันมีหลายองค์ประกอบ หนี้สาธารณะก็เป็นเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ถ้าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จีดีพีโต เราก็กู้ได้อีก เปอร์เซ็นต์ของหนี้สาธารณะก็ไม่ได้สูงขึ้น เราก็ต้องมีกรอบชัดเจน ต้องไม่สูงกว่า 70% ของจีดีพี ตรงนี้เป็นข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้ว ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร หน้าที่ตนคือเอานโยบายการคลังมาดูแลพี่น้องประชาชน มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ลำดับที่ 24
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ลำดับที่ 24

หากจะพูดอะไรประโยคหนึ่งถึงผู้ว่าการ ธปท. อยากจะพูดอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ครับ ไม่มี ผมพูดชัดเจนแล้ว สิ่งที่เราเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย อย่าว่าแต่ผู้ว่าการ ธปท.เลย คนในรัฐบาล คนในพรรคเอง เราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกคน นโยบายต่างๆ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องธรรมดา เราอยู่ด้วยกันเป็นผู้ใหญ่ ก็มีความประสงค์ดีกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น ความเห็นต่างก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว วันนี้ผมก็ไม่ได้เห็นตรงกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ทุกเรื่อง แต่เราก็คุยกัน มีภาษาที่สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ พยายามที่จะยืดหยุ่นประนีประนอมกันได้ เพราะผมเชื่อว่าทุกคน รวมถึงทุกคนที่ยืนอยู่ที่นี่ มาทำงานเพื่อประชาชน อย่าให้มีวาทกรรมว่าจะปลด จะอะไร มันไม่ใช่ ไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลยแม้กระทั่งนิดเดียว”

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับกระแสโซเชียลมีเดียที่ติดแฮชแท็ก #saveผู้ว่าธปท นั้น นายเศรษฐา ตอบกลับว่า ไม่มีคอมเมนต์ เพราะมองว่าท่านไม่มีอะไรที่จะต้องถูกเซฟ เพราะท่านก็มาถูกต้อง ก็มีหน้าที่ของท่าน ก็ทำงานไป หลายๆ อย่างที่ท่านทำตนเห็นด้วยก็มี และเหมือนกันหลายๆ อย่างที่ตนทำเชื่อว่าท่านก็เห็นด้วย และหลายอย่างที่ตนทำก็อาจจะไม่เห็นด้วย แต่เราเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว ฝ่ายตนก็มาทำเพื่อประชาชน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปขัดแย้งกับใคร ส่วนตัวว่าท่านไม่ต้องการการเซฟ เพราะไม่มีใครจะไปปลดท่าน ไม่มีใครพูด รัฐมนตรีคนใหม่ก็ไม่ได้พูด ตนก็ไม่ได้พูดใช่ไหม เพียงแต่ไปแปลกัน เห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง พยายามยกระดับขึ้นไปให้เกิดความขัดแย้ง 

“ผมยืนยัน ไม่ว่าจะในสาธารณะหรือส่วนตัว ก็พูดแบบนี้แหละ มีเรื่องดอกเบี้ยเรื่องเดียว ไม่ได้พูดเรื่องการกำกับดูแลแบงก์ หรือหนี้เสียก็ไม่ได้พูด ท่านก็ดูหนี้เสียให้มีอัตราที่ดีแล้ว เราก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เรื่องที่มันดี มันถูกต้อง ก็ไม่ต้องชมกันหรอก ท่านก็ทำของท่านในสิ่งที่ดีไป และผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในหลายๆ เรื่อง เช่นการลงพื้นที่ใน 2 วันที่ผ่านมาก็เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน แต่เราก็ไม่เห็นด้วยในเรื่องการลดดอกเบี้ย ก็ต้องว่ากันไป ซึ่งผมก็มีวิธีการที่จะดูแลปัญหาตรงนี้ เช่น เชิญผู้บริหารธนาคารมาคุย ซึ่งเป็นธนาคารรัฐ เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน”