“อัครเดช” แจงไทม์ไลน์ ย้ายแคดเมียมให้เสร็จภายใน ก.ย. จะต้องเพิ่มบ่อฝังกลบ ขอให้เอกชนทำ EIA เพิ่มให้ทันกรอบเวลา ผู้เชี่ยวชาญ ยัน ใชัถุงบิ๊กแบ็กปลอดภัย จ่อ เรียกหน่วยงานหารือความเชื่อมโยงวางเพลิงระยอง 15 พ.ค.นี้

วันที่ 2 พ.ค. 2567 เวลา 11.30 น. ห้องแถลงข่าว อาคารรัฐสภา นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สรุปการประชุมคณะกรรมาธิการวานนี้ ระบุว่าการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียม กลับไปที่จังหวัดตาก ดำเนินการโดยใช้ดับเบิลแบ็ก ใช้ถุงบิ๊กแบ็กซ้อนกัน ซึ่งมีหลายฝ่ายแสดงความกังวลถึงวิธีการเคลื่อนย้ายนี้อาจจะไม่ปลอดภัย แต่ตนได้สอบถามไปยังตัวแทนด้านสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และตัวแทนที่ดำเนินการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้คำยืนยันว่าวิธีดังกล่าวเป็นไปมาตรฐานสากล มีความปลอดภัยต่อประชาชน ซึ่งหน่วยงานได้รับประกัน / ส่วนระยะเวลาในการฝังกลบ ปริมาณกากแคดเมียมที่วัดได้ขณะนี้คือ ประมาณ 12,500 ตัน ที่มีต้นทางจาก 5 จุด ใน 3 จังหวัด คือ ชลบุรี สมุทรสาคร และ กทม. โดยเคลื่อนย้ายตั้งแต่ 29 เมษายนที่ผ่านมา และจะทยอยนำกลับไปที่จังหวัดตาก ตามกรอบเวลาที่จะสิ้นสุดในเดือนกันยายน ซึ่งจะมีการปรับปรุงบ่อฝังกลบใหม่ จึงต้องย้ายกากแคดเมียมเข้าสู่อาคารพักคอย ในวันที่ 17 มิถุนายน และจะปิดปากบ่อภายใน 30 กันยายน ตนเชื่อว่าระยะเวลาดำเนินการจะเพียงพอ

โดยวิธีการฝังกลบนั้น จะนำถุงกากแคดเมียมลงไปในบ่อ และปิดปากหลุมพร้อมถุง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เกิดช่องว่างอากาศ ส่งผลให้บ่อที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงได้แจ้งบริษัทเจ้าของกากแคดเมียม จัดหาพื้นที่ขุดบ่อเพิ่มเติม โดยจะต้องรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ใหม่ โดยคณะกรรมาธิการขอให้จัดทำภายในกรอบระยะเวลา เชื่อว่าระยะเวลา 3 เดือนครึ่ง ตั้งแต่การพักคอยถึงขั้นตอนสุดท้ายจะดำเนินการทันเวลา ขณะที่งบประมาณในการขนย้าย รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ภาครัฐได้รับผิดชอบไปก่อนหน้า จะส่งรายละเอียดให้กระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับไปเรียกเก็บกับบริษัทเอกชน โดยจะไม่ใช้เงินจากภาษีประชาชน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า คณะกรรมาธิการตรวจปริมาณสารแคดเมียมที่พบ เท่ากับจำนวนที่ขนย้ายมาก่อนหน้าหรือไม่ โดยมีกากแคดเมียมบางส่วนที่หายไป ซึ่งจะมั่นใจได้หรือไม่ว่าจะไม่ถูกหลอม นายอัครเดช กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่กรมโรงงาน ดำเนินการสุ่มตรวจโรงงานหลอมในพื้นที่ใกล้เคียง ปรากฏว่าไม่มีโรงงานใด พบสารแคดเมียมที่ตัวกรอง (Back Fillter)

...

ขณะที่ความคืบหน้า เหตุการณ์ไฟไหม้โกดังของบริษัท วินโพรเสส จำกัด ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นายอัครเดช ระบุว่า การเกิดเพลิงไหม้กินระยะเวลา 3-5 วัน สร้างมลภาวะทางอากาศให้กับพื้นที่โดยรอบ ขณะนี้มีผู้ป่วยทางเดินหายใจ 601 ราย หรือประมาณ 84% ชัดเจนว่าได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีรายงานว่าสำนักควบคุมเพลิง ดำเนินการได้แล้ว 100% แต่ยังพบกลุ่มควันที่อาคาร 4 ส่วนอาคาร 3 พบ อะลูมิเนียมดรอส กลายเป็นลาวาหลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการมีความเป็นห่วงเรื่องก๊าซพิษ จึงขอให้กรมควบคุมมลพิษตรวจสอบสภาพอากาศ และมีการเฝ้าระวัง ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างโรงงานวินโพรเสส จ.ระยอง กับโกดังที่ อ.ภาชี อ.อยุธยา นายอัครเดช ตอบว่า จากการสอบถามพบว่า ทั้งสองแห่งมีการกองเก็บกากอุตสาหกรรมไม่ถูกหลัก ซึ่งอธิบดีกรมโรงงานสั่งปิดโรงงานดังกล่าวช่วงต้นปี 2567 ต่อมามีเหตุการณ์ไฟไหม้ที่คล้ายกับโกดังที่ จ.ระยอง ส่วนรายละเอียดในความเกี่ยวข้อง จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลอีกครั้ง หากพบว่ามีการวางเพลิงจริง จะดำเนินการหามาตรการแก้ไขต่อไป

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้มีการตรวจสอบกากอุตสาหกรรมที่ อ.ภาชี และ อ.บ้านค่าย ว่ามีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ หรือมีการเคลื่อนย้ายจากระยอง มาที่ อ.ภาชี หรือไม่ นายอัครเดช ระบุว่า จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง แต่ส่วนหนึ่งที่ตนตั้งข้อสังเกตถึง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2562 ไม่มีข้อกำหนดโทษทางอาญาที่ฝ่าฝืนการเก็บสารเคมี ซึ่นในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ จะเสนอให้มีการเพิ่มโทษทางอาญากับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และกฎกระทรวง ทั้งนี้ ยอมรับว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกินขอบเขตของกระทรวงอุตสาหกรรมไปแล้ว ซึ่งต้องอากาศหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า ต้องเป็นรัฐเป็นผู้ดำเนินการหลัก เนื่องจากกลายเป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว