อาฟเตอร์ช็อกโปรดเกล้าฯ ครม. “เศรษฐา 2” “ปานปรีย์” สุดทนเด็กนายกฯสายตรงข้ามหัวไม่พอ ยังถูกลดชั้นเขี่ยพ้นรองนายกฯ เหลือแค่ รมว.ต่างประเทศ ไม่สมศักดิ์ศรีลดเครดิตการเจรจาต่างประเทศ โอดทำงานการทูตเชิงรุกจนประเทศไทยโผล่จอเรดาร์โลกแต่กลับถูกลดบทบาท หันหลังไม่กลับมารับตำแหน่งในรัฐบาลนี้อีก ครม.ไม่พลิกโผ “พิชิต-จิราพร-เผ่าภูมิ” 3 มือใหม่ป้ายแดง พท.ขึ้นแท่น รมต.ครั้งแรก “จักรพงษ์” สายแข็งเลื่อนชั้นนั่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ คุมงานใหญ่สำนักงบฯสภาพัฒน์ “น้ำ” เป็นตัวแทนรุ่นใหม่ไฟแรงคุมสื่อ “ราเมศ” ยี้ รมต.ถุงขนมก่อปัญหาให้นายกฯ เจอยื่นตีความคุณสมบัติแน่ “เสรีพิศุทธ์” หยันปรับ ครม. ต่างตอบแทนนายทุน ไม่ช่วยให้ดีขึ้น “แสวง” ขู่ฮั้ว สว.แลกแต้ม แจกใบดำตัดสิทธิตลอดชีวิต “ธนาธร” เฉ่ง กกต.ใช้อำนาจเกินขอบเขต

หลังจากมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.เศรษฐา 2 โดยมีประกาศให้มีรัฐมนตรีที่ต้องพ้นจากตำแหน่งรวม 10 คน และมีรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่เข้าร่วมเป็น ครม.ครั้งแรกจำนวน 5 คน แต่ล่าสุดได้เกิดปัญหาแรงกระเพื่อมตามมา เมื่อนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ถูกปรับพ้นตำแหน่งรองนายกฯ เหลือเพียง รมว.ต่างประเทศตำแหน่งเดียว ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งต่อนายกรัฐมนตรี

...

โปรดเกล้าฯ ครม. “เศรษฐา 2”

เมื่อเวลา 11.15 น.วันที่ 28 เม.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้า อยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 ส.ค.2566 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 1 ก.ย.2566 นั้น บัดนี้นายกฯได้กราบบังคมทูลว่า สมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

พ้นจากตำแหน่งรวม 10 ราย

1.ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่าง ประเทศ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน รมว.คลัง นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

หน้าใหม่ 5 คน ขึ้นแท่น รมต.

2.ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกฯอีกตำแหน่งหนึ่ง นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็น รมว.ต่างประเทศ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็น รมช.พาณิชย์ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็นรมว.วัฒนธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.สาธารณสุข ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 27 เม.ย.พ.ศ.2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

“จักรพงษ์” ดูงบฯ “พิชิต”ก.ม.“น้ำ”คุมสื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯทั้ง 3 คน จากพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายพิชิต ชื่นบาน น.ส.จิราพร สินธุไพร นายกฯได้แบ่งงานให้ทั้ง 3 รับผิดชอบตามความเหมาะสม ในเบื้องต้นจะมอบหมายให้นายจักรพงษ์ ดูแลในส่วนเกี่ยวข้องกับงานด้านงบประมาณ อาจให้กำกับการบริหารสั่งและปฏิบัติราชการสำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายพิชิตที่มีความถนัดด้านกฎหมาย คาดว่าจะได้รับมอบหมายให้กำกับการบริหารสั่งและปฏิบัติราชการสำนักงานกฤษฎีกา (สคก.) และสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ขณะที่ น.ส.จิราพร ที่เป็น สส.รุ่นใหม่ มีภาพลักษณ์ดีในการสื่อสารกับผู้สนับสนุนของพรรค คาดว่าจะได้รับมอบหมายให้กำกับการบริหารและปฏิบัติราชการในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

“สุริยะ” ฟิตพร้อมลุยควบรองนายกฯ

เมื่อเวลา 17.45 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯอีกตำแหน่งว่า พร้อมจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งรองนายกฯ แม้ว่าปัจจุบันจะดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะที่ผ่านมาในอดีตเมื่อปี 48 เคยเป็นรองนายกฯควบ รมว.อุตสาหกรรม มั่นใจว่าทำงานได้ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ให้ความไว้วางใจ ส่วนที่ว่าหนักใจหรือไม่เพราะความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ขณะที่เป็น รมว.คมนาคมงานที่กำกับดูแลมากอยู่แล้ว ตอบได้เลยว่าไม่มีความหนักใจ พร้อมทำงานเต็มที่

กำกับดูแล คค.-สธ.-วธ.-ทก.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานที่นายสุริยะ ในฐานะรองนายกฯจะได้กำกับดูแล ประกอบด้วยกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)

สลค.แจ้งงดประชุม ครม. 30 เม.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเวียนไปยังบรรดารัฐมนตรี แจ้งว่า มีพระบรมราชโองการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ ตามประกาศราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 27 เม.ย.2567 ดังนั้นนายกฯจึงให้งดการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 30 เม.ย.นี้ ทั้งนี้สำหรับความเคลื่อนไหวนายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีในวันที่ 30 เม.ย. มีกำหนดการประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2567 เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำหรับการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีใหม่ ยังไม่มีกำหนดการออกมา มีเพียงการประสานให้รัฐมนตรีใหม่เตรียมความพร้อมอยู่ใน กทม.เท่านั้น

“ปานปรีย์” ไขก๊อก รมว.ต่างประเทศ

ต่อมาเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ได้มีการเผยแพร่เอกสาร ระบุเป็นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ลงชื่อนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งเผยแพร่ในกลุ่ม สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ใจความว่า กราบเรียน นายกรัฐมนตรี ตามที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีบางตำแหน่ง และปรากฏว่าผมยังคงดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ อยู่เพียงตำแหน่งเดียวนั้น ตนมีความประสงค์จะขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.2567 เพื่อเปิดทางให้ท่านอื่นเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน

คาใจผลงานอื้อถูกเขี่ยพ้นรองนายกฯ

“สาเหตุของการปรับผมออกจากรองนายกฯครั้งนี้ เชื่อว่าไม่เกี่ยวกับไม่มีผลงานแน่นอน เพราะผมทุ่มเทการทำงานด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และตั้งใจทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนมากขึ้น ตามที่รัฐบาลได้แถลงผลงานไปแล้ว จนสามารถตอบสนองต่อนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกอย่างเด่นชัด วันนี้ไทยหวนกลับมาขึ้นบนจอเรดาร์ของโลก มีมิตรประเทศเพิ่มขึ้น และมีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทยมากขึ้น นอกจากนั้นการให้ความสำคัญกับคนไทยในต่างประเทศ ผมยังไปเจรจาด้วยตัวเอง เพื่อนำคนไทยผู้ถูกจับเป็นตัวประกันในอิสราเอลกลับไทยได้ถึง 23 คน แรงงานไทย 8,000 คน และจากเล่าก์ก่ายในเมียนมาอีก 1,000 คน เปิดวีซ่าฟรีกับหลายประเทศ เพื่อคนไทยมีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมาฟื้นความสัมพันธ์กับอาเชียน สหภาพอียู อินเดีย และประเทศมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐอเมริกา และจีน จนเกิดการเจรจา ลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในประเทศไทยอีกด้วย” จดหมายของนายปานปรีย์ระบุ

โอดโยกลดชั้นลงเหมือนทำอะไรผิด

จากนั้นเวลา16.00น.นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีการส่งหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศว่า หนังสือฉบับดังกล่าวเป็นหนังสือจริง เพิ่งยื่นให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 เม.ย. โดยเหตุผลเป็นไปตามที่เนื้อหาในหนังสือระบุไว้ เป็นไปตามหลักการ ในเมื่อตนทำงานในตำแหน่งหนึ่งด้วยความเรียบร้อย ซื่อสัตย์ สุจริตและมีผลงานประจักษ์ชัดเจน แต่วันดีคืนดีกลับถูกโยกย้ายไปในตำแหน่งที่น้อยกว่าเดิม เสมือนว่าตนทำอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ หรือว่ามีความไม่พอใจตนในการปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯที่ผ่านมาหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบและถ้าเกรงว่างานที่ตนรับผิดชอบจะเยอะไป ก็สามารถมอบหมายให้งานในฐานะรองนายกฯให้น้อยลงได้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป การมีตำแหน่งรองนายกฯพ่วงด้วยถือว่ามีความสำคัญ เพราะการเดินทางไปต่างประเทศ ไปเจรจาความใดๆ จะมีความราบรื่นมากขึ้น เมื่อเหลือเพียงตำแหน่งเดียว อาจทำให้งานไม่รวดเร็ว หรือราบรื่นเท่าที่ควร ดังนั้นหากนายกฯเห็นว่ามีคนอื่นที่เหมาะสมกว่าก็ให้มาทำงานแทน ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจอะไร ตรงกันข้ามกลับภูมิใจที่ได้ทำงานให้บ้านเมืองในระยะหนึ่ง และมีผลงานมากมาย

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

นายกฯแค่แจ้งจะมีเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนจะมีการปรับเปลี่ยนนายกฯได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า นายกฯได้แจ้งให้ทราบเพียงว่าการปรับครม.ครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้สอบถามอะไรต่อ แต่จับสัญญาณได้จากกระแสข่าวที่ออกมา ยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ได้แต่รอดูผลว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าการลาออกจะกระทบกับงานที่เดินหน้าอยู่หรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ไม่ เพราะคนอื่นทำแทนได้ อีกทั้งได้วางแผนงานไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ทั้งเรื่องการขอเข้าเป็นสมาชิกองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (OECD) และงานอื่น เชื่อว่าคนที่จะมาสานงานต่อ สามารถจะทำงานต่อไปได้

ตำแหน่งว่างปลัด กต.รักษาการได้

เมื่อถามว่าตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศที่ว่างลง จะมีผลทำให้ต้องปรับ ครม.และรอถวายสัตย์ในคราวเดียวกันหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ปลัดกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่รักษาการ และทำงานต่อได้ เมื่อถามว่า หากได้รับมอบหมายให้ทำงานอื่นช่วยรัฐบาลยินดีจะทำหน้าที่หรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ยังไม่รับตำแหน่งใดๆ เมื่อถามว่าหลังจากยื่นหนังสือลาออกแล้ว มีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาทักท้วงหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่มีใครทราบล่วงหน้า แม้แต่นายกฯก็เพิ่งทราบเมื่อสักครู่นี้ เนื่องจากเกรงว่าหากแจ้งนายกฯล่วงหน้าแล้วท่านขอให้อยู่ต่อจะลำบากใจ เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะลาออกแน่นอน

นอน รพ.รักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายปานปรีย์ให้สัมภาษณ์ ได้อยู่ระหว่างการพักรักษาตัวด้วยอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เออยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการไข้ หลังจากเดินทางไปปฏิบัติภารกิจยังต่างประเทศและเดินทางต่อไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก รวมถึงให้การรับรองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศต่อ ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั้งหนาวและร้อนจัด

เผยฟางเส้นสุดท้ายฉุนถูกลดบทบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายปานปรีย์ มีความไม่พอใจการทำงานที่กระทรวงต่างประเทศเนื่องจากถูกนายจักรพงษ์ แสงมณี อดีต รมช.ต่างประเทศ ที่เป็นสายตรงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ข้ามหน้าข้ามตาในการทำงานหลายเรื่อง จะประสานตรงไปที่นายกฯ โดยไม่ผ่าน รมว.ต่างประเทศ ทำให้มีแนวคิดจะขอลาออกก่อนแล้ว แต่ถูกขอให้อยู่ทำงานต่อ และในการปรับ ครม.ครั้งนี้ นายปานปรีย์ได้รับการแจ้งจากนายกฯว่ามีเหตุผลความจำเป็นต้องปรับ ครม.แต่ไม่ได้รับแจ้งว่าจะถูกปรับ เหลือแค่ตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศตำแหน่งเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้เจ้าตัวมองว่าหากเหลือเพียงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศตำแหน่งเดียว ไม่ควบตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ เหมือนหลายประเทศทำกัน เวลาไปเจรจาการค้าจะไม่ราบรื่น เพราะการควบตำแหน่งรองนายกฯ ถือว่ามีศักดิ์ศรีในการเจรจาในฐานะตัวแทนประเทศที่เป็นรองแค่นายกฯ แต่เมื่อถูกลดบทบาทอาจทำให้คู่เจรจาไม่เกรงใจเหมือนก่อน เพราะเป็นคนที่ถูกประเทศตัวเองลดบทบาท จึงทำให้นายปานปรีย์ตัดสินใจลาออกในที่สุด และหลังจากนี้จะไม่เข้ามารับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาลชุดนี้อีก

ร่วมงาน พท.ต่อหรือไม่ขอดูอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้ไปจะยังคงทำงานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ต่อหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า คงต้องดูอีกครั้ง แต่ตนยังมีความรักต่อพรรค พท.อยู่ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาก็ทำงานให้กับพรรคอย่างเต็มที่ มีผลงานให้กับพรรคมากพอสมควร

ราเมศ รัตนะเชวง
ราเมศ รัตนะเชวง

“ราเมศ” ยี้ รมต.ถุงขนมก่อปัญหาผู้นำ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึง รายชื่อ ครม.ชุดใหม่ว่าขอแสดงความยินดีกับรัฐมนตรีใหม่ทุกคน หลายคนมีความเหมาะสม แต่ต้องติดตามภาคปฏิบัติว่าจะทำหน้าที่เพื่อตอบแทนประชาชนหรือตอบแทนใคร ส่วนนายพิชิต ชื่นบาน ที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกฯจะมีปัญหาตามมาแน่นอน เพราะนายกฯทราบข้อเท็จจริงดีว่า นายพิชิตมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่ต้องตีความอย่างแน่นอนว่าคดีละเมิดอำนาจศาล กรณีถุงขนม 2 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าไปดูรายละเอียดในคำพิพากษาศาลฎีกา จะเห็นพฤติกรรมทั้งหมดที่ศาลได้ชี้ให้เห็นถึงการกระทำ ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาลยุติธรรมและจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ จึงเห็นสมควรลงโทษในสถานหนัก เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนละ 6 เดือน

เจอยื่นตีความคุณสมบัติแน่นอน

นายราเมศกล่าวอีกว่า เรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน มีหลักในรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ว่าคนที่จะเป็นรัฐมนตรี จะต้อง (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีหลักที่ต้องพิจารณาว่าเรื่องราวทั้งหมดของนายพิชิตที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้น ถือว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ พฤติกรรมทั้งหมดที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้น ถือว่ามีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ และเชื่อว่าจะมีการยื่นตีความเรื่องนี้อย่างแน่นอน และอย่าออกมาโต้ด้วยเหตุผลว่ามาตรา 98 มีคุณสมบัติครบหรือใช้ข้ออ้างของนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯว่าคดีเกิน 10 ปีแล้ว เพราะประเด็นที่พูดกันอยู่คือมาตรา 160 ที่มีเจตนารมณ์กำหนดความสำคัญของคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต สุดท้ายเรื่องนี้ผลเป็นเช่นใดนายกฯต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“กาย” เห็นใจ “ชลน่าน” ถูกคนทิ้งนายเสียบ

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม. เศรษฐาว่า ดูลึกๆคนที่เป็นเลือดแท้พรรค พท. ค่อนข้างจะไม่ประสบความสำเร็จตามหวังเท่าไหร่ ช่วงหาเสียง จัดตั้งรัฐบาล คนที่เปลืองตัวที่สุดอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะอดีต รมว.สาธารณสุข ที่เป็นหมอตรงสายที่สุดกลับกลายเป็นคนแรกๆที่ถูกปรับออก สับเปลี่ยนให้คนที่ทอดทิ้งพรรค พท.ไป แล้วกลับเข้ามาใหม่ในวันที่พรรค พท. เจริญรุ่งเรืองสมดังหวังตามที่ต้องการทุกอย่าง ไม่ว่าจะอยากเป็นรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด ต้องดูว่าเป็นการตัดสินใจของนายกฯคนเดียวหรือไม่ ปรับ ครม.ยังไม่ตอบโจทย์ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากว่ารัฐมนตรีไม่ตรงกับงานกลับได้อยู่ต่อ แต่รัฐมนตรีที่ถูกมองว่าตั้งตรงกับตำแหน่งกลับถูกปรับออกอันดับต้นๆ ด้วยความที่เป็นเพื่อน สส. ทำงานพรรคฝ่ายค้านด้วยกันกับ นพ.ชลน่านมาตลอด 4 ปี เห็นความตั้งใจ แต่วันนี้พอเป็นรัฐมนตรีว่าการที่ถูกปรับออกคนแรก แบบไม่มีเพื่อนเลย มันน่าเห็นใจอยู่

“เสรีพิศุทธ์” หยันไม่ช่วยให้ดีขึ้น

ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการปรับ ครม. ว่า ก็เหมือนเดิม ในหลวง ร.9 เคยบอกให้เลือกคนมาบริหารประเทศ แต่เลือกเอานายทุนมาบริหารแทนก็เป็นแบบนี้ นายทุนเมื่อเสียเงินลงทุนแล้วต้องเอาเงินคืน การสลับเก้าอี้รัฐมนตรีกันเป็นการต่างตอบแทนหรือไม่ ให้ประชาชนดูเอาเองใครทำงาน เชื่อว่าคงไม่ทำให้รัฐบาลมีผลงานดีขึ้น เช่น การปฏิรูปตำรวจต้องพัฒนาที่คนและระบบ จะปฏิรูปประเทศต้องพัฒนาคน พัฒนาระบบด้วยเหมือนกัน คน 70 ล้านคน ถ้าไม่พัฒนาไม่มีทางปรับเปลี่ยนได้ รัฐบาลไม่ได้สอนให้ประชาชนขยัน จะเอาเงินไป แจกทั้งที่ไม่จำเป็น เงินก็ไม่มีจะกู้ก็ไม่กล้า ต้องไปตัดงบฯเอาไปแจกและซื้อเสียงอย่างเดียวแบบนี้ใช้ไม่ได้ ประชาชนไม่รู้ว่าใช้ไม่ได้ มีแต่กระสันจะรับเงิน 10,000 บาท ให้เขาซื้อเสียงแล้วเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไปเลือกเขา ไม่เห็นด้วยเอาเงินไปแจกคนมีอายุ 16 ปี เพราะยังใช้เงินไม่เป็น ยังขอเงินพ่อแม่ใช้ หากได้เงิน 10,000 บาทไป เชื่อว่าจะต้องนำเอาไปเล่นเกม เล่นการพนันแน่นอน สุดท้ายกลายเป็นถลุงภาษีประชาชน ดูแล้วการแจกเงินหมื่นของรัฐบาลผิดกฎหมายแน่นอน

รับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีบรูไน

เมื่อเวลา 15.45 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เฝ้าฯรับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล โบลเกียะฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของนายกฯ ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย. โดยเสด็จฯถึงประเทศไทยเครื่องบินพระที่นั่ง โดยมีเจ้าชายอับดุล มาติน แห่งบรูไนดารุสซาลาม โดยเสด็จฯด้วย โดยวันที่ 29 เม.ย. นายกฯพร้อมถวายการต้อนรับสมเด็จพระราชาธิบดี ฮาจี ฮัซซานัล โบลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม ที่ทำเนียบรัฐบาล โอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดี แห่งบรูไนดารุสซาลาม จะทรงหารือทวิภาคีกับนายกฯ พร้อมทรงร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆของประเทศไทยกับบรูไนดารุสซาลาม รวม 2 ฉบับ ต่อจากนั้นทรงเข้าร่วมงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารกลางวัน ซึ่งนายกฯเป็นเจ้าภาพ

“อัครเดช” จี้แก้ปัญหาสารพิษระยะยาว

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาฯ กล่าวว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วิน โพรเสส จำกัด จ.ระยอง เป็นเรื่องดี ได้ไปเห็นสภาพปัญหาจริง ทราบอยู่แล้วว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ จ.ระยอง หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีอาจเกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำขึ้นได้อีกในอนาคต เป็นโอกาสดีที่นายกฯจะได้กำชับหน่วยงานรัฐเร่งสำรวจโรงงานประเภทนี้ทั่วประเทศ เข้าไปบริหารจัดการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการแก้ปัญหาระยะยาว ต้องมีการแก้ไขปัญหาจริงจัง กรณี จ.ระยอง นายกฯต้องเร่งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ไม่ว่าผู้ได้รับผลกระทบจากควันพิษ หรือผลกระทบจากสารพิษ เข้าใจว่าการแก้ปัญหาในพื้นที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ประชาชนมาร้องเรียนความล่าช้าของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมและ จ.ระยอง นายกฯต้องลงมากวดขันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ปัญหาให้ประชาชนโดยเร่งด่วน ต้องไม่ให้เกิดในพื้นที่อื่นอีก ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญแก่ผู้ประกอบการแล้วทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ จะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี

ครม.ยังไม่ขอเปิดวิสามัญถกงบฯ 68

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญฯว่า สส.ยังไม่ได้มีใครเข้าชื่อมา น่าจะเป็น ครม.เสนอ แต่ยังไม่ได้ประสานมาตามไทม์ไลน์ จะมีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสภาฯ ช่วงวันที่ 5-6 มิ.ย. ตามที่ปฏิทินของสำนักงบประมาณกำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสมัยวิสามัญฯก่อน หากมี พ.ร.ฎ.เรียกประชุม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ คงมอบหมายให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) แต่ละฝ่ายพิจารณาตกลงกรอบเวลากัน เมื่อถามว่าเบื้องต้นนอกจากงบฯปี 68 จะมีเรื่องอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีการบรรจุร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 หรือไม่ ต้องรอดูว่าวิปแต่ละฝ่ายจะว่าอย่างไร ต้องรอประสานอีกครั้ง แต่มีการบรรจุร่างของนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) แล้ว และรอร่างของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) หากมีการรับฟังความคิดเห็นบรรจุเพิ่มเติมได้

แสวง บุญมี
แสวง บุญมี

“เเสวง” ชี้ฮั้ว สว.แลกแต้มตัดสิทธิตลอดชีพ

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายถึงที่มา กฎ กติกา วิธีการแนะนำตัว ของการเลือก สว.ชุดใหม่ ตอนหนึ่งว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้สมัคร สว.ทำได้แค่แนะนำตัว หมายความว่า ห้ามหาเสียงโดยปริยาย เพราะผู้ทรงคุณวุฒิที่สมัครทุกคน มีความดี เด่น ดัง ในสาขาอาชีพทราบกันในวงการดีอยู่แล้ว เมื่อพูดถึงที่มา สว.ต้องรู้ให้จริงว่ามาจากการเลือก การแนะนำตัว อย่าไปสับสนกับที่มา สส.ที่มาจากการเลือกตั้ง โทษของการแนะนำตัว เช่น การขอคะแนนกัน การแลกคะแนนกัน (ยังไม่ซื้อเสียง) ตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ว่าเป็นการแนะนำตัวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5606/2562 และที่ 5217/2562 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ/ตลอดชีวิต)หมายความว่า การจัดตั้ง การฮั้ว (ยังไม่ได้ใช้เงินซื้อเสียง) อยู่ในลักษณะความผิดนี้ด้วย ส่วนโทษการทุจริตในการเลือก เช่น การซื้อเสียง รวมทั้งโทษอื่น เช่น จ้างให้คนลงสมัคร รับจ้างสมัคร สมัครโดยเอกสารเท็จ รับรองการสมัคร กลุ่มความผิดนี้มีทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) จำคุก และเสียเงินค่าปรับด้วย ดังนั้น ให้พึงระวังให้ดี

สร้างก๊วนตั้งกลุ่มไลน์ขัดระเบียบฯ

นายแสวงระบุอีกว่า การให้ความรู้ การเชิญชวน ลงสมัครทำได้หรือไม่ การให้ความรู้ การเชิญชวนลงสมัครโดยทั่วไปแล้วหยุดแค่ให้ความรู้หรือเชิญชวน ลักษณะนี้โดยตัวมันเองทำได้อยู่แล้ว แต่อาจเป็นเหตุให้เป็นความผิดอื่นได้ เมื่อได้ดำเนินการต่อเนื่อง จากการให้ความรู้หรือการเชิญชวน อาทิ การตั้งกลุ่ม เพื่อติดต่อกันไม่ว่าในช่องทางใดๆ เช่น การตั้งกลุ่มไลน์ และมีการแลกคะแนนกัน ขอคะแนนกัน การฮั้วกัน เป็นต้น และการสร้างกลุ่มแต่มีการแนะนำตัว ไม่เป็นวิธีแนะนำตัวตามที่ระเบียบกำหนด เช่น การเสนอ นโยบาย เป็นต้น กกต.ออกระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัว บนหลักการ 3 ประการ คือ 1.เพื่อให้ได้ สว.ตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ 2.เพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิเดินมาสมัครด้วยตัวเอง 3.หวังดี คุ้มครองผู้สมัคร

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

“ธนาธร” เฉ่งใช้อำนาจเกินกรอบ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมณัฐพงษ์แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู คณะก้าวหน้ามีการจัดงานหัวข้อ “โสเหล่ให้คักเรื่อง สว.กับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สว.ประชาชน ไทยเฮา จะเอาจั๋งได๋” มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นผู้บรรยาย โดยนายธนาธรให้สัมภาษณ์ถึงประกาศ กกต.ระบุว่า การณรงค์ชักชวนคนให้ลงสมัคร สว.อาจเข้าข่ายมีความผิดว่า ไม่กังวลใจอะไร คงเดินหน้าทำงานปกติ ที่เราทำคือการรณรงค์ให้คนมาสนใจ การเลือก สว. มาลงสมัคร สว.เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเมืองไทย ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร ประกาศฉบับนี้อาจมีข้อท้วงติงทางกฎหมายได้ว่า กกต.อาจใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนเนื้อหานั้นตนเห็นว่า ขัดต่อการพัฒนาการเมืองไทย สุดท้ายก็จะได้แต่คนที่มีทรัพยากร ในการเกณฑ์พวกพ้องกันมาสมัคร ตนว่าไม่ต้อง กลัวหรอก สว.สีส้ม กลัว สว.สีอื่นดีกว่า เพราะเอาเข้าจริงคือการรณรงค์ให้คนตระหนักถึงความสำคัญ มาลงสมัครกัน คนที่มีทรัพยากรพอจะจ่ายค่าสมัคร 2,500 บาทได้บ้าง เป็นใครก็ได้ มีจุดยืนทางการเมืองแบบใด จะรักชอบพรรค ก.ก.หรือว่ารักชอบพรรคอื่นไม่เป็นไร เชิญชวนประชาชนทุกคน ทุกอุดมการณ์ทุกเฉดสีเข้ามามีส่วนร่วมเลือก สว.ครั้งนี้

ปชช.ไม่เชื่อ พ.ร.บ.กลาโหมหยุด รปห.ได้

วันเดียวกัน “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “หยุดรัฐประหาร!” ดำเนินการระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่างเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมกับการรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม จะช่วยป้องกันการรัฐประหาร พบว่าร้อยละ 51.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 25.73 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 12.52 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 6.72 ระบุว่าเชื่อมาก และร้อยละ 3.20 ระบุว่า เฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับการทำรัฐประหารในปี 2557 จะเป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทย พบว่า ร้อยละ 61.83 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 8.24 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 6.11 ระบุว่าเชื่อมาก และร้อยละ 3.44 ระบุว่า เฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่