คนไทยกลับมาสนใจกับ “กาสิโนถูกกฎหมายในไทยอีกครั้ง” เมื่อคณาจารย์ และนักวิชาการต่างพร้อมใจกันลงชื่อส่งสัญญาณถึง “ครม.” แสดงความห่วงใยต่อมติเห็นชอบรายงานการศึกษาของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)

เพราะด้วยการบังคับใช้กฎหมายไทย “กิจกรรมการพนัน” สามารถถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย รวมทั้งเป็นช่องทางทำมาหากินของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือนักการเมืองบางคนที่จะทุจริตคอร์รัปชัน “สถานกาสิโน” จึงอาจโยงใยกับการกระทำความผิด การฝ่าฝืนกฎหมาย และการประพฤติมิชอบได้มากมาย

โดยเฉพาะประเทศ “การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพ” ความหวังการนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาจะทำให้ธุรกิจผิดกฎหมายและการทุจริตน้อยลงอาจไม่เป็นจริง กลายเป็นเปิดช่องหาประโยชน์มากขึ้น ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.รังสิต ให้ข้อมูลผ่านเวทีเสวนาถึงเวลากาสิโนในไทยมองปัจจุบันฝันถึงอนาคตว่า

ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่ถึงเวลา “ต้องมีกาสิโนถูกกฎหมาย” ด้วยต้องศึกษาผลกระทบด้านสังคมให้ชัดเจนอีกมาก “แถมเริ่มมีข่าวลือแบ่งเค้กจุดตั้งกาสิโนกันแล้ว” โดยเฉพาะเขตพื้นที่ที่ สส.สนับสนุน ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ว่า “สส.บางคนจะไม่ได้รับประโยชน์” เพราะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การลงทุน และการสัมปทาน

...

แล้วยิ่งกาสิโนเกี่ยวข้องกับ “สถานบันเทิงครบวงจร” อันเป็นวาทกรรมสำคัญให้หลายคนได้รับส่วนแบ่งจากการลงทุนโดยเฉพาะ “การสัมปทาน” ตามหลักสากลสูตรการคอร์รัปชันคือสัมปทานเท่ากับการผูกขาดบวกด้วยการดุลพินิจให้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และลบการตรวจสอบที่ไม่ตรวจสอบจริง

เพราะการสัมปทานมักคู่การทุจริตกลายเป็นฝังรากในระบบมาตลอด “แม้ตอนหลังจะเปลี่ยนเป็นการลงทุนหรือประมูล” สุดท้ายยังมีการผูกขาดตัดตอนให้เห็นช่วง “ทำสัญญา” ผู้ประกอบการรายใหญ่ได้รับงานไป

เท่าที่ทราบ “รายใหญ่หลายเจ้า” ที่จะได้รับสัมปทานก็เดินวนเวียนอยู่ในประเทศทำให้ระแวงมากคือ “การผูกขาดตัดตอนที่ยับยั้งไม่ได้” เพราะเรื่องนี้ถูกตั้งธงมาไว้ในรายงานของ กมธ.วิสามัญฯว่าต้องให้สัมปทานกับรายใหญ่ ด้วยเหตุผลว่า “ความเชี่ยวชาญด้านกาสิโน” จึงนำมาสู่กระบวนการใต้โต๊ะแลกการให้สัมปทาน

ดังนั้น “การเปิดกาสิโนไม่ควรให้มีการสัมปทาน” แต่ควรใช้วิธีการประมูลแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตายแล้วก็เชื่อว่า “รายได้จากการประมูลจะมีมูลค่ามหาศาล” ทำให้เกิดการลงทุนส่งผลต่อเศรษฐกิจดีจริงๆ

“ทั้งต้องตรวจสอบเข้มงวดตั้งแต่เริ่มแรกค้นหากระบวนการฮั้ว โดยเฉพาะการขนย้ายเงินมหาศาลที่เกี่ยวกับความผิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด ค้าอาวุธ และค้ามนุษย์ ที่จะถูกนำมาฟอก ดังนั้น ก่อนมีกาสิโนควรตรวจสอบเจาะลึกเรื่องฟอกเงิน มิเช่นนั้นจะเป็นช่องทางขนย้ายเงินผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมาย” ศ.พิเศษ วิชา ว่า

ขณะที่ วิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส บอกว่า รัฐบาลมีสิทธิเลือกทำสิ่งที่ก่อเกิดประโยชน์ต่อสังคมได้ แต่กรณีกาสิโนกลับมองเพียงเศรษฐกิจอย่างเดียว ขาดมิติสังคมที่มักนำไปสู่ปัญหาตามมามากมาย

ทำให้ชวนย้อนไปปี 2546 “อดีตนายกฯสมัยนั้น” ส่งหนังสือถึงสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อขอความเห็น และข้อเสนอแนะเรื่องการดำเนินธุรกิจ หรือกิจการกระทบต่อเศรษฐกิจ เช่น เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวมถึงกาสิโน ทำให้เห็นว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 21 ปีที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้

ทว่าคราวนั้น “อานันท์ ปันยารชุน” เป็นประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ ก็ได้มีหนังสือตอบกลับว่า สังคมไทยยังขาดความพร้อม เพราะค่านิยม พฤติการณ์ มีแนวโน้มชอบเล่นการพนัน และการบังคับใช้กฎหมายก็ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ แล้วการพนันมักเป็นหนทางแห่งความเสื่อมนำมาซึ่งความหายนะ

ยิ่งกว่านั้น “ไม่ส่งผลทำให้การพนันเถื่อนหมดไปได้” การจัดระบบการพนันให้ง่ายต่อการควบคุมเหมาะสมถูกต้องยากที่จะเป็นไปได้ และธุรกิจการพนันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญส่งเสริมการจ้างงาน แต่ทำให้ผู้เล่นพนันเพิ่มขึ้น ทั้งยังส่งผลให้ต้นทางด้านสังคมสูงขึ้นในด้านอาชญากรรม การล้มละลายทำให้บรรทัดฐานสังคมเสื่อมถอยลง

หนำซ้ำรายได้จากการพนันดึงเงินจากประชาชนเข้าสู่ระบบการพนันมากขึ้น “การพนันถูกกฎหมาย” แก้ปัญหาเงินทุนไหลออกนอกประเทศไม่ได้ ทำให้การเปลี่ยนกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นสู่อิทธิพลระดับชาติ

สุดท้ายกลายเป็น “เครือข่ายนักการเมือง” นำมาซึ่งการคอร์รัปชันระดับชาติ หรือคอร์รัปชันเชิงนโยบาย ท้ายที่สุดการขับเคลื่อนนโยบายนำการพนันขึ้นมาให้ถูกกฎหมายก็ไม่สามารถไปต่อได้

กระทั่งยุคนี้แม้แต่ “สตช.” ก็ได้ให้ความเห็นต่อ “กมธ.วิสามัญฯ” หากปล่อยให้คนเข้าถึงการพนันได้ง่ายอาจก่อเกิดปัญหาครอบครัว พัฒนาเป็นปัญหาสังคม หรืออาชญากรรมจากการลักทรัพย์เล็กๆน้อยๆไปถึงการก่อเหตุรุนแรงขึ้น แม้แต่สถานที่ตั้งยังจะมีผลกระทบต่อการดูแลได้ยากหากตั้งในชุมชน หรือใกล้สถานศึกษา

และอาจถูกใช้เป็นสถานที่ “ฟอกเงินเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย” เกิดกลุ่มอิทธิพลกลายเป็นแหล่งมั่วสุมให้ผู้เล่นใหม่เพิ่มมากขึ้นนำไปสู่ติดหนี้ยืมสินล้วนกระทบต่อ “ครอบครัวและสังคม” ดังนั้นแม้ไทยยังไม่มีกาสิโนถูกกฎหมายแต่เหตุอาชญากรรม 21% มักเกิดจากปัญหาการพนันหรือ 1 ใน 5 ของปัญหาทั้งหมด

สิ่งเหล่านี้กลับไม่ถูกเปิดเผยต่อ “สาธารณชน” กลับนำเสนอเฉพาะผลประโยชน์เชิงบวก และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมิให้สังคมไทยมีโอกาสได้ชั่งใจว่าควรมีกาสิโนถูกกฎหมายหรือไม่

ในด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ฝ่ายการเมือง บอกว่า ตอนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านอยู่ในช่วงการศึกษาสิ่งที่จะเกิดขึ้น “เพื่อสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ” แต่ด้วยช่วงการศึกษามีเวลาจำกัดส่งผลให้มีหลายประเด็นไม่ครอบคลุมและต้องศึกษาให้รู้เกี่ยวกับปัญหาไม่ให้ถูกปล่อยปละลักลอบเล่นการพนันกันแบบนี้

แล้วกรณีการศึกษาเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรฯ “กมธ.วิสามัญฯ” ก็มีการเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้อง 9 กระทรวง 20 หน่วยงาน เพื่อศึกษาผลกระทบ 6 ด้าน ออกมาเป็นรายงานอย่าง “นโยบายทางการเมือง” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฟอกเงิน การกู้ยืมเงิน แรงงาน ธุรกิจทางเพศ สินค้าผิดกฎหมาย การคอร์รัปชัน

ถัดมา “ด้านเศรษฐกิจ” มีตั้งแต่การติดการพนันเรื้อรัง ปัญหาการพนันออนไลน์ “สิ่งแวดล้อม” มักก่อปัญหาขยะ และมลพิษส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ “การศึกษา” เป็นแหล่งมั่วสุมอบายมุขนำมาสู่การก่ออาชญากรรมต่างๆ “ด้านศาสนา” ที่เกี่ยวกับจารีตประเพณีและปัญหาด้านสังคมต่างๆ แต่ยังขาดรายละเอียดเชิงลึกอีกมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2567 “ครม.” มีมติตั้งคณะทำงานศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และกาสิโนเพิ่มเติม คาดว่ามีคณะฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายวิชาการร่วมศึกษาก่อนเสนอกลับเข้า ครม.ใน 30 วัน

แต่ว่าในรายงานฉบับนี้ “กมธ.วิสามัญฯ” มีการร่างกฎหมาย 86 มาตราด้วยการรวบรวมรูปแบบผลกระทบ มาตรการ และกลไกที่ควรจะมีที่ยกตัวอย่างกลไกสิงคโปร์มาเป็นแบบ แต่รายงานฉบับนี้ก็ยังไม่ยุติเป็นเพียงคำแนะนำและข้อสังเกต คงเป็นหน้าที่ ครม.หยิบยกมาพิจารณาแล้วไม่นานมานี้ก็เริ่มนับหนึ่งด้วยการตั้งคณะศึกษาขึ้นมา

จากนั้นก็จะ “ยกร่าง พ.ร.บ.” ผ่านกฤษฎีกานำเข้าสู่สภาคาดว่าน่าจะเดือน ก.ค.2567 นี้ “แต่ขั้นตอนนี้ประชาชน” อาจใช้สิทธิตามมาตรา 133 (3) แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ด้วยการรวม 10,000 รายชื่อ ยกร่างกฎหมายเข้าไปประกอบอภิปรายวาระที่ 2, 3 แต่หากไม่ต้องการมีกาสิโนก็คงต้องรณรงค์เห็นถึงปัญหาต่างๆ

อันเป็นเครื่องมือใช้สำหรับ “การแสดงความคิดเห็น และนำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ” แล้วถ้าหาก “ทำประชามติ” คนทั้งประเทศคงไม่เอาอยู่แล้วแต่มีเพียงคนส่วนน้อยที่ต้องการกาสิโน ดังนั้น สิ่งที่ทำต่อคือติดตาม หรือจะค้านก็ไปที่ ครม.ให้ชะลอหากชะลอไม่ได้ก็ต้องขับเคลื่อนให้เลื่อนกาสิโนออกไปก่อน

ฉะนั้นเรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย “รัฐบาล” ควรศึกษามุมผลกระทบให้รอบด้านเพราะการตัดสินใจรวดเร็วเกินไป “เศรษฐกิจไทย และสังคม” ต้องเผชิญปัญหากลายเป็นมรดกบาปตกไปสู่ลูกหลานแน่นอน.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม