“พริษฐ์” จี้ กกต.ปิดทาง สว.ลากตั้งอยู่ยาว เผย ระเบียบข้อ 154 เปิดรูยื้อ ไม่ประกาศผล ชวนคนจับตาอย่ามียื้อ ติงดึง “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เด็กคณะรัฐประหารเก่า แทน “สุทิน” ทำหลักการ “รัฐบาลพลเรือน อยู่เหนือกองทัพ” สะดุด

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2567 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล และประธานคณะ กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ กล่าวถึงกรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ชงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 40 41 42 ขัดหรือแย้ง รัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่ ว่า เรื่องนี้ ตนขอพูดในนามประธาน กมธ.พัฒนาการเมือง ว่า เรื่องเฟ้น สว.ใหม่ กกต.ต้องบรรลุ 2 เป้าหมาย คือ 1. เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด มีผู้สมัครเข้าแข่งขันมาก มีโอกาสแนะนำตัวกว้างขวาง ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมมากสุดเท่าที่ทำได้ 2. ทำให้การคัดเลือก ราบรื่น รวดเร็ว ตามกรอบเวลา ยิ่งยืดเยื้อ สว.ชุดปัจจุบัน ที่แต่งตั้งจาก คสช.จะรักษาการต่อไปได้โดยไม่มีกำหนด

นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป้าหมายที่ 2 เรามีข้อกังวลหลายส่วน เช่น กรณีการร้องเรียนของ นายธีรยุทธ เป็นความเสี่ยงรูปแบบหนึ่ง แต่ถึงแม้ไม่มีการยื่นร้องเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือศาลรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เรากังวลคือ ข้อ 154 ของระเบียบการคัดเลือก สว. 2567 ประกาศเมื่อ ก.พ. เขียนว่า เมื่อมีการคัดเลือก สว. 200 คนแล้ว ถ้า กกต.เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้อง สุจริต เที่ยงธรรม ให้ประกาศผลการเลือก แต่ไม่ได้เขียนกรอบเวลาไว้ชัดเจน ว่า ต้องประกาศผลภายในเมื่อไร หมายความว่า ถ้ามีข้อร้องเรียนเข้ามาเยอะ แล้ว กกต.ยังไม่พร้อมจะยืนยันว่า การเลือกสุจริต เที่ยงธรรม มันเปิดช่องให้ กกต.ยื้อการประกาศผลไปได้ โดยไม่มีกรอบเวลากำหนด ซึ่งจะทำให้ สว.ชุดปัจจุบันรักษาการต่อไปโดยไม่มีกรอบเวลา

...

นายพริษฐ์ กล่าวว่า แม้ สว.ชุดรักษาการ ไม่มีอำนาจเลือกนายกฯ ตามบทเฉพาะกาล แต่มีอำนาจเทียบเท่า สว.ชุดใหม่ อาทิ การโหวตเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรับรองคนที่ไปเป็นองค์กรอิสระ นอกจากนี้ กระบวนการคัด สว.ชุดใหม่ มีความซับซ้อนอยู่แล้ว กกต.ยิ่งต้องทำงานหนัก สื่อสารเชิงรุก เพื่อให้ความชัดเจนต่อประชาชน ทำให้ระเบียบ และประกาศทุกอย่าง ไม่มีความคลุมเครือ อยากชวนประชาชนช่วยกันจับตา ไม่ให้กระบวนการนี้มันถูกยืดเยื้อออกไป ยิ่งยื้อไม่ว่าจะด้วยเหตุใด จะทำให้ สว. 250 คน ชุดปัจจุบัน รักษาการต่อไปได้เรื่อยๆ ตนเชื่อว่า ไม่เป็นทิศทางที่ดีต่อการยกระดับกฎหมายภายในประเทศ รวมทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ

โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องการปรับ ครม.ว่า การปรับ ครม.จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ รัฐบาลปรับเพื่อดึงคนที่เชี่ยวชาญกว่ามาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรี ที่เหมาะสม แต่หากยังปรับ แบบคำนึงถึงแค่ ปัจจัยเรื่องโควตาการเมือง คงจะไม่ทำให้ภาพรวมการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อถามว่า มองกระแสข่าว รัฐบาลเตรียมให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม ซึ่งเคยเป็นมือทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ สมัย คสช.ยึดอำนาจ อีกทั้งเป็นเตรียมทหารรุ่นที่ 20 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.และรองเลขาธิการพระราชวัง มาเป็นรมว.กลาโหม แทน นายสุทิน คลังแสง อย่างไร นายพริษฐ์ ตอบว่า ว่า เก้าอี้รมว.กลาโหม รัฐบาลเศรษฐา 1 เป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ประชาชนฝากความหวังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย รมว.กลาโหม เป็นพลเรือน ที่ไม่ใช่นายกฯ แม้ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล เคยอภิปราย 152 ว่า วาระการปฏิรูปกองทัพ มีความคืบหน้าน้อยกว่าที่หวัง การมีพลเรือนมาบริหารกระทรวงกลาโหม เป็นวิธีการหนึ่งที่สำคัญ ในการยืนยันหลักการรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ

ล่าสุด วันนี้ ทางนายสุทิน เพิ่งประกาศ ว่า จะมีการเดินหน้าแก้ไข กฎหมาย 2 ฉบับ ก็คือ พ.ร.บ.ระเบียบราชการกลาโหม และ พ.ร.บ.ศาลทหาร แม้เนื้อหาการแก้ไข อาจะยังไม่ครอบคลุมทุกประเด็น ที่พรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไข แต่เป็นสัญญาณดี เพื่อปรับโครงสร้างการบริหาร กระทรวงและกองทัพ ให้ยืนยันหลักการว่า รัฐบาลพลเรือน อยู่เหนือกองทัพ

“ถ้ามีการปรับ ครม.จริง โดยเป็นการเอาคนในกองทัพที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอำนาจเดิม และเชื่อมโยง หรือมีความใกล้ชิดกับคณะรัฐประหาร มาบริหารกระทรวงจริง ประชาชนก็อาจจะตั้งคำถามได้ว่า อาจจะทำให้ วาระการปฏิรูปกองทัพ และการยืนยันหลักการรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพมันสะดุดลง” นายพริษฐ์ กล่าว