“เศรษฐา” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า รดน้ำดำหัวขอพร “ทักษิณ” ย้ำเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ไม่ติดใจคนเพื่อไทยเคารพ “นายใหญ่” มากกว่า กระแทกใส่รัฐมนตรีนักวิ่งเต้น ให้ทำงานดีกว่า จะเป็นภูมิคุ้มกันดีที่สุด ลั่นไม่ต้องเคลียร์กับคนที่มีชื่อถูกปรับออก คนมองสนิททหารเลยถูกโยงนั่งควบกลาโหม “ประเสริฐ” อวย “นายใหญ่” ประสบการณ์ล้ำคุณค่า วิปรัฐบาลเล็งปรับโฉมยกเครื่องงานในสภาฯ “พิธา” เตือนไล่ยุบก้าวไกลจะได้รัฐบาลเผด็จการ ท้ามาแข่งกันแฟร์ๆ อย่าอิงอำนาจพิเศษ ขอนิยามชัดๆคำว่า “ล้มล้างการปกครอง”
ส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง มุดบ้านจันทร์ส่องหล้า เข้ารดน้ำดำหัวขอพรนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ติดใจรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทยให้ความเคารพรักอดีตนายกฯมากกว่า แต่เตือนรัฐมนตรีนักวิ่งเต้น เอาเวลาไปทำงานดีกว่าเป็นภูมิคุ้มกันดีที่สุด
“เศรษฐา” รดน้ำดำหัว “ทักษิณ”
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 16 เม.ย. ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ใช้โอกาสเนื่องในวันหยุดราชการเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย เข้ารดน้ำดำหัวขอพรนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งยี่ห้อ Lexus สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน สร 30 กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ นายกฯมาในชุดสบายๆ เสื้อโปโลสีขาว สวมกางเกงยีนส์ ก่อนจะเข้าประตูด้านหน้าได้ลดกระจกลงเพื่อทักทายสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลเศรษฐา 2 เมื่อเข้าไปในบ้านนายเศรษฐาเข้าไปไหว้และรดน้ำดำหัว พร้อมมอบพวงมาลัยแก่นายทักษิณ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ในขณะที่นายทักษิณในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวลายสีฟ้าให้การต้อนรับและรับไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเช่นกัน พร้อมกล่าวขอบคุณนายเศรษฐา ก่อนจะเข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ นายเศรษฐาได้โพสต์ภาพขณะรดน้ำดำหัวขอพรนายทักษิณลงโซเชียลมีเดียส่วนตัว พร้อมข้อความระบุว่า “มากราบขอพรและสวัสดีปีใหม่ท่านนายกฯทักษิณ ผู้ใหญ่ที่เคารพครับ” โดยตลอดช่วงเช้ามีแขกทยอยเข้าพบไม่ขาดสาย
...
ไม่ติดใจคน พท.เคารพ “นายใหญ่”
ต่อมาเวลา 11.05 น. นายเศรษฐาออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกระแสมีการเปรียบเทียบภาพนายกฯอยู่กับครอบครัวที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับภาพรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยไปร่วมกิจกรรมสงกรานต์กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยนายเศรษฐาย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ท่านต้องเป็นคนบอกผมว่าท่านมองอย่างไร ต้องถามมาตรงๆ ผมจะได้ตอบได้” ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าภาพที่ออกมาคือรัฐมนตรีส่วนใหญ่เดินทางไปพบกับนายทักษิณ ที่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐาตอบว่า รัฐมนตรีเหล่านี้รู้จักกับนายทักษิณมานานกว่าตน และนายทักษิณเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายก รัฐมนตรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม คงไม่ต้องเอ่ยชื่อทุกคน ทุกคนรู้จักนายทักษิณมานานกว่าตน และให้การเคารพกันมายาวนาน และนายทักษิณเองก็อายุมากกว่ารัฐมนตรีทุกคน เป็นธรรมดาไม่ได้คิดอะไร หากพยายามจะบอกว่านายทักษิณได้รับความนิยมชมชอบมากกว่าก็ไม่ติดอะไร รับได้อยู่แล้ว และวันสงกรานต์ถือเป็นวันครอบครัว จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่น่าเที่ยว การรดน้ำดำหัวถือเป็นประเพณีพื้นฐานอยู่แล้ว และนายทักษิณเป็นผู้ที่คนในพรรคให้ความเคารพ
กระแทก รมต.นักวิ่งทำงานดีกว่า
นายเศรษฐายังกล่าวถึงการเข้าพบนายทักษิณในวันนี้ว่า มาตามประเพณีไทย มาสวัสดีปีใหม่และรดน้ำอวยพร เอาพวงมาลัยมาไหว้มากราบท่าน นายทักษิณอวยพรให้สุขภาพแข็งแรง และเป็นกำลังใจในการบริหารบ้านเมือง เมื่อถามว่าวันนี้มีเมนูอะไรเป็นพิเศษ นายเศรษฐาตอบว่า ตนทานกาแฟอเมริกันโน่เย็นไม่ใส่น้ำตาล เพราะยังไม่ทานอะไรจนกระทั่งเที่ยง จึงไม่มีเมนูพิเศษอะไร เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 2 นายเศรษฐาตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่มี สื่อไปพูดกันเอง อย่างไรก็ตามมันก็ต้องปรับในวันหนึ่ง ถ้าจะปรับก็จะทราบกันเอง ไม่อยากให้รัฐมนตรีที่มีรายชื่อออกมาขณะนี้หวั่นไหว ผมคิดว่าควรเร่งทำงานกันดีกว่า เพราะทุกๆวันมีค่า แทนที่จะวิ่งเต้น วิ่งเซ่น มาหาท่านนั้นท่านนี้” เมื่อถามว่ามาพบนายทักษิณมีการพูดคุยกันเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองธรรมดา ปัญหาเรื่องข้าวโพด ปัญหาเรื่องการเผาป่า ในเรื่องของความสะอาดของบ้านเมือง เป็นเรื่องธรรมดา รวมทั้งเรื่องของเมียนมาก็ได้มีการพูดคุยกัน
ลั่นไม่เคลียร์กับ รมต.ที่มีชื่อถูกโละ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าต้องมีการพูดคุยหรือเคลียร์กับรัฐมนตรีที่มีรายชื่อจะถูกปรับออกตามที่มีการวิเคราะห์หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “ไม่เคลียร์ครับ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเขียน ผมไม่เคลียร์อยู่แล้ว” เมื่อถามว่าแสดงว่าอยากให้รัฐมนตรีทุกคนตั้งใจทำงานมากกว่า นายเศรษฐาตอบว่า พูดมาตลอดช่วงเวลา 1 เดือนที่มีข่าวการปรับ ครม. ขอบอกตรงๆว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน การทำงานที่ถูกต้อง ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและของแต่ละกระทรวงมีนโยบายเรือธงอยู่แล้ว ทุกท่านทราบอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง เมื่อถามว่าในส่วนพรรคร่วมรัฐบาลมีการส่งสัญญาณมาถึงนายกฯหรือยัง โดยเฉพาะบางพรรคที่ต้องการปรับ ครม. นายเศรษฐาตอบว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว เป็นสิทธิ์ของเขา แต่อยู่ดีๆคงไม่โทร.ไปถามว่าใครอยากปรับใครบ้าง แต่แน่นอนว่าอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังมีเก้าอี้เหลือ 1 ที่ แต่ยังไม่มี การส่งสัญญาณอะไรมาถึงตน และยังไม่มีการพูดคุย
มองสนิททหารเลยถูกโยงควบ กห.
เมื่อถามว่าอดีตนายกฯแนะนำอะไรบ้างในการทำงาน นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มี เป็นการพูดคุยถึงเรื่องบ้านเมืองธรรมดา แชร์ข้อมูลกันว่าสมัยนายทักษิณเป็นนายกฯมีอะไรบ้าง สมัยนี้มีอะไรบ้าง โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็เป็นกำลังใจให้ เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เวลาไปพบผู้ใหญ่หลายๆคน ทุกคนก็เป็นห่วงบ้านเมือง ก็พูดคุยกันในทุกๆด้านทุกมิติ ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรนายทักษิณบอกว่าสามารถโทรศัพท์มาหาได้ทุกเมื่อ พร้อมให้คำแนะนำ เมื่อถามว่าทำไมมีกระแสข่าวว่าจะไปนั่งควบ รมว.กลาโหม นายเศรษฐาตอบว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ คงเป็นเรื่องที่ตนไปเยี่ยมทหารและดูเรื่องบ้านพักข้าราชการทหาร รวมทั้งเรื่องที่มีความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทหารสูงสุดยกหูพูดคุยกันได้ เป็นหน้าที่อยู่แล้วในฐานะนายกฯ ไม่มีนัยอะไร พวกท่านก็ตอบสนองได้ดี แต่ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องมาเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือเป็น รมว.กลาโหม เพราะสถาบันทหารทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ มีวินัย หากนายกฯขออะไรไปและเป็นเรื่องที่เหมาะสมถูกต้อง เชื่อว่าทุกคนพร้อมทำให้อยู่แล้ว คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพูดคุย หรือมโนภาพว่าจะต้องเป็นอะไรตรงนั้นตรงนี้ ที่ผ่านมาก็พูดคุยกับบรรดารัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หรืออธิบดี ในกระทรวงพาณิชย์ แล้วทำไมถึงไม่บอกกันว่าจะไปเป็น รมว.พาณิชย์บ้าง
โชว์ภาพออกกำลังฟิตร่างกาย
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายเศรษฐาได้โพสต์ภาพขณะออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ ต่อยกระสอบทรายตั้งพื้น เล่นบาสเกตบอล พร้อมระบุข้อความว่า “ขอใช้เวลาช่วงวันหยุดสงกรานต์ออกกำลังกายบ้าง ทุกครั้งที่ได้ออกกำลังกาย จะสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ทำให้คิดงานได้หลายอย่าง วันนี้หลายคนเริ่มทยอยเดินทางกลับมาทำงานแล้ว ขอให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เดินทางถึงที่หมายปลอดภัยกันทุกคน”
ประสบการณ์ “นายใหญ่” มีคุณค่า
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปร่วมกิจกรรมสงกรานต์ที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีรัฐมนตรี รวมถึง สส.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนมากไปร่วมกิจกรรมว่า การได้ร่วมกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์กับนายทักษิณ ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยได้รับกำลังใจในการทำงาน นายทักษิณเป็นผู้ใหญ่ที่คนพรรคเพื่อไทยให้ความเคารพรัก เป็นธรรมดาเมื่อได้พรจากผู้ใหญ่ที่เคารพรักจะมีแรงมากขึ้น ยิ่งได้ยินท่านบอกว่าตัวท่านจะขอทำหน้าที่ที่อดีตนายกฯคนหนึ่งที่ยังคงรักบ้านเมืองเป็นห่วงบ้านเมือง ต้องมาช่วยกัน ยิ่งทำให้เราอยากทำงานให้ประชาชนได้สำเร็จมากยิ่งขึ้น หวังว่าจากประสบการณ์ของนายทักษิณ ที่เป็นนักสังเกตการณ์และอยู่ต่างประเทศมานาน ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ประสบการณ์เหล่านี้เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของเราได้มาก เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเรามีโอกาสได้พูดคุยฟังความคิดเห็นของนายทักษิณบ่อยครั้ง จะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์มาปรับใช้เพื่อพัฒนาประเทศ
พท.ปรับโฉมยกเครื่องงานสภาฯ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่าเตรียมยกเครื่องการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรใหม่ให้เข้มแข็งกว่าเดิม ทั้งในมุมวิชาการ การอภิปราย และตอบโจทย์เป็นที่คาดหวังของประชาชน จะเสริมส่วนของนักวิชาการที่เป็นฝ่ายสนับสนุนการทำงานของ สส.ให้มากขึ้น ปรับเปลี่ยนการทำงานในสภาฯของพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้การสนับสนุนเต็มที่ ต้องการให้การทำงานมีความทันสมัย น่าเชื่อถือ ที่ผ่านมาเราเป็นสส.บ้านนอก เสียเปรียบเรื่องวิชาการ ทำแต่เรื่องชาวบ้าน ดังนั้นงานสภาฯในสมัยประชุมหน้าจะเปลี่ยนลุคใหม่ ทุ่มเทการทำงานทั้งการอภิปรายและงานในกรรมาธิการที่ดีกว่าเดิม ให้สู้พรรคอื่นให้ได้ ที่ผ่านมาวิปรัฐบาลได้รับความร่วมมือจากพรรคต่างๆดี หารือกันกำชับเรื่ององค์ประชุมสภาฯไม่ให้ล่มเด็ดขาด ในฐานะประธานวิปรัฐบาลต้องดูแลทำงานเต็มที่และตรวจสอบด้วย เพื่อให้ทุกคนทำงานอย่างเข้มแข็ง ต่อจากนี้ สส.จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ทั้งในสภาฯ และดูแลชาวบ้าน สส.ที่เป็นรัฐมนตรีไม่ต้องห่วงงานสภาฯ ยืนยันว่าราบรื่นเรียบร้อยแน่นอน
“พิธา”เตือนระวังรัฐบาลเผด็จการ
วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการสู้คดียุบพรรคผ่านรายการ Dailynews Talk ว่า เราจะชินชากับความไม่ปกติในระบบแบบนี้หรือ ขณะที่มีอำนาจจากการเลือกตั้งมา เราพยายามสร้างสะพานให้ประเทศไทยไปสู่อนาคต แล้วก็ยุบพรรค ต้องระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะพรรคที่เป็นฝ่ายค้านอันดับหนึ่งของประเทศไทย ถ้าเกิดไม่มีคู่แข่งเลย ก็จะมีแต่รัฐบาลที่เป็นเผด็จการ คือถ้ามีอำนาจเบ็ดเสร็จสามารถจะใช้ไปในทิศทางที่เขาต้องการได้ อันนี้น่ากังวล
แข่งกันแฟร์ๆอย่าอิงอำนาจพิเศษ
เมื่อถามว่ายังเชื่อในทฤษฎียิ่งยุบยิ่งโต ติดเทอร์โบในการเลือกตั้งครั้งหน้าอยู่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า บูมเมอแรงขว้างไปยิ่งไกลมันก็ยิ่งกลับมาเร็ว และกลับมาแรงด้วย แม้กระทั่งผู้มีอำนาจคนที่กุมปากกาไว้ก็อาจคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเกิดคราวหน้าเราจะชนะอีกครั้ง ก็อยากชนะด้วยฝีมือของพวกเรา อยากเชิญชวนประชาชนสื่อสารไปถึงผู้มีอำนาจว่าเรากลับมาอยู่ในระบบกติกาเดียวกัน แชร์อำนาจกัน แข่งกัน ถ้าคราวนี้เราทำได้ดีกว่าก็คือชนะ เป็นนายกฯมาบริหาร ประชาชนไม่พอใจ คราวหน้าคุณมีวิธีคิดที่ดีกว่าเขาก็จะกลับไปเลือกคุณ ถ้าเกิดเราทำได้ก็ได้ 2 สมัย ถ้าทำได้อีก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ตามมาอีก ก็กลายเป็น 3 สมัย ถ้าทำไม่ได้ตั้งแต่สมัยแรกก็กลับไปให้ประชาชนตัดสิน “ถ้าให้มันเป็นระบบที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแบบนี้ก็ไม่ต้องมีอำนาจพิเศษอะไรมาทำลาย ไม่ต้องมีอำนาจพิเศษไปเติมแต้มต่อให้กับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ให้แข่งขันกันอย่างแท้จริง ซื้อใจประชาชน แบบนี้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะมาจากการแข่งขันที่ชอบธรรม เป็นการแข่งขันที่ไม่ใช่การชกใต้เข็มขัด ไม่ใช่การแข่งขันที่ใครเข้าถึงผู้มีอำนาจได้ใกล้กว่าก็ทำลายอีกฝั่งหนึ่งได้”
เชื่อศาล รธน.ให้ความเป็นธรรม
นายพิธายังกล่าวถึงคดียุบพรรคว่า คุยกันมาตลอด มีคำชี้แจง คำอธิบายในประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญสงสัย ตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 ม.ค. เจตนารมณ์พวกเราตั้งแต่เนื้อหา การกระทำ เจตนารมณ์ของเราคือต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตลอดไป ใช้สภาฯเป็นพื้นที่ปลอดภัย และไม่มีใครผูกขาดความคิดอะไรได้ สิ่งที่เกิดขึ้นวันที่ 31 ม.ค. กับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จะถึงนี้ กฎหมายมันคนละมาตรา คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความยุติธรรม ให้โอกาสได้อธิบาย ให้โอกาสไต่สวนมากขึ้น ขนาดลงโทษแค่เตือนให้หยุด ท่านยังให้โอกาสเลย ถ้าจะประหารชีวิตทางการเมืองกัน ท่านคงให้โอกาสไต่สวน อีกอย่างนิยามที่จะกล่าวหาว่าใครล้มล้างมันเป็นคำพูดที่รุนแรงมาก
ขอนิยามชัดๆ “ล้มล้างการปกครอง”
นายพิธากล่าวอีกว่า ต้องนิยามออกมาให้ชัดว่าคำว่าล้มล้างคืออะไร สำหรับตนคำว่าล้มล้างที่ชัดและไม่น่าจะต้องเถียงกันในห้องนี้เลย คือ 1.รัฐประหารล้มล้าง 2.สมคบคิดกับรัฐบาลต่างชาติเพื่อประโยชน์ของต่างชาติ 3.แบ่งแยกดินแดน 4.เปลี่ยนรูปแบบการปกครอง ทั้ง 4 เรื่องนี้ไม่ต้องมานั่งเถียงกันล้มล้างแน่นอน แต่สิ่งที่ตัดสินตนและพรรค ก.ก.ว่าเป็นการล้มล้าง ไม่มีใครรู้มาก่อน ขนาด กกต.ยังไม่รู้เลย มีคนไปร้อง กกต.ว่าเป็นปฏิปักษ์หรือเปล่า ยังไม่รู้เลย แล้วก็บอกให้หาเสียงต่อได้ ตรงนี้นิยามคำว่าล้มล้างแบบของการปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแบบไทยนี้ เพิ่งประกอบขึ้นเมื่อวันที่ 31 ม.ค. แต่หาเสียงย้อนหลังไปตั้งแต่ก่อน 14 พ.ค.2566 คือมันเป็นต้นบัญญัติ ไม่สามารถที่จะเอาผิดย้อนหลังได้
นายกฯเตรียมหารือผู้นำนิวซีแลนด์
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เตรียมให้การต้อนรับและหารือทวิภาคีกับนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 16-18 เม.ย. ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดพบหารือระดับทวิภาคีในวันที่ 17 เม.ย. การเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ เป็นผลจากการหารือทวิภาคีของทั้งสองฝ่าย ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนออสเตรเลียสมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2567 ณ นครเมลเบิร์น หลังการหารือทวิภาคี นายเศรษฐามีกำหนดหารือร่วมกับภาคเอกชนนิวซีแลนด์ เพื่อรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นโอกาสกระชับความร่วมมือ ขยายโอกาสสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างกัน เมื่อเสร็จสิ้นผู้นำทั้งสองจะร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และนายกฯ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติ
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่