รัฐบาลเพื่อไทย และ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ประกาศสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง “บ่อนกาสิโน” ที่เรียกกันหรูหราว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเก็บภาษีหารายได้เข้ารัฐที่กำลังขาดแคลน และแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนที่มีอยู่ทั่วประเทศ แต่ยังไม่มีคำยืนยันชัดเจนจากรัฐบาลว่า เมื่อตั้งบ่อนกาสิโนอย่างที่ต้องการแล้ว บ่อนเถื่อนทั่วประเทศจะหมดไปหรือไม่ และการตั้งบ่อนกาสิโนจะไม่มี “ทุนจีนสีเทา ทุนรัสเซียสีเทา” หรือ “ทุนไทยสีเทา” ร่วมเป็นเจ้าของบ่อนด้วยหรือไม่

วันนี้ผมเลยขออนุญาตนำ เรื่องเก่าเล่าสนุก ของ คุณโรม บุนนาค เรื่อง “ร.5 กับการเลิกบ่อนการพนัน” ที่พิมพ์ขายเป็นหนังสือเล่มมาหลายปีแล้ว มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง

เมื่อคราวที่เสด็จประพาสยุโรป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงไม่ละโอกาสที่จะเสด็จไปศึกษาบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ของยุโรปที่ เมืองมอนติคาโล ทรงส่งชิปที่ใช้เล่นในราคา 100 ฟรังก์มาพระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3 เหรียญเป็นที่ระลึก พร้อมพระราชทานหัตถเลขามีความตอนหนึ่งว่า

“ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจว่าเล่นไม่สนุกนั้น ไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอะไรๆหมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไหร่ จะรอสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเป็นคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก...”

ในรัชสมัยของพระองค์ การเก็บอากรบ่อนเบี้ยยังมีอยู่ และเก็บได้มากกว่าทุกรัชกาลถึงปีละ 600,000 บาท เพราะการพนันขยายตัวออกไปเป็นจำนวนมาก แต่พระองค์ก็ทรงยอมสละรายได้ของรัฐจำนวนนี้ เพราะทรงพิจารณาเห็นว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย” และยังทรงพระราชนิพนธ์ใน “พระราชพิธีสิบสองเดือน” กำชับให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนไว้ว่า

...

“...การเล่นเบี้ยนั้น เป็นที่ไม่ต้องพระอัธยาศัยมาทุกๆพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้น ควรที่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการ ผู้ซึ่งมีความนับถือเคารพต่อพระบารมีและพระเดชพระคุณพระเจ้าแผ่นดินสืบๆกันมา ควรจะคิดตริตรองให้เห็นโทษเห็นคุณตามจริง และงดเว้นการสนุก และการหาประโยชน์ในเรื่องเล่นเบี้ยนี้เสีย จะได้ช่วยกันรับราชการสนองพระเดชพระคุณบำรุงแผ่นดิน เพิกถอนความชั่วในเรื่องเล่นเบี้ย ซึ่งอบรมอยู่ในสันดานชนทั้งปวงอันอยู่ในพระราชอาณาเขต เป็นเหตุเหนี่ยวรั้งความเจริญของบ้านเมืองให้เสื่อมสูญไป...”

แต่การเลิกบ่อนทันทีทันใดก็จะส่งผลกระทบในวงกว้าง เพราะยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่มีอาชีพรับจ้างทำงานกับบ่อน และที่ใดมีบ่อนก็มักจะกลายเป็นชุมนุมชน มีลิเก งิ้ว ไปเปิดการแสดง (เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้าไปขาย ไม่ได้มีแต่นักพนัน ถ้าเลิกบ่อนก็จะส่งผลกระทบต่อการครองชีพของคนเหล่านี้ จึงทรงใช้วิธีจัดโซนลดจำนวนบ่อนลง จนกว่าจะเลิกได้เด็ดขาด วิธีเดียวกับการเลิกทาส

ปี 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศ ให้เลิกบ่อนเบี้ยตามหัวเมืองในมณฑลต่างๆให้ลดจำนวนก่อน เพราะมีข้อมูลว่าส่งผลเลวร้ายกว่ากรุงเทพฯมาก ต่อมาในปี 2432 จึงเริ่มลดในกรุงเทพฯ จนบ่อนเบี้ยทั่วประเทศลดจำนวนลงมากจนเกือบไม่เหลือ ต่อมาในสมัยรัฐบาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชบัญญัติในวันที่ 1 เมษายน 2460 เป็นของขวัญปีใหม่ ห้ามมีบ่อนถั่วโปอีกต่อไปทั่วพระราชอาณาจักร

แต่ต่อมามีการปรับปรุงกฎหมายการพนันประเภทต่างๆ จนเป็น พ.ร.บ.การพนันในปัจจุบัน

137 ปีก่อน ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงการณ์ไกล ให้เลิกบ่อนเบี้ยทั่วประเทศ เพราะทรงเห็นผลเสียจากการพนันชัดเจน ถัดมา 1 เมษายน 2460 ในหลวงรัชกาลที่ 6 ก็ทรงมีพระราชบัญญัติ ห้ามมีบ่อนการพนันทั่วประเทศ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ วันนี้ รัฐบาล เพื่อไทย จะฟื้นบ่อนการพนันกาสิโนกลับมาอีกหรือ?

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม