สภาโต้ตอบกันวุ่น ฝ่ายค้านเสนอถอนรายงาน “สถานบันเทิงครบวงจร” กลับไปทบทวน ด้านฝ่ายรัฐบาล ซัด ไม่ทำตามข้อตกลง 2 วิป ก่อนท้านับองค์ประชุม “พิเชษฐ์” ใช้ดุลยพินิจตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ ฝ่ายค้านไม่ขานแสดงตน ก่อนที่ประชุมลงมติเห็นชอบ
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 28 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติ รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยภายหลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สรุปทิ้งท้าย ต่อมา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ได้เสนอว่าควรถอนรายงานออกไปแล้วศึกษาเพิ่ม แต่หากจะลงมติก็ขอให้ตรวจสอบองค์ประชุม จากนั้น นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ถ้าเล่นเกมแบบนี้ ถ้าเป็นรายงานพรรคฝ่ายค้าน ขอไม่รับสักเล่ม
จากนั้น นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการตกลงระหว่างคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) หากข้อตกลงระหว่างวิป 2 ฝ่ายไม่ศักดิ์สิทธิ์ สัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของสมัยประชุมนี้ก็จะทำบ้าง เพราะตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าฝ่ายค้านต้องได้เวลาอภิปรายมากกว่ารัฐบาล เป็นการอะลุ่มอล่วย ถ้ามติวิปไม่มีความหมาย เวลาที่ตกลงให้ฝ่ายค้านมากกกว่า ไม่เอาตามเดิมได้หรือไม่ แบ่งเวลากันใหม่ สัปดาห์หน้าขอนับองค์ประชุมบางได้หรือไม่ ถ้าวิป 2 ฝ่ายคุยแล้วกลายเป็นแบบนี้ ก็ไม่ขอมีข้อตกลงกับฝ่ายค้าน
นายชุติพงศ์ จึงขอใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ตนเองเคารพทั้ง 2 คน ไม่ได้ต้องการพลิกข้อตกลง แต่เพื่อนสมาชิกอภิปรายมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในรายงานฉบับนี้ จึงอยากให้ถอนรายงานกลับไปพิจารณาอีกครั้ง เราพร้อมลงมติ แต่ฟังแล้วมีความน่าสงสัยในความเร่งรีบหรือไม่ ยืนยันว่ามติวิปเป็นเช่นเดิม และเห็นในความมุ่งมั่นรัฐบาล ขณะที่ นายภราดร กล่าวต่อว่า ที่พูดคุยกันไม่ใช่มติวิป แต่เป็นการตกลงร่วมกัน เพราะบางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้มติ ต้องมีการอะลุ่มอล่วย รัฐบาลเสียงมากกว่าอย่างไรก็ชนะ เมื่อคุยกันแล้วแต่ถึงเวลามาทำเช่นนี้ ต้องการจะทำให้สภาล่มหรือไม่ พร้อมท้าว่าฝ่ายค้านต้องเป็นองค์ประชุมและลงมติด้วย ไม่เช่นนั้นสัปดาห์หน้าจะทำบ้าง
...
ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า ทั้ง 2 วิปมีการพูดคุยตกลงด้วยดีหลายครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง และอย่าให้พูดเลยว่าพรรคที่ทำการหักมติบ่อยที่สุดคือพรรคของ นายภราดร หลายอย่างไม่อยากพูดในที่แจ้ง แต่ต้องพูด หากสัปดาห์หน้าจะหนีการตรวจสอบด้วยการนับองค์ประชุม ก็ลองดู โดย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม กล่าวขึ้นว่า “พอแล้วมั้ง จะได้จบ ท่านภราดร ยังค้างใจหรือ” นายชุติพงศ์ จึงกล่าวว่า ขอให้ประธานกรรมาธิการตัดสินใจว่าจะถอนร่างออกไปหรือไม่ ถ้าไม่ถอนก็ขอให้นับองค์ประชุม
แต่การโต้เถียงยังไม่จบ นายภราดร ขอใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ที่บอกพรรคภูมิใจไทยเบี้ยวมติวิปมากที่สุด สงสัยว่าพวกตนไปหักมติวิปเรื่องไหน เพราะหลายครั้งช่วยฝ่ายค้านด้วยซ้ำ และ นายปกรณ์วุฒิ ต้องถอนคำพูด ก่อนย้ำว่ามาตรา 152 ไม่ใช่ให้เพียงฝ่ายค้านอภิปราย รัฐบาลสามารถอภิปรายได้ ต่อมา น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย กล่าวขึ้นว่า การพูดว่าพรรคของนายภราดร หมายถึงพรรคใคร และใครพูดขอให้รับผิดชอบด้วย ทางด้าน นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย บอกว่า พรรคภูมิใจไทยหักมติเรื่องใด ขอให้ถอนคำพูด หรือควรบอกว่าหักเรื่องออะไร
นายปกรณ์วุฒิ จึงได้กล่าวว่า ขอทำความเข้าใจในคำพูดว่า มีการหักข้อตกลงที่เป็นไปตามวิป 2 ฝ่ายบ่อย แต่เพื่อความสบายใจ ขอถอนคำพูด จากนั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า รายงานฉบับนี้ได้ทำการศึกษาครบถ้วน การประชุมก็มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วม ใครเข้าใครขาดสามารถเอารายชื่อมาเปิดเผยได้ ขอยืนยันว่ารายงานฉบับนี้ศึกษาครบถ้วนแล้ว ได้เวลาเดินหน้า นายอรรถกร จึงขอเสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ก่อนใช้แรงปัดไมโครโฟนลงด้วยแรงประมาณหนึ่ง
จากนั้นเวลา 18.49 น. นายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม นายอรรถกร จึงกล่าวอีกครั้งว่า ขอให้ขานชื่อจะได้รู้ว่าเป็นเกมหรือไม่ ถ้าจะนับองค์ประชุมโดยการกด ตรวจสอบไม่ได้ ขอให้วัดกันไปเลย ไหนๆ ก็จะจบสมัยประชุมนี้แล้ว ประธานในที่ประชุมจึงอ่านข้อบังคับและขอตรวจสอบองค์ประชุม แล้วจะบอกว่าจะใช้วิธีใด ขณะนั้น นายภราดร ขอหารือว่าถ้าคนที่นั่งอยู่ไม่กดบัตรแสดงตน ขั้นต่อไปจะดำเนินการไม่ได้ จึงขอให้ขานชื่อแสดงตน จะได้รู้ว่าวันพฤหัสบดีเย็นๆ แบบนี้ มีใครอยู่บ้าง
นายวิสุทธ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า การจะนับองค์ประชุม ถ้ามีการเสนอว่าขานชื่อ ประธานก็ต้องดำเนินไปเพราะมีผู้รับรองแล้ว และขอให้วินิจฉัยในเรื่องนี้ นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวขึ้นว่า มีผู้เสนอนับองค์ประชุม 2 แบบ เป็นดุลยพินิจของประธานว่าจะนับแบบใด นายชุติพงศ์ กล่าวว่า พร้อมให้ตรวจสอบองค์ประชุม หรือจะรอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เพื่อนสมาชิกมาก็ได้
ขณะเดียวกัน นายวรพงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ลุกกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 มีนาคม 2567) พรรคก้าวไกลเองมีการหารือว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีปัญหา จึงอยากให้ขานชื่อ ซึ่ง นายพิเชษฐ์ ได้กล่าวขึ้นหลังฟังมาระยะหนึ่งว่า ไม่อยากให้สภามีสภาพแบบนี้ วิปคุยแล้วต้องยึดถือความร่วมมือ ไม่อยากให้ขัดแย้งกัน และอยากให้ประชาชนทราบว่าใครยังอยู่ จึงขอใช้วิธีการนับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ ทำให้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอหารือว่า ต้องมีการโหวตก่อนว่าจะกดบัตรหรือขานชื่อ โดยประธาน ระบุว่าได้วินิจฉัยตามข้อบังคับที่ 32 ไปแล้ว และให้ดำเนินการต่อด้วยการขานชื่อ นายชุติพงศ์ จึงบอกว่า การตีตกไปโดยไม่ขอมติที่ประชุมจะผิดข้อบังคับ ประธานจึงบอกให้ นายชุติพงศ์ ไปอ่านข้อบังคับ และดำเนินการต่อโดยให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลส่งตัวแทนมาเป็นกรรมการ
ไม่เพียงเท่านั้น นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า เป็นญัตติที่มีเนื้อหาขัดกัน ต้องลงมติก่อนว่าจะใช้แบบใด จากนั้นนายบุญแก้ว สมวงศ์ สส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย บอกว่า ประธานวินิจฉัยแล้ว ควรเริ่มนับได้เลย โดย นายณัฐวุฒิ ย้ำว่าขอให้วินิจฉัยประเด็นที่กล่าวไปก่อน จะเลือกวิธีการใดต้องอาศัยมติของที่ประชุม ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นบรรทัดฐาน และทำให้การเดินหน้าเสียหาย ขอให้ประธานยืนยันว่าอาศัยอำนาจข้อใดในการวินิจฉัยเดินหน้า
อย่างไรก็ตาม นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า มีสมาชิกเสนอนับองค์ประชุมโดยกดบัตรและการขานชื่อ ไม่อยากให้เป็นเกม จึงขอใช้ดุลยพินิจให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ แล้วจึงเริ่มขานชื่อเมื่อเวลา 19.07 น. และใช้เวลาไปราว 1 ชั่วโมง จึงขานชื่อครบทั้ง 500 คน ทั้งนี้ มีผู้เข้ามาแสดงตนในภายหลังเพิ่มเติมเนื่องจากแสดงตนไม่ทันในตอนที่ขานชื่ออีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งประธานกล่าวปิดการแสดงตนในเวลา 20.06 น. นายณัฐวุฒิ กล่าวขึ้นว่าถ้ากรรมการนับคะแนนไม่ตรงกันเลยจะทำอย่างไร โดยประธานกล่าวว่า ยังไม่ได้เกินขึ้น ขณะนั้นมีฝ่ายรัฐบาลแย้งถามขึ้นว่าผู้พูดได้ขานชื่อแสดงตนหรือไม่ นายณัฐวุฒิ จึงกล่าวว่า ประธานปิดการแสดงตนไปก่อน เข้ามาไม่ทัน โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าฝ่ายค้านไม่ขานแสดงตน
ประธานในที่ประชุมสรุปว่ามีองค์ประชุม 258 ถือว่าครบองค์ประชุม จากนั้นจึงกดออกเรียกลงมติว่าจะรับรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ หรือไม่ ผลเป็นดังนี้
- จำนวนผู้ลงมติ 257
- เห็นด้วย 253
- ไม่เห็นด้วย 0
- งดออกเสียง 2
- ไม่ลงคะแนนเสียง 2
จากนั้นถามมติว่าจะเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมธิการวิสามัญหรือไม่ โดยลงการลงมติออกมาว่า
- จำนวนผู้ลงมติ 257
- เห็นด้วย 255
- ไม่เห็นด้วย 0
- งดออกเสียง 2
- ไม่ลงคะแนนเสียง 0
ภายหลังประธานแจ้งเรื่องให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรทราบ จึงได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 20.19 น.