“นายกฯ เศรษฐา” ชี้ เป็นเรื่องน่ายินดี หลังสภาลงมติผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นความภาคภูมิใจของสังคมไทย เดินหน้าสู่ความเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ สร้างครอบครัวอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่รัฐควรให้การรับรอง
เมื่อเวลา 17.43 น. วันที่ 27 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง วันนี้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในวาระ 3 พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปในขั้นวุฒิสภา ถือว่าความสำเร็จนี้เป็นความเห็นพ้องต้องกันของสังคมไทย ที่จะร่วมกันสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเพศสภาพ และการสร้างครอบครัวอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่รัฐควรให้การรับรอง
นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า เริ่มต้นที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายผลักดันความเท่าเทียมทางเพศสภาพ ตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เข้าสู่สภาในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ครั้งนี้ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ฉบับพรรคเพื่อไทย เสนอเข้าสู่สภาควบคู่กับร่างของคณะรัฐมนตรีของพรรคอื่น และของภาคประชาชน จนนำมาสู่ความสำเร็จในวันนี้
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ตนเองเมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็วางเป้าหมายสนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ผ่านคณะรัฐมนตรี และผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา จนนำเข้าสู่รัฐสภาให้ได้ ในขั้นตอนการยกร่าง พ.ร.บ.นั้น เราได้รับฟังความเห็นที่หลากหลาย เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน และเครือข่ายภาคประชาสังคม รวมทั้งการพิจารณากฎหมายแวดล้อมอื่นๆ ประกอบด้วย ตนจึงได้มีโอกาสทำงานร่วมกับหลายองค์กร ทั้งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เครือข่ายภาคประชาชน ใน LGBTQIA+ community และองค์กรเอกชนต่างๆ ที่ทำงานด้านนี้ จนทำให้ร่างของคณะรัฐมนตรีสำเร็จในปลายเดือนตุลาคม 2566 ก่อนจะนำเข้าสภาผู้แทนราษฎร และผ่านวาระแรกร่วมกับร่างอื่นๆ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566
...
“การผ่านมติเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของสังคมไทย ที่ร่วมกันเดินไปสู่สังคมแห่งความเท่าเทียม และเคารพในความหลากหลาย ภูมิใจครับ Our PRIDE! #สมรสเท่าเทียม ครับ”