“นายกฯ เศรษฐากำลังหมดอายุขัย”

เป็นกระแสข่าวร้อนทะลุปรอทถูกปล่อยออกมาแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดก่อนโหวตวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ในชั้นสภาผู้แทนราษฎร ก็เผชิญมรสุมโหวตคว่ำ หวังเปลี่ยนตัวนายกฯ

สุดท้ายผ่านฉลุย ดับชนวนเขย่าเก้าอี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และยังมีปรากฏการณ์ประวัติศาสตร์ เด้งเบอร์ 1 และเบอร์ 2 รั้วปทุมวันเข้ากรุ เหตุการณ์นี้ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ฟันธงว่าเป็นเครื่องชี้วัดที่เห็นชัดที่สุดว่า นายกฯ ได้ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำ กล้าออกคำสั่งเฉียบขาด

เพราะถือวีซ่าชนิดถาวรอยู่ยาว 4 ปี-มีแบ็กอัปปึ้ก

ในคำปรารภย้ายบิ๊กตำรวจ “ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อันกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล” แพทเทิร์นนี้ขอให้จับตาเอาไว้ ต่อจะนำไปใช้ทางการเมือง เพื่อปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)

แอ็กชันนี้ต้องให้แต้มนายกฯ อย่างน้อยบรรดา สว. และฝ่ายค้านที่เตรียมอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติ กระสุนก็ด้าน จบศึกทางการเมืองไปเปลาะหนึ่ง

...

“สว.อภิปรายไปแซะนายใหญ่ ไม่รู้อภิปรายด้วยฟิลลิ่งไหน เมื่อไปอุ้มพรรคเพื่อไทยมาเป็นนายกฯ เท่าที่เห็นหน้าผู้อภิปรายล้วนเป็นเจ้ากรรมนายเวรของนายใหญ่ ที่ตรึงหน้าจอให้คนดู ตัดยอดมีตัวตึงไม่เกิน 5 ขุนพล

เทียบกับพรรคก้าวไกลแล้วเข้มข้นต่างกัน เพราะมีทีมหลังบ้านสนับสนุน มีแรงผลักดัน กระตือรือร้น แม้ถูกยุบพรรคแน่ แต่มีแพชชันไปต่อ เพื่อปักธงความคิด”

แต่ สว.ชุดนี้ไปต่อไม่ได้ นอกจาก “ทำให้ สว.ชุดใหม่ 200 คน เกิดไม่ได้” ตามเทคนิคการเลือก สว. ทำให้ระยะเวลายาวนานขึ้น กฎหมายไม่ได้กำหนดต้องประกาศรับรองผลภายในกี่วัน สมมติถูกร้องปมคุณสมบัติ 100 คน แค่นี้ก็ทำให้ สว.ชุดเก่าทำหน้าที่ต่อไป เพื่อเฟ้นเลือกกรรมการองค์กรอิสระก่อน

กลยุทธ์นี้ต้องการเตะสกัด สว.หัวใจสีส้ม ที่มีเกือบ 14 ล้านคน ซึ่งเตรียมตบเท้าลงสมัคร สว.ตามธรรมชาติทางการเมือง และช่วงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา เข้าไปใช้อำนาจหน้าที่

สว.ส้มเฟ้นองค์กรอิสระ หยุดสมรภูมินิติสงคราม

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือบ้านใหญ่คิดปักธง สว. วิ่งเข้าหาพรรคการเมือง ล็อกสเปก ล็อกโหวต มันทำไม่ได้ ขอให้นึกถึงภาพการเลือก “บอร์ดประกันสังคม” ก้าวหน้าแลนด์สไลด์ยึดบอร์ดประกันสังคม

สว.ส้มเกิดแน่ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเตรียมตอบโต้กลับเช่นกัน ภายใต้หลักใหญ่ใจความการเมืองยุคนี้ พวกส้มมีอำนาจไม่ได้

สุทิน คลังแสง
สุทิน คลังแสง

ในปีกของกองทัพก็ไม่ต้องเป็นห่วง ตราบใดที่มี “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง นั่ง รมว.กลาโหม กองทัพแฮปปี้ เป็นทั้งผู้กำหนดนโยบาย และซุปเปอร์โฆษกกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่สู้รบการเมืองในสภาฯ โดยไม่มีใครเทียบได้

ตอนนี้ห่วงรัฐบาลเฉพาะนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่นำข้าวโครงการจำนำข้าว 10 ปี สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมนำมาหุงรับประทานการันตีว่ายังกินได้ เพื่อเร่งขายข้าวเก่า 10 ปี

คนในวงการข้าวขำกลิ้ง ขอแนะนำวันนี้อาจทำได้ แต่ในอนาคตเมื่อพ้นหน้าที่ไปแล้ว อาจไม่ได้รับโปรโมชัน พิเศษเฉพาะตัวเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มันเกินศักยภาพของผู้จัดการรัฐบาล ขอย้ำอย่าไปเริ่มต้นโดยเปิดหลักฐานใหม่ต่อสู้คดีจำนำข้าว แค่หลักฐานข้าว 10 ปี กินได้มันไม่พอ

ขอยืนยันบรรทัดนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับประเทศไทยแน่ โดยเริ่มจากการกลับมารับโทษ ส่วนขั้นตอนต่อไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งหมดต้องเดินตามแพตเทิร์นของพี่ชาย ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องกังวล

ส่วนสภาพของฝ่ายค้าน ในความเป็นจริงทางพฤตินัยมีแค่พรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทยครึ่งหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ยังถูกตั้งคำถามมาตลอดว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรอเข้าร่วมรัฐบาลกันแน่

ชั่วโมงนี้ “ภูมิใจไทย–พลังประชารัฐ” มีเสียว

ถ้าเกิดปรับเอาพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเสียบ โดยเฉพาะช่วงหลังพรรคภูมิใจไทยเดินหน้าเร่งทำผลงานน่าดู

“ภูมิใจไทยกำลังเผชิญคดียุบ ขอถามว่ามีอะไรต่อรอง ไม่มี ตกอยู่ในสภาพงูเหลือมเจอเชือกกล้วย อ่อนละทวย

อย่าลืมกระทรวงมหาดไทย ปกติต้องเป็นระดับพรรคแกนนำถึงได้นั่ง รมว.มหาดไทย คนในเพื่อไทยที่เป็นรอท่าอยู่แล้ว โดยคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ มีความพร้อมมากๆ

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่สถานการณ์ การบริหารจัดการ ใช้กลยุทธ์ไหนก็ตาม 2 พรรคร่วมรัฐบาลดังกล่าว ไม่มีฤทธิ์เดช

สมมติมีเหตุเภทภัย ฝ่ายค้านอภิปรายช่วง ต้นเดือน เม.ย. ประเด็น ส.ป.ก. 4-01 ตอบไม่เคลียร์ ชี้แจงไม่ขาดกระ แสสังคมกดดัน แบบนี้ก็ต้องตัดเนื้อร้ายเอาพลังประชารัฐออก

วันนี้มีเพียงรวมไทยสร้างชาติอยู่เซฟโซน เพราะนายกฯ เศรษฐา รักอดีตนายกฯ ลุงตู่ ชั่วโมงนี้ยิ่งเหนียว แค่เห็นเงาลุงตู่ก็อยู่รอดปลอดภัย”

ขอเตือนพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ ถูกอภิปรายรอบนี้ประมาทไม่ได้ ลุ้นมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ 2 ประเด็น รวมถึงพรรคเพื่อไทยก็อยากยึดกระทรวงหลักสร้างผลงานคืนด้วย

รอดูกลยุทธ์ยืมมือก้าวไกลเชือดเพื่อน

อย่านึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่น โกรธพรรคเพื่อไทยไม่ได้ด้วย เพราะฝ่ายค้านทำหน้าที่ อภิปรายปุ๊บ สังคมตอบรับ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ฝ่ายค้านได้รับเครดิตทางการเมือง ดีสมประโยชน์ นายกฯ ก็บันเทิง นายใหญ่บันเทิงกว่า ที่เป็นผู้บริหารอำนาจของแท้ ใครๆล้วนวิ่งเข้าหา

ย้อนไปที่แพตเทิร์นเด้งบิ๊กตำรวจที่จะเกิดขึ้นกับทางการเมือง “ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อันกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล” จำเป็นต้องปรับ ครม. หมุนตำแหน่งรัฐมนตรี

ขั้วตรงข้ามนายทักษิณตั้งข้อสังเกตระบอบทักษิณฟื้นคืนชีพ กงล้อประวัติศาสตร์หมุนซ้ำรอยไปสู่วิกฤติขัดแย้งอีกรอบ รศ.ดร.ธนพร บอกว่า ไม่ระคายผิวนายใหญ่

“ก้าวไกลถูกมองเป็นพวกเผาบ้าน เพื่อไทยอย่างมากถูกมองเป็นพวกแค่ทำบ้านชำรุด ผุพังก็ซ่อมแซมกันไป ระหว่างบ้านผุยังซ่อมได้ กับเผาบ้าน ซ่อมไม่ได้ จะเลือกใคร

ในเมื่อกรอบความคิดหลักเป็นแบบนี้ ใครมาแซะนายใหญ่ นายใหญ่ถึงระบุว่าต่างคนต่างอยู่ แปลความใครมีปัญญาทำก็เคลื่อนไหวไป”

ฉะนั้นไม่มีปัญหา พวกนี้ไม่มีเส้น และกำลังเข้าสู่โหมดปรองดองแบบมีศัตรูร่วมเป็นพวกสีส้ม ตามโครงสร้างหลักการเมืองไทย...

...ก้าวไกลไม่สามารถมีอำนาจ...ก็จบ

แต่วันนี้จุดเปลี่ยนประเทศอยู่ที่ สว.สีส้ม

เป็นจุดเริ่มต้นหยุดสมรภูมินิติสงคราม

ทักษิณ ชินวัตร
ทักษิณ ชินวัตร

ทำไมถึงมั่นใจนาทีนี้นายเศรษฐาตีตั๋วนายกฯ ยาว รศ.ดร.ธนพร บอกว่า แน่นอน โดยเฉพาะปมโยกย้ายระดับบิ๊กตำรวจ ถึงกล้าพูดว่ามีการแบ่งงานกันทำ ลองประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดจบนอกทำเนียบรัฐบาล ก่อนเข้าพบ นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล นั่นคือประสิทธิผล ของนายใหญ่ ตามสภาพความเป็นจริงทางการเมืองไทย

และอีกสนามหนึ่งที่เป็นบทพิสูจน์นายใหญ่ คือการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเฉพาะระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พรรคก้าวไกลเปิดตัวส่งผู้สมัครนายก อบจ.ภูเก็ต และนายก อบจ.เชียงใหม่ เพื่อสร้างปรากฏการณ์เมื่อได้เป็นผู้บริหารท้องถิ่น สร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง

แม้การยึดท้องถิ่นตามโครงสร้างการเมือง ยังไม่เพียงพอเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองระดับประเทศในระยะอันใกล้ เพราะยังมีกระทรวงมหาดไทยครอบอยู่

แต่ก้าวไกลจำเป็นต้องสู้ทุกสมรภูมิสนาม

ฉะนั้นสนามนายก อบจ.เชียงใหม่ ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด พรรคก้าวไกลที่มี สส.เชียงใหม่ถึง 7 คน พรรคเพื่อไทย มี สส.แค่ 2 คน แต่พรรคก้าวไกลห้ามประมาทเด็ดขาด

ในทางยุทธศาสตร์พรรคก้าวไกลไม่ได้นายก อบจ.เชียงใหม่ รับรองเสียหายแน่ และยิ่งเสียหายหนัก ถ้าพรรคเพื่อไทยได้นายก อบจ.เชียงใหม่

นายใหญ่...ใหญ่กว่าเดิม ยึดเมืองหลวงคืนมาได้

คราวนี้ไม่มีใครฉุดอยู่ อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล.

ทีมการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม