ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ มาถึงวันนี้นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” คงคิดอะไรได้บ้างแหละนับแต่เข้ามาบริหารประเทศ
สิริรวมก็ปาเข้าไป 6 เดือนกว่าๆแล้ว
แต่ทำไมรัฐบาลจึงไม่มีผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอันที่สัมผัสได้ นี่ถ้าเป็นรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำไม่แน่นปึ้กอย่างนี้
คงสั่นไหวไปแล้ว...
นั่นคงเป็นเพราะแนวคิดหรือการวางคอนเซปต์ในการจัดการเพื่อบริหารประเทศด้วยรูปแบบมุ่งไปที่ปัญหาเศรษฐกิจด้วยเป้าหมายใหญ่
คือการเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศเพื่อหวังดึงต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนเพื่อทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู
อันจะส่งผลให้ได้ผลงานชิ้นใหญ่ๆ
และประชาชนจะได้พึงพอใจ
แต่ลืมมองไปว่าการที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องทำการศึกษาให้ละเอียดรอบคอบเนื่องจากกำไร–ขาดทุนคือหลักประกันในความคุ้มค่า
ไม่ใช่ชวนปุ๊บมาได้ปั๊บ
รอบหลายเดือนที่ผ่านมาจึงยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ จึงเป็นเพียงแค่ความฝันว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ให้เคลิบเคลิ้มกันไป
จึงดูเหมือนว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรนอกจากนายกรัฐมนตรีบินปร๋อไปประเทศนั้นทีประเทศนี้ทีแต่ไม่มีอะไรที่จับต้องได้
นั่นเรื่องหนึ่ง...
อีกเรื่องหนึ่งก็ด้วยความที่ไม่เคยผ่านเวทีการเมืองมาก่อนจึงยังไม่คุ้นเคยวิถีทาง รวมทั้งยังไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกับบรรดานักการเมืองมากนัก
ก็เลยต้องทำให้ตัวเอง “ฟอร์มใหญ่” ไว้ก่อน
เพราะไปต่างประเทศได้พบปะกับบรรดาผู้นำระดับโลกและบรรดานักธุรกิจที่มีชื่อเสียงทำให้ตัวเองเด่นดังไปด้วย
หากประสบความสำเร็จมีการเข้ามาลงทุนกันมาก
เท่ากับสร้างบารมีเหนือกว่านักการเมืองคนอื่นๆ
...
การยอมรับก็จะตามมาโดยไม่ต้องอธิบายความมาก
แต่ลืมไปว่าการเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่มันมีเรื่องที่เกี่ยวพันไปทั้งระบบ
โดยเฉพาะประชาชนกับระบบราชการที่แยกกันไม่ออก
เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่ได้สัมผัสหรือลงลึกไปในรายละเอียดจึงเกิดปัญหาเพราะแค่ไปราชการต่างจังหวัดมันก็แค่ผิวเผินหาคะแนนเสียงเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีมาแนวนี้บรรดารัฐมนตรีก็เลยไม่ต่างกัน
คือทำงานแบบฉาบฉวยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระทรวงที่รับผิดชอบนั้นมีภารกิจอะไรบ้างที่เป็นแก่นของงาน
จึงเอาแค่ “กระพี้” ไม่ถึง “แก่น” ของเนื้องานจริงๆ ทำให้ไม่มีผลงานปรากฏออกมา อย่างเรื่องฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ทำให้เกิดควันพิษไปทั่วบ้านทั่วเมืองจึงไม่สามารถแก้ไขหรือกุมสภาพได้
ทำให้ไม่มีผู้รับผิดชอบอย่างแท้จริง!
เห็นบอกว่า 2 เดือนนี้ไม่มีกำหนด การไปโรดโชว์ต่างๆก็ดีแล้ว จะได้ใช้เวลาบริหารจัดการภารกิจของความเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างเต็มที่
เพราะถ้าคิดแบบเดิมทำแบบเดิม...มันจะอยู่ไม่ถึง 4 ปีเอาน่า!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ "สับรางวันอาทิตย์" เพิ่มเติม