สภา ผ่านมาตรา 17 ด้วยคะแนน 284 ต่อ 153 งบฯ กระทรวง ทส.ก่อนหน้า สส.รุมอัดไม่ให้ความสำคัญ แก้ปัญหา PM 2.5 ชี้ ประเทศมีวิกฤติเรื่องน้ำ แต่งบกรมทรัพยากรน้ำบาดาลถูกตัดทิ้ง จัดงบทับซ้อนกัน ใส่แต่งานอีเวนต์
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 เป็นวันที่สอง เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท
โดยที่ประชุมสภา เข้าสู่มาตรา 17 งบประมาณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยเนื้อหาการอภิปรายส่วนใหญ่แสดงความเป็นห่วงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กระทรวงฯ ไม่ให้ความสำคัญ ทำให้ปัญหามีความรุนแรงขึ้น รวมถึงการเกลี่ยงบประมาณภายในหน่วยงานที่ไม่เป็นธรรม ไม่ให้งบประมาณอย่างเพียงพอกับหน่วยงานที่มีหน้าที่แก้ปัญหาภัยแล้ง
โดย นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ถูกปรับลดลงเหลือ 870 ล้านบาท ถูกตัดทิ้ง ทั้งที่ประเทศมีวิกฤติเรื่องน้ำ แต่กลับไม่ติดอาวุธให้หน่วยงาน ขณะที่งบกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม มีความทับซ้อนกับกรมควบคุมมลพิษ มีแต่งบงานอีเวนต์เป็นตัวตั้งที่ไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ควรเน้นเป้าหมายเรื่องการบรรลุยุทธศาสตร์ในการลดก๊าซเรือนกระจกให้ชัดเจน ข้องใจเน้นประเคนงบกรมอุทยานฯ
...
นายจักรวาล ชัยวิรัตน์กูล สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เกลี่ยงบไม่สมดุล กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้งบ 5,600 ล้านบาท ทั้งที่มีรายได้จากการเก็บค่าเช่าอุทยานมากอยู่แล้ว มีรายได้ต่อปี 1,000 ล้านบาท แต่กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่มีส่วนสำคัญแก้ปัญหาภัยแล้ง กลับได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ อย่างกรมป่าไม้ มีอุปกรณ์ดับไฟป่าแค่ไม้กวาด เครื่องเป่าลม ควรได้รับงบเพิ่มเพื่อไปซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่าที่ทันสมัย
ขณะที่ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. ชี้แจงว่า กระทรวง ทส. ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหา PM 2.5 แก้ไขปัญหาอยู่ตลอดเวลา แต่เรื่อง PM 2.5 เป็นเรื่องส่วนรวม ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ถ้าให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงเพียงอย่างเดียว การแก้ปัญหาจะใช้เวลานาน
หลังจาก สส.อภิปราย มาตรา 17 ครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตราดังกล่าวตาม กมธ.เสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 284 ต่อ 153 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนนเสียง 3