นายกฯ แถลงข่าวร่วมกับนายกฯ เยอรมนี สถาปนาความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เดินหน้าความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ชวนเยือนไทยอีกครั้ง ขอเยอรมนีหนุนยกเว้นวีซ่าเชงเก้นกับคนไทย

 

วันที่ 14 มีนาคม 2567 เมื่อเวลา 18.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 6 ชม.) ของวันที่ 13 มีนาคม 2567 ที่ทำเนียบนายกฯ เยอรมนี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายโอลาฟ ชอลซ์ (H.E. Mr. Olaf Scholz) นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ร่วมกันแถลงข่าว 

นายกฯ เยอรมนี กล่าวว่า เยอรมนีให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน โดยความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีที่การค้าทวิภาคีระหว่างไทยและเยอรมนีเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20

เยอรมนียินดีจะพิจารณาสนับสนุนไทยในการเข้าร่วม OECD ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยพัฒนาความร่วมมือทางด้านการค้าการลงทุน และช่วยพัฒนาศักยภาพร่วมกัน 

โดยนายกฯ ไทยกล่าวขอบคุณนายกฯ เยอรมนี และภาคส่วนต่างๆ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น การเยือนครั้งนี้ต่อยอดการเยือนไทยของประธานาธิบดีเยอรมนี เมื่อวันที่ 24-26 มกราคม 2567 ซึ่งระหว่างการเยือน ประธานาธิบดีคงได้เห็นถึงพัฒนาการด้านประชาธิปไตยและการธำรงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนของไทย

นายกฯ ยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมตามกระบวนการประชาธิปไตยที่ยึดกฎเกณฑ์ และสามารถคาดเดาได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เยอรมนีและพันธมิตรของไทยในโลก ซึ่งด้วยพัฒนาการนี้ ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยจะมีการหารือในรายละเอียดความร่วมมือต่อไปภายใต้กลไกการหารือทวิภาคีที่มีอยู่ โดยไทยเชื่อว่าในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ทั้งสองประเทศจะทวีความร่วมมือทวิภาคีที่ครอบคลุม ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคกับอาเซียนและในอินโด-แปซิฟิก และส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อก้าวข้ามความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

...

ในโอกาสการหารือฯ ผู้นำทั้งสองยังได้ยืนยันความพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด การผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และไฮโดรเจนสีเขียว การส่งเสริมความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยนายกฯ กล่าวให้ความเชื่อมั่นในการดูแลธุรกิจการลงทุนของเยอรมนีในภาคส่วนยานยนต์ดั้งเดิมที่มีเครื่องยนต์สันดาปและไฮบริดด้วย โดยนายกฯ ได้เชิญให้เยอรมนีเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนตามวิสัยทัศน์ Ignite Thailand โดยเฉพาะโครงการ Landbridge การส่งเสริมการค้าการลงทุนผ่านการผลักดันความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป รวมทั้งการสนับสนุนไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and Development: OECD) และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนและการท่องเที่ยว ผ่านการผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยกเว้นตรวจลงตราเชงเก้นสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาไทย

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้หารือในประเด็นอื่นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายสนใจร่วมกัน อาทิ ความร่วมมือด้านแรงงาน อาชีวศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งความร่วมมือด้านการเกษตรยั่งยืน ตลอดจนประเด็นการเมือง ความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยระหว่างการเยือนในครั้งนี้ นายกฯ ได้มีโอกาสพบหารือกับภาคเอกชนเยอรมนีที่สำคัญ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับภาคเอกชนเหล่านี้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยในโอกาสอันใกล้

ในตอนท้าย นายกฯ ได้กล่าวขอบคุณ และหวังว่าจะได้ต้อนรับนายกฯ เยอรมนีในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป เพื่อจะได้เห็นผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการหารือระหว่างกันในวันนี้

นอกจากนี้ นายเศรษฐา และ นายโอลาฟ ชอลซ์ (H.E. Mr. Olaf Scholz) นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศเต็มรูปแบบ จากนั้นทั้งสองฝ่ายร่วมกันหารือ four eyes การแถลงข่าวร่วม และการหารือระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำ 

ซึ่งทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นสูงสุดจากสหภาพยุโรปและใกล้ระดับก่อนโควิด นายกฯ เห็นว่าไทยและเยอรมนีควรร่วมมือเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งไทยได้เคยเสนอเรื่องการยกเว้นวีซ่าเชงเก้นสำหรับหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาของไทยกับสหภาพยุโรปแล้ว จึงขอรับการสนับสนุนจากเยอรมนีด้วย ทั้งนี้ หนังสือเดินทางไทยมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากผลิตโดยบริษัทฝรั่งเศส เยอรมนี และกลุ่มประเทศเชงเก้น จะได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงและผู้มาเยือนธุรกิจระยะสั้นจากประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น