“อิทธิพร” เลี่ยงครหา กกต.รับใบสั่ง แจงยึดหลักคำวินิจฉัยศาล รธน. ชงยุบพรรคก้าวไกล แบะท่ายื่นถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง-ไม่ให้ตั้งพรรคใหม่-ไม่ให้เป็น กก.บห.พรรคอื่น แต่ยังไม่ถึงคิวยุบภูมิใจไทย อ้างควานหาหลักฐานอยู่ “ชัยธวัช” ย้ำพร้อมสู้คดีเต็มที่ ย้ำบทเรียนยุบพรรคยิ่งขยายปมขัดแย้ง เตือนโยงการเมืองกับสถาบัน ยิ่งเซาะบ่อนทำลาย ในมุมกลับ ดักคอพวกจ้องดูด สส. วังวนการเมืองน้ำเน่า “อนุทิน” มองยุบ ภท.ไม่ใช่โดมิโน ฝ่ายค้านยื่นแล้วขอเปิดอภิปรายตาม ม.152 “เศรษฐา” ขึ้นปกนิตยสารไทม์ พาดหัว “THE SALESMAN” ฟุ้งจะทำให้ไทยเปล่งประกาย ประกาศลั่น “ตำแหน่งนายกฯเป็นของผม” “ทักษิณ” กราบสมเด็จพระสังฆราช-ไหว้ศาลหลักเมือง ก่อนตะลอนทัวร์เชียงใหม่ สส.กรี๊ดหนู-แมลงสาบยั้วเยี้ยสภา
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ออกโรงแจงกรณีถูกครหา กกต.ได้รับใบสั่ง หลังมีมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ที่ชูนโยบายแก้ไข ป.อาญามาตรา 112 ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ ยืนยัน กกต.ทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ยึดแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
...
กกต.ยึดคำวินิจฉัยเชือดก้าวไกล
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุม กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า ที่ประชุม กกต.ขอให้สำนักงาน กกต.ศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2567 หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะดำรงแหน่งหัวพรรค ก.ก. และพรรค ก.ก. เสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง เรื่องดังกล่าวใช้เวลาพอสมควร โดยสิ่งที่เป็นหลักฐานอันเชื่อได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเอง มีทั้งรายละเอียด ข้อกฎหมายข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยานหลักฐานและเอกสารประกอบ มีคำไต่สวนการให้ถ้อยคำของผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นหลักฐานเพียงพอที่ทำให้ กกต.สามารถส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้
ปัดรับใบสั่งเช็กบิลทำตาม รธน.
ผู้สื่อข่าวถามว่าในโลกออนไลน์ตั้งข้อสงสัยว่า กกต.รับใบสั่งจากใครหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า เราทำงานตามกฎหมาย คนที่จะสั่งให้เราปฏิบัติหน้าที่คือกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ กกต.เป็นองค์กรอิสระที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และนิติธรรม กรอบเวลาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ก.ก. ตามกระบวนการ ตามคำร้องประกอบไปด้วยมติ กกต. คำวินิจฉัย เอกสารอื่น โดยทั่วไปไม่เกิน 1 สัปดาห์ เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น และกฎหมายมาตรา 92 ถ้า กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค กกต.สามารถยื่นขอให้ศาลพิจารณา ยื่นถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ คือถ้าขอให้ศาลสั่งไม่ให้ตั้งพรรคใหม่ หรือขอให้ศาลสั่งไม่ให้เป็นกรรมการบริหารพรรคอื่น มีกรอบระยะเวลาว่าศาลสั่งได้ไม่เกิน 10 ปี ส่วนจะมีการดำเนินคดีอาญาด้วยหรือไม่ ต้องพิจารณาต่อไปว่าการกระทำเช่นนั้นฝ่าฝืนกฎหมายอื่นด้วยหรือไม่
ยังไม่ถึงคิว ภท.ควานหลักฐานอยู่
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการยื่นตรวจสอบพรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ถ้ามีการเสนอเรื่องพรรคการเมือง หรือผู้บริหารพรรค การเมืองใดกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การต้องยื่นต่อศาล กกต.จะดำเนินการ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นพรรคใด เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องให้มีการยุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีรับเงินบริจาคจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประธาน กกต.ตอบว่า เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของนายทะเบียนพรรคการเมือง รวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่ถึงขั้นสรุปความเห็น นำเรื่องสู่เข้าที่ประชุม กกต.
“ชัยธวัช” ย้ำสู้คดียุบพรรคเต็มที่
ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเตรียมต่อสู้คดีตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และทำงานทุกวันให้ดีที่สุด ยอมรับว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจทำให้เราต่อสู้ได้ยากมากกว่าในคดีอื่นๆ แต่ขอต่อสู้เต็มที่ ว่ามันไม่มีเหตุผลเพียงพออย่างไรที่จะต้องวินิจฉัยถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล โดยปกติศาลต้องไต่สวนอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าสามารถนำคำวินิจฉัยจากกรณีหาเสียงมาตัดสินได้เลย นายชัยธวัชตอบว่า อย่างน้อยที่สุดศาลรัฐธรรมนูญต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องอย่างพรรคก้าวไกล ได้แก้ข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้นำเสนอข้อเท็จจริง พยานผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
เตือนยุบพรรคยิ่งขยายปมขัดแย้ง
เมื่อถามว่าหากไม่เปิดให้มีการไต่สวน นายชัยธวัชตอบว่า อยู่ที่ดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าเมื่อไหร่ที่เห็นว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว มีสิทธิ์ยุติการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้ เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลคงต้องต่อสู้ให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงให้มากที่สุด ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ในพรรค คิดว่าบทเรียนสำคัญน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทยและผู้มีอำนาจมากกว่า ว่าการยุบพรรคการเมืองไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ซ้ำร้ายอาจนำไปสู่การขยายความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สวนทางกับการคาดหวังของพี่น้องประชาชน หลังจากที่เรามีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการรัฐประหารแล้ว การยุบพรรคโดยอ้างเหตุผลเรื่องการล้มล้างการปกครอง การเซาะบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางด้านกลับเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อน อาจเป็นเรื่องที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในด้านกลับก็ได้ เพราะยิ่งดึงประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง
โยงการเมืองกับสถาบันอันตราย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคสำรอง นายชัยธวัชตอบว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ก่อน ส่วนที่วิเคราะห์กันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่กลับคำวินิจฉัยตัวเองนั้น แม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่ก็ต้องสู้เต็มที่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการกลับคำวินิจฉัยคำวินิจฉัย เป็นกรณีที่วินิจฉัยสั่งการให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง แต่การวินิจฉัยให้ยุบพรรคก็เป็น อีกเรื่อง ส่วนข่าวการดูด สส.ของพรรค รู้สึกเป็นห่วงสังคมไทยมากกว่า เราลองจินตนาการถึงสังคมไทยหลังจากนี้ เรากำลังเข้าสู่วังวนแบบเดิมๆ ที่หาทางออกไม่เจอ และอาจยิ่งถลำลึกมากขึ้นก็ได้ การยุบพรรคจากเหตุที่กล่าวหาว่าล้มล้างการปกครองและเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีผลดีต่อสถาบันแต่ประการใด ยืนยันในเรื่องนี้
ดูด สส.ตอกย้ำวังวนการเมืองน้ำเน่า
เมื่อถามว่าเริ่มมี สส.พรรคก้าวไกล รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โพสต์เชิงตัดพ้อ แสดงว่าทำใจกับเรื่องนี้แล้วใช่หรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า เรื่องยุบพรรคไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำใจ แต่เป็นเรื่องที่ต้องยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางการเมือง เช่นเดียวกับที่มีกระแสข่าวสส.พรรคก้าวไกล เริ่มไปคุยกับพรรครัฐบาล แต่คงไม่ใช่หน้าที่ที่พรรคต้องไปตรวจสอบ เรามั่นใจว่าสส.ที่ดีคือผู้แทนราษฎรที่ดี เรื่องนี้ไม่สามารถมีใครไปบังคับใจกันได้ พรรคมีหน้าที่ต้องเตรียมทุกทางออกให้กับสมาชิก เช่นเดียวกับกระแสข่าวมี สส.ไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถ้าเรายังยอมรับวิธีการทำงานการเมืองแบบนี้ คิดว่าไม่ใช่เป็นปัญหาของพรรคก้าวไกล แต่เป็นปัญหาของวิธีการการเมืองแบบเดิมๆ ที่ควรหมดไปได้แล้ว การคิดว่าจะเอาชนะกันทางการเมืองด้วยการยุบพรรค น่าจะมีบทเรียนแล้วว่าไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่แย่ลง
“อนุทิน” ชี้ยุบพรรคไม่ใช่โดมิโน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวหากยุบพรรคก้าวไกลแล้วจะลามมาถึงยุบภูมิใจไทยเพื่อรีเซ็ตการเมืองว่า เรื่องยุบพรรคไม่มีนักการเมืองคนไหนเห็นชอบ เห็นด้วย หรือดีใจ ความเป็นพรรคการเมืองด้วยกันต้องให้กำลังใจสมาชิกพรรคก้าวไกล แต่เรื่องกฎหมายมีกระบวนการและขั้นตอนอยู่ การยุบพรรคไม่ใช่โดมิโน การจะยุบพรรค การเมืองได้พรรคต้องกระทำผิดระเบียบขั้นตอนรัฐธรรมนูญ ถ้าไปถามคนของพรรคนั้นก็ต้องบอกว่าเขาไม่ผิด จึงต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาตามกฎหมาย พรรคภูมิใจไทยเชื่อมั่นและน้อมรับกระบวนการยุติธรรม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า ผิดคือผิด มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดูแลเรื่องนี้อยู่ เราไม่ประมาท เตรียมหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา
ยังไม่คิดตั้งพรรคสาขาสอง ภท.
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนการตั้งพรรคสำรองยังไม่คิดไกลถึงขนาดนั้น สำหรับพรรคก้าวไกลที่ถูกมองว่า ยิ่งยุบยิ่งโต เราไม่เคยยุ่งเรื่องคนอื่น ยุ่งแต่เรื่องตัวเองก็แย่แล้ว ไม่มีเวลาไปแคร์คนอื่นเท่าไหร่ ได้แต่ส่งกำลังใจให้ เมื่อถามว่า หากก้าวไกลถูกยุบจริง จะมีกระบวนการ“หนูเปล่านะเขามาเอง” อีกหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า รอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่า เราไปพูดก่อนไม่เกิดประโยชน์อะไร เป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลด้วย เมื่อถามว่าเสียงของ ภท. 71 เสียง ถือว่าเพียงพอหรือไม่ที่จะประคองรัฐบาล นายอนุทินตอบว่า สมัยที่แล้ว 51 เสียงก็ประคองรัฐบาลให้อยู่ครบวาระ 4 ปีมาแล้ว เมื่อถามย้ำว่าหากมี สส.จะย้ายมา พรรคภูมิใจไทยพร้อมรับใช่หรือไม่ นายอนุทินยิ้มก่อนตอบว่า ยังไม่ถึงจุดนั้น เราเป็นพรรคกลางๆไปที่อื่นอาจมีคนเยอะอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็มีการเฉลี่ยกระจายไปหลายพรรค ไม่ได้มาภูมิใจไทยพรรคเดียว เราเองก็รักษาระบบสภาไว้ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า สส.พรรคอื่นอยากมาพรรคภูมิใจไทยเพราะดูแลดีใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบสำบัดสำนวนว่า “อบอุ่น เอาใจใส่ พาไปกินลาบ”
ฝ่ายค้านยื่นแล้วขอเปิดอภิปราย
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมตัวแทนสมาชิก 5 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายวันนอร์กล่าวว่า ระหว่างรอตรวจสอบความถูกต้อง ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะหารือถึงวันและเวลาที่ชัดเจน เพื่อกำหนดวันอภิปรายต่อไป สภามีเวลาจำกัดเนื่องจากจะมีการประชุมถึงวันที่ 9 เม.ย. คาดว่าเบื้องต้นน่าจะมีการอภิปรายช่วงต้นเดือน เม.ย. ส่วนจะกี่วันขึ้นอยู่กับการหารือของวิปทั้งสองฝ่าย โดยต้องพิจารณาเนื้อหาสาระของญัตติที่อภิปราย เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนเท่าที่ทราบรัฐบาลอยากให้เกิดขึ้นช่วงต้นเดือน เม.ย. ก่อนปิดสมัยประชุมสภานี้
ถล่มรัฐล้มเหลว-ไม่จริงใจ-ไร้สัจจะ
นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 5 พรรค ได้ยื่นญัตติขออภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 แก่ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีเนื้อหาญัตติระบุว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ บริหารราชการแผ่นดินมากว่า 6 เดือนแล้ว แต่มิได้ดำเนินการ หรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายที่ให้ไว้ต่อรัฐสภา ขาดประสิทธิภาพหรือความชัดเจน ไม่มีการขับเคลื่อนนโยบาย หรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริง ไม่ว่าจะการแก้ปัญหาหนี้สินในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงาน การกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ล้วนขาด ยุทธศาสตร์ และการปฏิบัติที่ตรงเป้าหมาย
ปล่อยให้มาเฟีย–ขรก.หาช่องโกง
นายชัยธวัชกล่าวว่า นายกฯและคณะรัฐมนตรี ยังมีพฤติกรรมทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ ปล่อยปละละเลยให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเอารัดเอาเปรียบประชาชน ระบบราชการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือเกิดการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย แทนที่จะเร่งฟื้นฟูหลักนิติรัฐนิติธรรมกลับเกิดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม ทำลายหลักความเสมอภาคเท่าเทียมทางกฎหมาย ไม่จริงใจต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การลดความเหลื่อมล้ำ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาการศึกษา และปัญหาสิ่งแวดล้อม การดำเนินการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมีความผิดพลาด ไร้ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ การดำเนินนโยบายต่างประเทศ ยังไม่สามารถฟื้นฟูบทบาทสำคัญของประเทศไทยในเวทีโลกได้
ทำลายนิติธรรม-ไร้ความสามารถ
ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวต่อว่า หากปล่อยปละละเลยให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้เป้าหมาย ไร้จริยธรรม ไร้วุฒิภาวะต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตามที่พี่น้องประชาชนคาดหวังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา จากสถานการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้นจำเป็นที่ สส.ในฐานะเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย จะได้นำเสนอสภาพปัญหา ข้อเสนอแนะ และซักถามข้อเท็จจริงต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย และแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ดังนั้นในฐานะ สส.ไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริง และเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152
“เศรษฐา” ถึงเบอร์ลิน เยอรมนี
เมื่อเวลา 02.29 น. วันที่ 13 มี.ค. (ตามเวลาประเทศไทย) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่ยังคงอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส-สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอย่างเป็นทางการ และกิจกรรมคู่ขนาน ระหว่างวันที่ 7-14 มี.ค. โพสต์ภาพและข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า “เดินทางถึงกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์ สาธารณรัฐเยอรมนีแล้ว เที่ยวนี่เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ ภารกิจจะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้เลยต้องพักที่นี่ก่อน 1 คืน ผมจะได้พบหารือทวิภาคีกับนายโอลาฟ ชอล์ซ นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี รวมถึงมีกำหนดการพบนักธุรกิจรายใหญ่ระดับโลกของเยอรมนี 8 ราย พร้อมร่วมงานเลี้ยงรับรองประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของเยอรมนี (BVMW) ด้วย” ต่อมาได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า หลายวันมานี้ภารกิจแน่นตั้งแต่เช้าถึงดึก เลยไม่ได้เดินออกกำลังกาย ก่อนปฏิบัติภารกิจที่เบอร์ลินเลยเผื่อเวลาตื่นแต่เช้า มาเดินออกกำลังให้สมองปลอดโปร่งแถวที่พัก ที่เบอร์ลินอากาศเย็น ไม่ลืมเอาผ้าขาวม้าพี่น้อง จ.ขอนแก่น มาเป็นผ้าพันคอด้วย
ชวน Volkswagen ลงทุนในไทย
จากนั้นเวลา 08.45 น. วันที่ 13 มี.ค. (ตาม เวลาท้องถิ่นเยอรมนี ช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) นายโทมัส เชเฟอร์ ประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ) โฟล์คสวาเก้น (Volkswagen) ค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก รวมทั้งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี มีเทคโนโลยีทางวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูง เข้าพบนายเศรษฐา ถือโอกาสเชิญชวนบริษัทมาลงทุนในไทยระยาว พร้อมชื่นชมความเป็นมืออาชีพ ให้ความมั่นใจในนโยบายการใช้พลังงานสะอาดที่มีแนวความคิดตรงกัน จึงเห็นควรพิจารณาเพิ่มความร่วมมือ จากนั้นกลุ่มผู้บริหารบริษัท Infineon Technologies AG บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และติดอันดับ Top 10 ของโลก ดำเนินธุรกิจใน 25 ประเทศ เชี่ยวชาญผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ สำหรับยานยนต์และระบบอุตสาหกรรม ระบบเซ็นเซอร์ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้ควบคุมระบบ ทั้งนี้ บริษัทมีแนวโน้มจะลงทุนในไทยเพิ่ม และมีแผนร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัย เพื่อสร้างบัณฑิตใหม่ที่มีทักษะเฉพาะ โดยไทยพร้อมอำนวยความสะดวกให้นักลงทุน
ยกระดับความร่วมมือกับ BVMW
ต่อมาเวลา 10.30 น. ณ STATION Berlin นายเศรษฐากล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงรับรองประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเยอรมนี (BVMW) ว่า นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่าง SMEs ไทยและเยอรมนี นำเสนอศักยภาพของไทย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ SMEs เยอรมนี เข้ามาลงทุนในไทย รัฐบาลมีนโยบายและวิสัยทัศน์ดังนี้ 1.ด้านการเปลี่ยนแปลงสีเขียว สามารถเป็นแหล่งผลิตยานยนต์สีเขียวให้เยอรมนีได้ มีวิสัยทัศน์ทำให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตของภูมิภาค เพิ่มแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าในการขนส่งมากขึ้น มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับ SMEs เยอรมนี ที่เชี่ยวชาญด้านไฮโดรเจนสีเขียว และในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ยกศักยภาพไทยร่วมมือเยอรมนี
นายเศรษฐากล่าวว่า 2.ระดับภูมิภาค มุ่งสร้างโอกาสและยกระดับศักยภาพประเทศจากข้อได้เปรียบเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของไทย และนำเสนอโครงการแลนด์บริดจ์ การเป็นศูนย์กลางการบินเพื่อขนส่งผู้โดยสารและสินค้าของโลก 3.การเปิดกว้าง กำลังอยู่ในกระบวนการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ที่ตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปภายในปี 2568 4.ความยั่งยืน ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก รวมถึงการให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน 5.การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ สร้างและแสวงหาโอกาสใหม่ๆให้กับธุรกิจของทั้งสองประเทศ โดยแนวคิดข้างต้นนี้ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับศักยภาพความร่วมมือไทย-เยอรมนี SMEs ของเยอรมนีจะมีโอกาสเติบโตมี Big Future ในไทยอย่างมหาศาล
ปกไทม์พาดหัว “THE SALESMAN”
วันเดียวกัน “ไทม์” (TIME) นิตยสารทรงอิทธิพลระดับโลกของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยหน้าปกนิตยสารฉบับวันที่ 25 มี.ค.2567 เป็นภาพของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ลงในเว็บไซต์นิตยสารสารไทม์พร้อมกับพาดหัวว่า “THE SALESMAN (เดอะ เซลส์แมน)” และเผยแพร่บทความสัมภาษณ์พร้อมระบุถึงนายเศรษฐาว่า เป็นอดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทยที่ดำรงตำแหน่งนายกฯเมื่อเดือน ก.ย.2566 นายเศรษฐาเดินทางเยือนมากกว่า 10 ประเทศ พบปะกับนักลงทุน อาทิ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ รวมถึงเข้าร่วมประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (WEF) ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 เพิ่มขึ้น 2 เท่า และในเดือน พ.ย.2566 ยังเปิดการลงทุนในไทยกับแอมะซอน เว็บเซอร์วิส กูเกิล และไมโครซอฟต์เวิร์ด มูลค่ารวมกว่า 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 296,388 ล้านบาท)
ฟุ้งจะทำให้ไทยเปล่งประกาย
นิตยสารไทม์ยังรายงานว่า ค่าเฉลี่ยการเติบโตของจีดีพีไทยต่ำกว่า 2% มานานกว่า 10 ปี ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม มีจีดีพีเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า อีกทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยเพียง 70% เท่านั้น ทั้งนี้นายเศรษฐาเผยว่า ประเทศไทยตกอยู่ในวิกฤติเศรษฐกิจ จึงมีการประกาศนโยบายแก้ไขปัญหา เช่น นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การยกเลิกวีซ่าให้จีนและอินเดีย ต้องการเพิ่มบทบาทของไทยในด้านการขนส่ง สาธารณสุข และศูนย์กลางทางการเงิน มีแผนยกระดับไทยสู่เวทีโลก หลังเปิดพื้นที่ให้นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวสหรัฐฯ และนายหวัง อี้รมว.ต่างประเทศจีน เจรจาหารือร่วมกันในไทยเมื่อเดือน ม.ค. นายเศรษฐาหวังว่า ไทยที่เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯในเอเชีย รวมถึงวัฒนธรรมเชื่อมโยงลึกซึ้งกับจีน จะเป็นสะพานและพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ทั้ง 2 ชาติ โดยต้องการเห็นไทยเปล่งประกาย
ลั่น “ตำแหน่งนายกฯเป็นของผม”
นายเศรษฐาระบุอีกว่า แม้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง แต่แรงกดดันที่ต้องแบกรับไม่ใช่เพราะเป็นที่ 2 แต่มาจากความต้องการขจัดความยากจน ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่คนไทยทุกคน เป็นแรงกดดันที่ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ และยินดีรับคำแนะนำจากนายทักษิณ เช่นเดียวกับอดีตนายกฯคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นจากหลายฝ่าย เมื่อนายทักษิณเดินทางกลับไทยว่าพรรคเพื่อไทยหักหลังคนไทย และนายเศรษฐาคือหุ่นเชิดของนายทักษิณ แต่นายเศรษฐาย้ำว่า “ผมเป็นคนกุมบังเหียน ควบคุมสถานการณ์ได้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนสุดท้องนายทักษิณ เป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานและมีความสามารถอย่างยิ่ง มั่นใจว่า น.ส.แพทองธารจะลงสมัครชิงตำแหน่งนายกฯแน่นอน แต่ตอนนี้ตำแหน่งนายกฯเป็นของผม”
กระบวนการตุลาการชี้ขาด 112
นายเศรษฐาระบุถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า กฎหมายทุกฉบับได้รับการยอมรับ และบังคับใช้อย่างเท่าเทียม มาตรา 112 ก็เป็นเช่นนั้น การพิจารณาและตัดสินว่าใครเป็นผู้บริสุทธิ์หรือมีความผิด เป็นไปตามกระบวนการตุลาการ ทุกคนต้องผ่านกระบวนการดังกล่าว ในฐานะนายกฯไม่ควรและไม่สามารถแทรกแซงอำนาจตุลาการได้ สำหรับจุดยืนของไทยท่ามกลางสงครามยูเครน-รัสเซีย นายเศรษฐาระบุว่า ต้องการรักษาสถานะความเป็นกลาง ไทยไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ไม่สนับสนุนความรุนแรง และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ไทยอยู่ในฝั่งของสันติภาพ เชื่อว่าประชาคมโลกต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขเพื่อความเจริญรุ่งเรือง สถานการณ์ในยูเครนได้แบ่งขั้วให้กับโลก สร้างแรงกดดันให้หลายประเทศ รวมถึงไทยให้เลือกข้าง เชื่อว่าหนทางที่ควรใช้คือความร่วมมือแบบพหุภาคี ความร่วมมือระหว่างประเทศมากกว่าการแบ่งแยกโลกออกจากกัน ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมา ไทยจะเป็นหัวหอกสำคัญในการสร้างสันติภาพในเมียนมา
“ทักษิณ” กราบสมเด็จพระสังฆราช
ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารเมื่อเวลา 15.49 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ากราบสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังได้รับการพักโทษกลับไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทั้งนี้ นายทักษิณเดินทางมาในชุดสูทสีดำ สวมใส่แมสก์ แต่ไม่ได้ใส่เฝือกที่คอและไหล่ เหมือนตอนออกจากโรงพยาบาลตำรวจ โดยมีผู้ติดตาม 4-5 คน ท่าทางการเดินปกติ ก่อนจะเดินทางต่อไป ไหว้บรรพบุรุษ ที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 14 มี.ค. ตามกำหนดการที่วางไว้
โปรแกรมตะลอนทัวร์เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 14 มี.ค. เวลา 05.00 น. นายทักษิณจะเข้าสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ก่อนเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวไป จ.เชียงใหม่ จุดแรกที่ไปหลังถึงเชียงใหม่คือ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จากนั้นไปกินข้าวกลางวันที่ร้านช้างม่อยกาแฟ ไปคลองแม่ขา น้ำตกแม่สา และกินมื้อค่ำที่ร้านเจี่ยท้งเฮง วันที่ 15 มี.ค. พาครอบครัวไปกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ กินข้าวกลางวันที่ซอยเสมอใจ จากนั้นไปไหว้สุสานนายเลิศ ชินวัตร และนางยินดี ชินวัตร บิดา-มารดาของนายทักษิณ ที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาด้านทิศตะวันตก ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ออน ต.ออนเหนือ อ.แม่ออน และคาดว่าจะแวะไปพบกลุ่มคนเสื้อแดงที่มารอรับที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง และกินมื้อค่ำกันที่บ้านพักภายในสนามกอล์ฟซัมมิท กรีน วัลเล่ย์ ต.แม่สา อ.แม่ริม ส่วนวันที่ 16 มี.ค. ไปกินข้าวเช้าที่ร้านกาแฟ Oasis ก่อนไปไนท์ซาฟารี และนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับ กทม.
เสื้อแดงสุดคึกรอรับ “นายใหญ่”
นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี แกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดรวมตัวต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางไป จ.เชียงใหม่ว่า คนเสื้อแดงจากหลายจังหวัด ทั้งจากอีสาน กลาง และเหนือ ยืนยันนัดรวมตัวที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง ในวันที่ 15 มี.ค. เพียงจุดเดียว หวังว่าถ้านายทักษิณมีเวลาคงแวะมาพบกับพี่น้องคนเสื้อแดง แต่ถ้าท่านติดภารกิจหรือยังไม่แข็งแรงมาไม่ได้ ไม่ได้รู้สึกน้อยใจเพราะต้องการแสดงพลังส่งกำลังใจให้ พวกเรายังรักเป็นนายกฯที่อยู่ในหัวใจพวกเราเหมือนเดิม วันนี้ปากท้องลำบาก เป็นผลต่อเนื่องจากรัฐบาลก่อน คนไทยไปต่างประเทศศักดิ์ศรีหายหมด ต่างจากวันที่นายทักษิณเป็นนายกฯชัดเจน พวกเราเชื่อมั่นนายทักษิณสามารถเข้ามาช่วยผลักดันให้ประเทศกลับมายิ่งใหญ่ เหมือนตอนพรรคไทยรักไทยสู่จุดที่ดีกว่านี้ได้ โดยเฉพาะวันนี้เชียงใหม่ศูนย์กลางคมนาคมและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคเหนือมีปัญหา PM2.5 รุนแรง โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่ ที่เคยมีต้องหยุดชะงัก เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล หวังว่าจะได้รับการสานต่อ ทำให้เชียงใหม่กลับมาเป็นกำลังสำคัญพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
สส.กรี๊ดหนู-แมลงสาบยั้วเยี้ยสภา
เมื่อเวลา 11.40 น. ที่รัฐสภา ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.มาตรการฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต วาระ2 มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ขณะที่รอการลงมติรายมาตรา น.ส.สิริลภัส กองตระการ สส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขอหารือว่า มีเสียงสะท้อนจากเจ้าหน้าที่สภาฯเรื่องสุขอนามัยภายในสภาฯตอนนี้เริ่มมียุง แมลงสาบ หนู ในห้องทำงานจำนวนมาก วันก่อนเจ้าหน้าที่ห้องจองตั๋วเครื่องบินบอกยุงเยอะ หรือห้องทำงานต่างๆที่แยกไปใช้นั่งรับประทานอาหารมีแมลงสาบ หนู ขอฝากประธานฯกำชับหน่วยงานที่ดูแลความสะอาดตรวจเช็กด้วย นายพิเชษฐ์ชี้แจงว่า จะแจ้งให้ ผอ.ฝ่ายสถานที่แก้ปัญหาทั้งยุง หนู สภาฯอยู่ริมน้ำติดแม่น้ำเจ้าพระยาต้องปราบกันเป็นระยะๆ
รัฐบาลขอเลื่อนชำแหละ ก.ม.เหล้า
ต่อมาเวลา 14.30 น. เข้าสู่วาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 3 ฉบับ เป็นฉบับของภาคประชาชน 2 ฉบับ และของนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรค ก.ก.1ฉบับ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอเลื่อนพิจารณาวาระดังกล่าวไปก่อน เพื่อรอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับ ครม.เข้ามาพิจารณาไปพร้อมกัน นายอรรถกรกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้ง 3 ฉบับที่เข้าพิจารณาวันที่ 13 มี.ค. บางฉบับตึงเกินไป บางฉบับหย่อนเกินไป ถ้ายืนยันพิจารณาวันนี้อาจโหวตไม่รับทั้ง 3 ร่าง ขอให้รอร่างที่มีความเป็นกลางเข้ามา จะได้รับร่างทุกฉบับพิจารณาไปพร้อมกัน เพื่อหาจุดลงตัวเชิงพาณิชย์กับสาธารณสุข
ก้าวไกลจี้ ครม.ชง ก.ม.ควบคุมสุรา
ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสียเวลาไปแล้ว 60 วัน เพื่อส่งกลับไปให้รัฐบาลพิจารณาให้เกิดความรอบคอบ แต่ถึงเวลาร่างฉบับของ ครม.ไม่เสร็จ เท่าที่เห็นเนื้อหาเบื้องต้นไม่เห็นจะประนีประนอมอะไร ขณะนี้การพิจารณากฎหมายในสภาฯเหลือเวลา 2 สัปดาห์ อยากขอคำยืนยันจากรัฐบาลจะส่งร่างของ ครม.เข้าสภาฯได้ทันวันที่ 27 มี.ค.หรือไม่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า จะเร่งรัดให้เร็วที่สุดเพื่อส่งร่างของ ครม.เข้าสภาฯให้ทันภายในวันที่ 27 มี.ค. ในที่สุดฝ่ายค้านยินยอมให้เลื่อนออกไป ก่อนที่นายพิเชษฐ์จะสั่งปิดประชุมในเวลา 14.45 น.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่