ก.ต่างประเทศ หวัง 8 ตัวประกันคนไทยได้รับการปล่อยตัว ย้ำ ทุกฝ่ายยังพยายามเจรจาให้อิสราเอล-กาซาหยุดยิง ขอสถานทูตช่วยย้ายแรงงานไทยออกจากพื้นที่สีแดงติดกับชายแดนเลบานอน หลังเจ็บ 5 คน จากเหตุการณ์จรวดต่อต้านรถถังถูกยิง

วันที่ 7 มีนาคม 2567 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ ท่าทีไทยต่อสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซา จากเหตุการณ์จรวดต่อต้านรถถังถูกยิงจากฝั่งเลบานอนข้ามมายังชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล บริเวณนิคมเกษตรมาร์กาลิโอต (Margaliot) เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 โดยมีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว 3 ราย ผู้บาดเจ็บที่เหลือ 2 ราย ยังมีอาการค่อนข้างหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เข้าเยี่ยมแรงงานไทยทั้ง 2 ราย ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ รวมถึงได้พบกับแพทย์เพื่อติดตามอาการและประสานญาติแล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ให้เร่งสำรวจรายชื่อแรงงานไทยที่ยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่สีแดงติดกับชายแดนเลบานอน และขอให้ย้ายคนไทยเหล่านั้นออกจากพื้นที่ทันที โดยก่อนหน้านี้ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้เคยประสานกับทางการอิสราเอลเพื่ออพยพแรงงานไทยออกจากเมืองเมตูลา (Metula) ซึ่งอยู่ในพื้นที่สีแดงทางเหนือถึง 14 รายด้วยแล้วเช่นกัน โดยคนไทยในอิสราเอล ขอให้ลงทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตฯ หรือหากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่เฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตฯ Royal Thai Embassy, Tel Aviv (ทุกเรื่องเมืองยิว) หรือ หมายเลขโทรศัพท์+972 546368150, +972 503673195 หรืออีเมล thaiembassy.tav@mfa.go.th

...

อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ระบุถึงสถานการณ์ในปัจจุบันว่า ยังคงมีปฏิบัติการทางทหารที่เข้มข้นในพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของกาซา อีกทั้งยังมีการจับกุมผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในเขตเวสต์แบงก์ (West Bank) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการโจมตีตอบโต้กันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ (Hezbollah) อย่างหนักในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ในขณะเดียวกัน หลายฝ่ายพยายามเจรจาเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงชั่วคราวก่อนช่วงรอมฎอนในวันที่ 10 มีนาคมนี้ ซึ่งหากสำเร็จก็จะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันชาติต่างๆ รวมถึงตัวประกันคนไทยอีก 8 คนด้วย

“ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ดำเนินการติดต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของการเจรจาหยุดยิงและยุติการสู้รบในอิสราเอล-กาซา โดยวานนี้ (6 มีนาคม) กระทรวงฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซา”

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

ขณะที่เช้าวันนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญ นายอาเรียล ไซด์แมน (Ariel Seidman) อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เข้าพบหารือ สรุปสาระสำคัญได้ว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ แจ้งว่า ไทยติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซา ด้วยความห่วงกังวล รวมถึงการโจมตีเมืองราฟาห์ และการโจมตีในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอล และขอความร่วมมือจากฝ่ายอิสราเอลในการดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทย ไม่ให้ไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง

พร้อมกันนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ยังได้สอบถามสถานะการมีชีวิตอยู่ของตัวประกันชาวไทย และย้ำความห่วงกังวลต่อสถานภาพและความปลอดภัยของตัวประกันคนไทย 8 คน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลไทยประสานกับมิตรประเทศเพื่อผลักดันให้มีการปล่อยตัวคนไทยทั้ง 8 คนมาอย่างต่อเนื่อง แต่เงื่อนไขสำคัญคือการหยุดยิง เพื่อให้ตัวประกันสามารถได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย ไทยจึงมีความห่วงกังวลอย่างมากต่อการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่หยุดชะงักลงในช่วงที่ผ่านมา และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้การเจรจาเดินหน้าเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงและการปล่อยตัวประกัน เพื่อยุติความสูญเสียและให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมถึงมือชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังได้มีการหารือถึงความจำเป็นที่ต้องเร่งรัดการจัดทำความตกลงเกี่ยวกับการส่งแรงงานไทยกลับไปทำงานที่อิสราเอลในอนาคต เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างมีระบบและสามารถให้ความมั่นใจแก่แรงงานไทยได้ ทั้งในเรื่องการทำงานในพื้นที่ที่ปลอดภัย และผลประโยชน์/ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม

ทางด้าน นายอาเรียล เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการหยุดยิง พร้อมกับแจ้งว่าการเจรจามีความคืบหน้าตามลำดับ และจะแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบเมื่อมีพัฒนาการเพิ่มเติม โดยขณะนี้สามารถยืนยันจำนวนตัวประกันอิสราเอลที่เสียชีวิตจากการสู้รบเพิ่มเติมได้แล้วกว่า 30 คน จากจำนวนผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันทั้งหมด 134 คน รวมทั้งย้ำด้วยว่า อิสราเอลปฏิบัติต่อผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามของทุกชาติเช่นเดียวกับคนอิสราเอล และรับจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ์และสวัสดิภาพของแรงงานไทยอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังได้หารือกับฝ่ายอิสราเอลที่ดูแลเรื่องตัวประกันมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับแจ้งว่ายังไม่มีข้อมูลว่ามีตัวประกันคนไทยเสียชีวิตแต่อย่างใด

สำหรับแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศ ที่แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซา ระบุว่า “ประเทศไทยติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซา รวมถึงการโจมตีเมืองราฟาห์ และเหตุการณ์ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและมีแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 คน ด้วยความห่วงกังวล เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำให้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการบรรลุข้อตกลงที่จะนำไปสู่การยุติความเป็นปรปักษ์ในทันที และความจำเป็นที่ต้องบรรลุสันติภาพบนพื้นฐานของแนวทางสองรัฐอย่างยั่งยืน

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ ประเทศไทยมีความห่วงกังวลอย่างมากต่อการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่หยุดชะงักลง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้การเจรจาเดินหน้าและให้การหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมประสบผลสำเร็จ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสามารถเข้าไปบรรเทาความทุกข์ยากของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาได้มากขึ้น ทั้งนี้ ประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการหยุดยิงจะสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ และจะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันทั้งหมด ซึ่งรวมถึงตัวประกันชาวไทยด้วย”