"พวงเพ็ชร" นำ ชุดสืบสวนนครบาล ทลายแหล่งขายบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้สถานศึกษา 15 จุด มูลค่า 3 ล้าน แจงจับผู้ขาย เหตุบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคติน ทำลายสมองเด็ก ด้าน “บิ๊กจ๋อ” ลั่น เตรียมขยายผล จับเอเย่นต์รายใหญ่ รู้ผลเร็วๆ นี้

วันที่ 6 มี.ค. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล และนายธสรณ์อัฑฒ์ ธสิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดปฏิบัติการทลาย Vape Operation (บุหรี่ไฟฟ้า) 15 จุด แบ่งเป็นแหล่งจำหน่ายใกล้สถานศึกษา 14 จุด โกดังลักลอบนำเข้า 1 จุด ขณะนี้ตรวจค้นเสร็จสิ้นแล้ว 7 จุด อยู่ระหว่างตรวจค้น 8 จุด จับกุม 7 ราย 8 คน รวมของกลางกว่า 6,000 รายการ ซึ่งถ้ารวมทั้ง 15 จุด จะมีของกลางมูลค่ารวม 3 ล้านบาท

โดยหนึ่งในจุดที่นางพวงเพ็ชร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสืบนครบาลในการบุกจับกุมนั้น เป็นพื้นที่ตลาดย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 ซึ่งพบเปิดขายอย่างโจ่งแจ้ง พบลูกจ้างหญิงชาวไทยให้การว่า ตนเองมาเป็นพนักงานขายได้ 2 เดือน และไม่ทราบว่าเจ้าของเป็นใคร โดยร้านค้าเปิดตั้งแต่ 11:00 น. - 21:00 น. มียอดขายในแต่ละวัน 7,000 - 10,000 บาท ซึ่งลูกค้าสามารถจ่ายผ่านเงินสดและโอนเงินผ่านบัญชีได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสอบถามว่าได้มีการขายให้กับเด็กและเยาวชนหรือไม่ ทางลูกจ้างได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการขายให้กับเด็ก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมาเปิดต่อหน้าว่ามีการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน

...

จุดถัดมาได้มาตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ ในซอยวิภาวดี 16 ซึ่งพบบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมของกลาง โดยพบลูกจ้างชาวต่างชาติ มีหน้าที่แพ็กและส่งสินค้า โดยให้การว่า ตนเองมาทำงานได้ประมาณ 3 เดือน ได้รับเงินเดือน 13,000 บาท โดยตอนแรกถูกว่าจ้างให้มาขายตุ๊กตา แต่พอเริ่มงานจริง พบว่ามาขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวลูกจ้างคนดังกล่าวไปขยายผลจับกุมต่อไป

หลังจากนั้น ได้แถลงข่าวร่วมกัน โดยนางพวงเพ็ชร กล่าวว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ได้กำชับ ให้เข้มงวดการตรวจค้น และจับกุมการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย จึงได้หารือกับ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอกำลังตำรวจมาเสริม ซึ่งได้มอบหมายให้พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ มาเป็นกำลังในการสืบสวนจนทราบว่าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีสถานที่จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าใกล้กับสถานศึกษาเป็นจำนวนมาก และจากการลงพื้นที่ วันนี้ได้พบกับหลักฐาน บุหรี่ไฟฟ้าได้ดัดแปลงอุปกรณ์เสริม เพื่อจูงใจเด็กและเยาวชนให้หันไปสูบมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะสืบสวนเพื่อหาต้นตอใหญ่ต่อไป พร้อมยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และในวันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะอนุญาตให้เป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย ซึ่งในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินจำนวนมากที่ส่งผลต่อสมอง หากเยาวชนและเด็ก สูบเข้าไปจะส่งผลต่อการทำลายสมอง เนื่องจากเยาวชนและเด็กเป็นกำลังสำคัญของชาติ ทั้งนี้ ยังฝากไปถึงผู้ปกครองให้ช่วยกันสอดส่องดูแลลูกหลาน หากพบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีลักษณะจูงใจเหมือนของกลางในวันนี้ ให้รีบทำลายทันทีและสามารถแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ ส่วนช่องทางออนไลน์ ได้มีการเรียกแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่เข้ามาพูดคุย เพื่อสกัดการขายสินค้า พร้อมปิดช่องทางการสั่งซื้อนับพันราย

ด้านพลตำรวจตรีธีรเดช ระบุว่า ทีมสืบสวนทำงานกันมา 2 อาทิตย์กว่าจะได้ข้อมูล และนำมาซึ่งการจับกุมวันนี้ ขณะเดียวกันยังจะต้องทำงานต่อ เพราะจะต้องสาวถึงผู้จำหน่ายที่เป็นตัวการรายใหญ่ แต่ขณะนี้มีข้อมูลอยู่ในมือแล้วยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ พร้อมย้ำว่า ชุดสืบสวนมีหน้าที่ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล การทำงานต่อจากนี้จะต้องละเอียดและรอบคอบ

ส่วนที่สังคมยังตั้งคำถามว่า ทำไมต้องมาจับกุมตัวเล็กทั้งที่ผู้ค้ารายใหญ่ยังลอยนวล และปัจจุบันก็มีคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอน งานที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องนำไป ศึกษาถึงผลกระทบทั้งในแง่บวก และในแง่ลบ เนื่องจากปัจจุบันสินค้าบุหรี่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ห้ามนำเข้าตำรวจจึงต้องทำตามกฎหมาย และโดยปกติ ตนเองทำแต่คดีสืบสวนและคดีฆ่าคนตาย วันนี้ต้องมาสืบหาคนที่จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นงานที่ท้าทาย แต่ ผบ.ตร. มอบหมายมาก็ต้องทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่