“รอมฎอน ปันจอร์” แนะ “ทักษิณ” ใช้ประสบการณ์และความสัมพันธ์ส่วนตัว ให้ข้อคิดเห็น “เศรษฐา” แก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ เตือน นายกฯ ทบทวนสถานการณ์ด้ามขวานใหม่ หวั่นจะตัดสินใจในทางการเมืองผิด
วันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่ 27-29 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า ตนอยากจะสื่อสารไปถึงบุคคล นอกจากนายกฯแล้ว อย่างน้อย 3 คนในรัฐบาลชุดนี้ คือ 1. นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ 2. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ และ 3. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะทั้ง 3 คน มีบทบาทสำคัญในการที่จะให้คำแนะนำและกำหนดจังหวะทิศทางของรัฐบาลนายเศรษฐา ต่อความขัดแย้ง สถานการณ์ความไม่สงบ และการสร้างสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการที่ตนต้องพูดถึงนายทักษิณ เพราะเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่จะมีการลงนามในเอกสารดังกล่าว นายทักษิณ มีบทบาทสำคัญในการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกรุยทางความเป็นไปได้ในการเปิดหน้าพูดคุยอย่างเปิดเผย จึงคิดว่าในครั้งนี้ แม้นายทักษิณ จะมีข้อจำกัดก็น่าจะให้ข้อเสนอและข้อคิดเห็นแก่นายเศรษฐาได้
นายรอมฎอน กล่าวอีกว่า นายกฯ ลงพื้นที่ ด่านตรวจ และจุดตรวจหายไป เมื่อนายกฯ กลับ ด่านตรวจก็กลับมีเข้ามาใหม่ ชูภาพด้านบวกแต่เป็นภาพเพียงผิวเปลือกอาจทำให้การวินิจฉัยโรค ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดไป นายกฯ พูดซ้ำระหว่างการลงพื้นที่เรื่องความเสมอภาค เท่าเทียม และโอกาส แต่สิ่งที่ขาดไปคือ ความยุติธรรม แกนกลางแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฯ ยังไปไกลถึงขนาดพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่อดกลั้น และอ้างถึงสถานการณ์ว่า อีกไม่กี่สัปดาห์จะเข้าสู่เดือนรอมฎอน และเรียกร้องให้ประชาชน ยกโทษให้กันและกัน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่นายกฯ พูดถึงหมายถึงเรื่องอะไร ไม่แน่ใจว่าท่านนึกถึงเหตุการณ์ตากใบเกือบเมื่อ 20 ปีที่แล้วหรือไม่ เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์บาดแผลสำคัญ ถ้าเรามีวิธีการจัดการกับความเจ็บปวดอย่างนี้ แต่ถ้านายกฯ คิดอย่างนั้นจริงๆ ก็ถือว่าน่าเสียดาย เพราะความเสมอภาค การเท่าเทียม และเรื่องการแสวงหาโอกาสในทางเศรษฐกิจอาจจะไม่มีความหมายเลย ถ้าปมในใจพี่น้องประชาชนยังมีอยู่ จะต้องมีความยุติธรรม หนึ่งในนั้นคือการพูดคุยสันติภาพ นายกฯ ต้องแสดงเจตจำนงที่แน่วแน่ ขอเตือนนายเศรษฐา ว่าต้องทบทวนสถานการณ์ภาคใต้ใหม่ ถ้าท่านดูเบาสถานการณ์เกินไปและมอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงดูสถานการณ์อย่างเดียว เกรงว่าในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร ที่เป็นผู้นำพลเรือน จะตัดสินใจในทางการเมืองผิด
...