“นฤมล” ผู้แทนการค้าไทย เผย “รัฐบาลเศรษฐา” ดึงเงินลงทุนสู่อุตสาหกรรมดิจิทัล รองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 5
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย ให้สัมภาษณ์ถึงวัตถุประสงค์ของการดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่อุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิทัลในภูมิภาค ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศวิสัยทัศน์เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปฏิวัติอุตสากรรมครั้งที่ 5 หรือ the 5th Industrial Revolution (5IR)
ผู้แทนการค้าไทย กล่าวต่อไปว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ 4IR ค่อยๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2010 เกิดเป็น Digital Economy ที่ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่ในขณะนั้น เช่น ioT, AI, Robotics, Blockchain, Biotechnology, Quantum Computing รัฐบาลไทยในสมัยนั้นจึงใช้ยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล และเปลี่ยนกระทรวง ICT เป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงขยายขอบเขตภารกิจความรับผิดชอบให้กว้างขึ้นตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป มากไปกว่าแค่เรื่องของ Information and Communications Technologies (ICT) จากนั้นมาได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง จนไทยอยู่ในแนวหน้าของภูมิภาคด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ในขณะเดียวกันก็มีการสนับสนุนการลงทุนในเรื่อง Big Data ทั้งของภาครัฐและเอกชน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลทั้งระดับหลักสูตรของสถาบันการศึกษา และการอบรมทั้ง reskill and upskill สำหรับแรงงานไทย
...
ทั้งนี้ ปี 2023 ข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) แสดงสัดส่วนอุตสาหกรรมดิจิทัล นับเป็น 15% ของ GDP โลก และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเป็น 30% ของ GDP โลกภายในปี 2030 จากความกังวลที่คิดว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้คนตกงาน การคาดการณ์กลับพบว่าเมื่อเข้าสู่ the 5IR ที่ Digital Economy จะกลายเป็น Re-humanized หรือ Personalized Economy ที่เทคโนโลยี 4IR จะกลับมาสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้มนุษย์ในหลากหลายมิติ เช่น การสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นจากการออกแบบเฉพาะรายบุคคลให้กับลูกค้า การรักษาพยาบาลที่ออกแบบเฉพาะรายบุคคลเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้น หรือแม้กระทั่งการศึกษาที่ออกแบบเฉพาะรายบุคคลเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ทั้งหมดนี้จะเกิดการลงทุนในธุรกิจรูปแบบใหม่จำนวนมาก ที่คาดว่าจะนำไปสู่การจ้างงานใหม่ถึง 30 ล้านตำแหน่ง
“เพื่อให้ประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยและแรงงานไทยได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรม 5IR นี้ รัฐบาลจึงพยายามดึงดูดเงินลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพในห่วงโซ่อุปทานของ 5IR ให้มากขึ้น เพื่อสร้าง Ecosystem สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 ทั้งนี้ ในฐานะผู้แทนการค้า ได้หารือและชักชวนบริษัทด้าน Data center และ Data Analytics เข้ามาลงทุนในไทยให้มากขึ้น เรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะข้อมูลกับการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญสำหรับ Personalized Economy ที่จะเกิดขึ้นต่อไป”