“ฮุน เซน” หิ้วลูกเขยบินส่วนตัวเยี่ยม “ทักษิณ” บรรยากาศสุดชื่นมื่นไร้ประเด็นการเมือง เจ้าบ้านจัดเมนูโปรดกุ้งแม่น้ำสุพรรณ-สำรับไทยเลี้ยง “เพื่อนซี้” อดีตผู้นำกัมพูชาออกปากเชิญ “อิ๊งค์” ไปเยือนกระชับสัมพันธ์ 14-15 มี.ค.นี้ “จุรินทร์” ย้ำปม “นักโทษเทวดา” จะเป็นตราบาปรัฐบาล “เศรษฐา” ตลอดไป ปชป.ชงรื้อ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์แก้เกณฑ์พักโทษ ศูนย์ทนายสิทธิฯเผย 3 นักกิจกรรมเด็กอาการหนัก “ตะวัน” มีภาวะเลือดเป็นกรด “แฟรงค์” ต้องใช้เครื่องออกซิเจน “บุ้ง” อาเจียนทั้งคืน “เศรษฐา” ขับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นลิมิเต็ดเข้าทำเนียบโชว์สื่อ กำชับผู้ช่วย รมต.อย่าแบ่งพรรคแยกกระทรวง ให้ยึดภาพรวมรัฐบาล 3 พรรคพร้อมใจชงยกเลิกคำสั่ง คสช. “ธีรยุทธ” จี้ กกต.ยุบ ก.ก.พ่วง ภท.

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดบ้านพักจันทร์ส่องหล้า ต้อนรับสมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกฯกัมพูชา ที่มาเยี่ยมเป็นการส่วนตัว พร้อมเสิร์ฟเมนูโปรดกุ้งแม่น้ำ ก่อนสมเด็จฮุน เซน ออกปากเชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปเยือนกัมพูชากระชับสัมพันธ์

“ฮุนเซน” บินส่วนตัวเยี่ยม “ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้ายังคงมีสื่อมวลชนปักหลักทำข่าวอยู่จำนวนมาก หลังมีข่าวสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน หรือสมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.7 และ สน.บางพลัด คอยอำนวยความสะดวกจัดระเบียบการจราจรโดยรอบบริเวณ โดยเมื่อเวลา 09.50 น. สมเด็จฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพขณะนั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว พร้อมข้อความภาษาอังกฤษที่ระบุว่า “กำลังเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯของไทย”

...

“บิ๊กต่อ” สั่งการประสานอารักขา

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึงขั้นตอนการอารักขาสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณเป็นการส่วนตัวว่า เนื่องจากสมเด็จฮุน เซนเป็นถึงอดีตผู้นำประเทศ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการอารักขาอยู่รอบนอก และดูแลอำนวยความสะดวกโดยรอบ แต่ยังไม่ได้รับการประสานจากกลุ่มบุคคลวีไอพีอื่นที่จะเข้าเยี่ยมนายทักษิณ หากมีการประสานเข้ามาพร้อมดูแลความปลอดภัยให้

อดีตผู้นำกัมพูชานั่งคู่มากับลูกเขย

ทั้งนี้ ก่อนที่สมเด็จฮุน เซนจะเดินทางมาถึง มีกลุ่มเสื้อแดงกว่า 20 คนมาให้กำลังใจนายทักษิณ โดยระบุว่าพักอาศัยอยู่ย่านบางพลัด วันนี้มาด้วยใจ ให้กำลังใจขอให้นายทักษิณสุขภาพแข็งแรง หวังว่า การกลับมาจะมาช่วยชาวบ้าน ขอให้นายทักษิณสู้ๆ จากนั้นเวลา 10.37 น. มีรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร เป็นรถของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวของนายทักษิณ เข้าไปในบ้านจันทร์ส่องหล้า ก่อนที่เวลา 10.51 น. รถขบวนของสมเด็จฮุน เซน ประกอบด้วยรถ 4 คัน มีรถนำ 1 คัน และรถตู้ตามขบวนอีก 2 คันเดินทางมาถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า คาดว่าสมเด็จฮุน เซน ที่นั่งคู่มากับคนใกล้ชิดคาดว่าจะเป็นลูกเขย นั่งอยู่ในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียนป้ายแดง ร 3355 กรุงเทพมหานคร

จัดกุ้งแม่น้ำสุพรรณเลี้ยง “เพื่อนซี้”

กระทัั่งเวลาประมาณ 13.00 น. สมเด็จฮุน เซนพร้อมคณะได้เดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ภายหลังเข้าเยี่ยมและรับประทานอาหารกลางวันกับนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร โดยใช้เวลาอยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้าประมาณ 2 ชั่วโมง สำหรับเมนูอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย และหนึ่งในนั้นคือกุ้งแม่น้ำเผาจากสุพรรณบุรี เมนูโปรดของสมเด็จฮุน เซน ที่มีความชื่นชอบในอาหารไทย ส่วนเมนูขนมหวาน น.ส.แพทองธารได้โพสต์ลงไอจีสตอรี เป็นภาพขนมต้ม และลูกชุบ คาดว่าจะเป็นของหวานที่ใช้เลี้ยงรับรองสมเด็จฮุน เซน

พบกันวันนี้ไม่มีคุยเรื่องการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสมเด็จฮุน เซนเดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งเป็นภาษาเขมรใจความว่า “ได้มาเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กรุงเทพฯ แม้ว่าจะเจ็บป่วยแต่ยังเป็นพี่น้องกัน มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมอยู่ในวันนี้ด้วย และเพื่อสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างกันได้เชิญ น.ส.แพทองธารไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ สองอดีตนายกฯในวันนี้พบกันไม่มีการคุยเรื่องการเมือง แต่ชวนให้คำนึงถึง 32 ปีแห่งมิตรภาพที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 ขอบคุณนายทักษิณและ น.ส.แพทองธาร สำหรับการต้อนรับในวันนี้” ทั้งนี้ในภาพถ่ายที่มีการโพสต์ไว้ 5 ภาพ นายทักษิณสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า แขนและคอยังคงสวมเฝือกอ่อน มีสมเด็จฮุน เซน นั่งอยู่ด้านข้างขวามือ มี น.ส.แพทองธาร นั่งอยู่ด้วย

“อิ๊งค์” ขอบคุณความรัก-แรงหนุน

ขณะที่ น.ส.แพทองธารได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ของสมเด็จฮุน เซน ระบุว่า “Safe travels back home uncle thank you for your love and support” แปลได้ว่า “เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพค่ะคุณลุง ขอบคุณสำหรับความรักและแรงสนับสนุนที่มอบให้” และมีรายงานว่า น.ส.แพทองธารเดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้าในเวลา 14.00 น.

“บิ๊กโจ๊ก” เด้งสกัด “พี่สาววันเฉลิม”

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่แจ้งว่าจะมารณรงค์เรียกร้องสิทธิให้แก่น้องชายที่หายตัวไปไร้ร่องรอยในประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.2563 ที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังมีข่าวสมเด็จฮุน เซน จะมาเยี่ยมนายทักษิณ แต่ปรากฏว่า ระหว่าง น.ส.สิตานันกำลังเดินทางมา พล.ต.อ.สุรเชษฏ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มาเชิญตัว น.ส.สิตานันท์และกลุ่มนักกิจกรรมที่เตรียมรูปภาพวันเฉลิมมาเรียกร้อง ไปพูดคุยขอความร่วมมือไม่ให้เข้าพื้นที่ เนื่องจากเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัย มีบุคคลสำคัญระดับประเทศเดินทางมา อาจทำให้ภาพลักษณ์ประเทศดูไม่ดี จึงให้อยู่บริเวณตรงข้ามห้างตั้งฮั่วเส็ง ก่อนที่ น.ส.สิตานันเดินทางกลับ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไม่ให้เข้ามาบริเวณหน้าบ้าน

“ภูมิธรรม” ชี้ไม่แปลกเพื่อนมาเยี่ยม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน เข้าเยี่ยมนายทักษิณเป็นการส่วนตัวว่า เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีต่อกัน เป็นธรรมดาที่เห็นว่าเพื่อนป่วยไข้ก็มาเยี่ยม เหมือนเรามีเพื่อนป่วยไข้ก็อยากไปเยี่ยม สมเด็จฮุน เซน กับนายทักษิณเป็นเพื่อนกันในทางนานาชาติ เป็นประเทศที่เคยทำงานร่วมกันมาอย่างดี ไม่แปลกอะไรที่มาเยี่ยมเยียนกัน ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่านายทักษิณป่วยก็เลยมาเยี่ยม ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีผู้นำอื่นๆมาเยี่ยมอีกหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า  เราไม่ใช่ผู้มา คาดเดาไมได้ ก็ต้องดูว่าท่านใดมีความสัมพันธ์กันส่วนตัวอย่างไร เป็นห่วงเป็นใยกันส่วนตัวอย่างไร และเหมาะสมกับเวลาที่ท่านมีพอสมควรก็จะเกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรซีเรียส เป็นเรื่องนานาจิตตัง

สื่อขแมร์เกาะติดเยี่ยม “พี่ชายทูนหัว”

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศ อาทิ ขแมร์ไทม์ส และพนมเปญโพสต์ รายงานความเคลื่อนไหวของสมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีแห่งกัมพูชา และอดีตนายกฯกัมพูชา ที่เดินทางมาพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไทย ที่เพิ่งได้รับการพักโทษว่า สมเด็จฮุน เซน ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้มาเยี่ยมเยียน “พี่ชายทูนหัว” ที่บ้านพักในกรุงเทพฯเป็นการส่วนตัว แม้นายทักษิณจะเจ็บป่วยแต่ก็ยังให้การต้อนรับฉันพี่น้อง ยังได้พบกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “อุ๊งอิ๊งค์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนสุดท้องของนายทักษิณเช่นกัน ทั้งนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังเชิญชวนให้ น.ส.แพทองธารมาเยือนกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-15 มี.ค. เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน อย่างไรก็ตามสมเด็จฮุน เซน ยังระบุด้วยว่า แม้อดีตนายกฯทั้ง 2 คนจะพบหน้ากัน แต่ไม่ได้มีการหารือเรื่องการเมือง เพียงแต่พูดคุยย้อนวันวานของทั้งคู่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2535 ผ่านมาแล้วกว่า 32 ปี

“จุรินทร์” ย้ำตราบาป “รบ.เศรษฐา”

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า กรณีนักโทษ เทวดาจะกลายเป็นจุดซ้ำเติมความเสื่อมของรัฐบาลผสมชุดนี้กับการไม่มีผลงานที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน คนไทยรู้ดีว่านักโทษเทวดาจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้ารัฐบาลไม่รู้เห็นเป็นใจ ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีไปจนถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหน่วยงานต่างๆ มีคำถามว่ามาถึงวันนี้นักโทษเทวดาได้ประโยชน์สมใจแล้ว แต่ประชาชนได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจากรัฐบาลหรือยัง ที่เลวร้ายสุดคือการส่งสัญญาณจากรัฐบาลสู่ประชาชน ทำให้คนเข้าใจว่าโกงแล้วได้ดี จะเป็นตราบาปติดตัวรัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาลเศรษฐาตลอดไป

รื้อ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์เกณฑ์พักโทษ

นายจุรินทร์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีมติให้เสนอแก้ไข พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี 2560 ให้การลดโทษ การพักโทษต้องผ่านคณะกรรมการอิสระและศาล ไม่ใช่แค่เป็นอำนาจของคณะกรรมการราชทัณฑ์ ภายใต้กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีความเข้มแข็งขึ้น และให้การบังคับตามคำพิพากษามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ตามเจตนารมณ์ของกระบวนการยุติธรรม ส่วนเสียงวิจารณ์ว่ามีนายกฯ 2 คน หลังนายทักษิณได้รับการพักโทษ มันมี 2 คนมาตั้งแต่การตั้งรัฐบาลแล้ว ที่สำคัญระวังอย่าให้มี 3 คน จนเกินหน้าประเทศเพื่อนบ้านก็แล้วกัน

เผย “ตะวัน” มีภาวะเลือดเป็นกรด

วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยความคืบหน้าการอดอาหารและน้ำประท้วง (Dry Fasting) ของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม “บุ้ง ทะลุวัง” น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ “ตะวัน” และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร “แฟรงค์” ว่า ความคืบหน้า ณ วันที่ 20 ก.พ. ทั้งหมดอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ น.ส.เนติพรยังคงเดินหน้าประท้วงเพื่อ 2 ข้อเรียกร้อง คือให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างทางการเมืองอีก เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ต้องเจาะเลือดไป 4 หลอด แต่การเจาะเป็นไปอย่างลำบาก เพราะเลือดไหลออกน้อย ลักษณะหยดต่อหยดช้าๆ ช่วงคืนที่ผ่านมาบุ้งกับตะวันอ้วกเกือบตลอดทั้งคืน ตัวร้อนต้องเอาแผ่นประคบเย็นวางที่ศีรษะตลอด มีอาการตาลอย หน้ามืด เหนื่อยหอบตลอดเวลา แร่ธาตุโซเดียมและโพแทสเซียมในเลือดเริ่มต่ำ ปัสสาวะมีสีเข้ม มีภาวะเลือดเป็นกรด ปวดท้องลามไปจนถึงกระดูกสันหลังตลอดเวลา แต่ต้องอดทนจนรู้สึกว่าเหมือนชินชา

“แฟรงค์” ต้องใช้เครื่องออกซิเจน

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุอีกว่า ขณะที่ “แฟรงค์” และ “ตะวัน” อดอาหารและน้ำ ประท้วงเป็นวันที่ 7 มี 3 ข้อเรียกร้อง โดย 2 ข้อแรกเหมือนกับของ “บุ้ง” ส่วนอีก 1 ข้อเรียกร้องที่เพิ่มเติมเข้ามา คือประเทศไทยไม่ควรเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น เมื่อคืน “แฟรงค์” มีอาการชัก มือเกร็ง-ชา ต้องใช้เครื่องช่วยให้ออกซิเจนผ่านทางจมูก เพราะหายใจไม่ทัน แพทย์คาดว่าเกิดจากความเครียด น้ำหนักตัวลดลงเหลือประมาณ 39 กก. รู้สึกร้อนจากข้างในร่างกาย อ่อนแรงมาก จนไม่สามารถเดินเองได้ ต้องนั่งรถเข็น วันนี้ “ตะวัน” นั่งรถเข็นออกมา มีอาการอ่อนเพลีย พูดช้า เสียงเบา ปากแห้งแตกจนลอก เมื่อคืนอาเจียนออกมาเป็นน้ำสีใสรสเปรี้ยว 1 ครั้ง มีอาการคล้ายจะอ้วก แต่อ้วกไม่ออกอีกหลายครั้งทั้งคืน รู้สึกว่าการประมวลผลช้าลง มีอาการหลงลืม ไม่มีสติอยู่กับปัจจุบัน น้ำหนักตัวลดลงเหลือประมาณ 41 กก. ตัวร้อนมากจนต้องเอาน้ำมาลูบตลอดเวลา

“เศรษฐา” โชว์รถยนต์ไฟฟ้าลิมิเต็ด

เมื่อเวลา 09.11 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง สร้างสีสันด้วยการขับรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ Fiat & Abarth รุ่น 500 electric จากประเทศอิตาลี สีเขียว Acid Green ทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร เป็นอักษรย่อชื่อนายเศรษฐา และนายกฯ คนที่ 30 ราคาในตลาดอยู่ที่ 2.38 ล้านบาท เดินทางออกจากบ้านพักย่านสุขุมวิทมาทำเนียบรัฐบาลด้วยตัวเอง ทันทีที่มาถึงนายกฯได้หยุดรถพร้อมลดกระจกทักทายกลุ่มผู้สื่อข่าว “อยากขับรถบ้าง เพราะมันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง เหมือนสมัยเป็นนักธุรกิจที่ขับรถเอง รถคันนี้เป็นรถที่ลูกสาวซื้อมา เห็นว่าสวยดีและเป็นรถไฟฟ้าด้วย” ทั้งนี้ รถยนต์คันดังกล่าวใช้ระบบไฟฟ้า โดยบริษัทแม่คือ Stellantis เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของโลก มีหลายแบรนด์ด้วยกัน เช่น alfa romeo, chrysler, peugeot, maserati ที่นายเศรษฐาจะเดินทางไปพูดคุยกับเจ้าของบริษัทที่ประเทศฝรั่งเศสเร็วๆนี้เพื่อดึงดูดให้บริษัทเข้ามาลงทุนผลิตในไทย จากนั้นนายกฯเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าครั้งที่ 1/2567 ที่ตึกภักดีบดินทร์

ขออย่าแบ่งพรรคทำงานเพื่อ ปชช.

 ต่อมา 09.30 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า นายเศรษฐากล่าวมอบนโยบายระหว่างเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่า มีความคาดหวังว่าที่ทุกคนมานั่งอยู่ตรงนี้ คงอยากฟื้นฟูปัญหาที่มีอยู่ขณะนี้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสังคม การเมือง เศรษฐกิจ อยากให้ทุกคนทุ่มเทและประชุมกันต่อเนื่อง แต่ละคนอาจมีความสนิทคุ้นเคยกัน หรือถ้าไม่คุ้นเคยก็นัดกินข้าวกัน เชื่อว่าการที่เราจะขับเคลื่อนในหลายๆเรื่อง ไม่ใช่บางคนมาจากแต่ละพรรค แต่วันนี้เชื่อว่าเราไม่ได้มาต่างพรรค แต่เรามาร่วมรัฐบาลเดียวกัน ขอความกรุณาอย่าบอกว่ามาจากพรรคนั้น พรรคนี้ แต่เรามาร่วมรัฐบาลเดียวกัน บางคนมีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่รุ่นก่อน รู้จักกันตั้งแต่สมัยคุณพ่อ คุณปู่ และอาจเคยอยู่พรรคเดียวกันมา อย่ามองว่ามาคนละพรรค อยากให้มีการพูดคุยกันเพื่อลด barrier (สิ่งกีดขวาง) ลงไปหน่อย พูดคุยกันดีกว่าเพราะเราต้องทำงานอีก 3 ปีครึ่ง เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอที่จะช่วยกันได้ หรือโยกย้ายก็มีการพูดคุยกันได้ อยากฝากไว้เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง

3 พรรคพร้อมใจชงยกเลิกคำสั่ง คสช.

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2559 เรื่องคณะกรรมการที่ปรึกษาบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่นายยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เสนอ โดยพิจารณาควบคู่ไปกับร่าง พ.ร.บ.ที่มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกันอีก 2 ฉบับ ของนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า คำสั่ง คสช.ดังกล่าวเพิ่มอำนาจให้ กอ.รมน. ขยายอำนาจฝ่ายทหารมาควบคุมกิจการพลเรือน เป็นการเดินผิดทาง ต้องยกเลิกคำสั่งนี้ ยุติบทบาทคณะกรรมการที่ปรึกษา และจำกัดบทบาท กอ.รมน. ทั้งนี้ การอภิปราย สส.ส่วนใหญ่แสดงความเห็นทางเดียวกันว่า คำสั่ง คสช.มีปัญหาต่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรยกเลิก จากนั้นที่ประชุมลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับ ด้วยคะแนน 421 ต่อ 0 งดออกเสียง 1 ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯมาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับ จำนวน 31 คน

ก้าวไกลดัน ก.ม.คำนำหน้าชื่อ

จากนั้นเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ และ สส.พรรค ก.ก.เสนอ สาระสำคัญคือรับรองผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้กำหนดการใช้คำนำหน้านามจะเป็นเพศอะไรสอดคล้องกับสิ่งที่สังคมกำหนดหรือไม่ก็ได้ โดย สส.พรรค ก.ก.อภิปรายสนับสนุน อาทิ นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายว่า พูดจากก้นบึ้งหัวใจจากผู้หญิงข้ามเพศ ที่เจ็บปวดกับคำนำหน้านามว่า “นาย” มาตลอดชีวิต ความฝันสูงสุดคือการได้เปลี่ยนคำนำหน้าให้ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศ คือการได้เป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์ ใครไม่ได้เป็นบุคคลข้ามเพศ ไม่มีทางเข้าใจ ขอวิงวอนจากหัวใจหญิงข้ามเพศที่รอสิ่งนี้มานานตลอดชีวิต

พท.ตีตกห่วงเปิดช่องอาชญากรรม

ขณะที่ สส.พรรคร่วมรัฐบาล อภิปรายไม่เห็นด้วย อาทิ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำนำหน้าชื่อทั้งนาย นาง นางสาว เป็นการแบ่งเพศตามสภาพตั้งแต่กำเนิด หากให้เปลี่ยนได้ตามความสมัครใจ อาจเกิดการก่ออาชญากรรมไปหลอกลวงอีกเพศ อ้างว่าเป็นคนเพศเดียวกัน แม้ในต่างประเทศให้เปลี่ยนคำนำหน้าได้ แต่เงื่อนไขยากง่ายแตกต่างกัน เช่น สวีเดน ฟินแลนด์ การเปลี่ยนคำนำหน้าได้ ต้องพบจิตแพทย์ ต้องทำหมัน เพื่อกันกรณีถูกข่มขืนและตั้งท้อง ไม่อยากให้มองคำนำหน้านามเป็นกรอบกำหนดชีวิต เพราะไม่ว่าจะเป็นนาย นาง นางสาว ก็เสมอภาคกันทุกคน หากทำกันจริงๆขอให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ ในที่สุดที่ประชุมลงมติไม่เห็นด้วย 256 ต่อ 152 ถือว่าที่ประชุมไม่รับหลักการ

“ธีรยุทธ” จี้ กกต.ยุบ ก.ก.–ภท.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ในฐานะผู้ร้องจนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรค ก.ก.ใช้นโยบายแก้ไขมาตรา 112 หาเสียงเป็นการล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นำสำเนาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 คดีพรรค ก.ก.ล้มล้างการปกครอง ฉบับเต็มยื่นให้กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง พิจารณายุบพรรค ก.ก. รวมทั้งยื่นคำร้องให้ตรวจสอบการรับเงินบริจาคของพรรคภูมิใจไทย จากห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีการถือหุ้นโดยไม่ชอบของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย อาจเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เข้าข่ายยุบพรรคตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (3)

จองกฐินฟ้องนิรโทษคดี ม.112

นายธีรยุทธกล่าวว่า การพิจารณายุบพรรคก.ก.ตามระเบียบ กกต.รวมแล้วไม่น่าจะเกิน 90 วัน และเห็นว่า กกต.ไม่จำเป็นต้องเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงอีก เพราะทั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนาย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ตลอดจนฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงข้อมูลครบถ้วนแล้ว โดยเฉพาะคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญยกเหตุการณ์ที่สมาชิกพรรค ก.ก.ไปปรากฏตัวทำกิจกรรมร่วมกับ กลุ่มเยาวชน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกัน และศาลยังได้รับข้อมูลที่เป็นความลับ ชั้นความมั่นคงของประเทศด้วย ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆที่เคลื่อนไหวแก้ไข มาตรา 112 รวมถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษ กรรม ส่วนที่ยื่นยุบพรรค ภท. เพื่อให้ กกต.และนายทะเบียนดำเนินการโดยไม่เลือกปฏิบัติ ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญ เคยวินิจฉัยวางบรรทัดฐานยุบพรรคอนาคตใหม่ไว้แล้ว

สส.อันดามันโวยตั๋วบินแพงเกิน

ที่รัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แถลงถึงปัญหาราคาบัตรโดยสารเครื่องบินไปจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีราคาแพงเกินจริงว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนคนใต้ และนักท่องเที่ยว และตั้งกระทู้ถามรัฐบาลแล้ว แต่บัตรโดยสารยังคงแพง ทำให้ชาวใต้ได้รับผลกระทบ นายกฯเองยอมรับว่า แพงกว่าราคาเดินทางไปต่างประเทศจริง ทั้ง จ.กระบี่ พังงา สตูล ตรัง ทำให้คนภาคใต้ไม่เดินทางกลับภูมิลำเนา ที่สำคัญเป็นอุปสรรคไม่จูงใจนักท่องเที่ยว สวนทางกับนโยบายรัฐบาล รวมถึงราคายังไม่เป็นธรรม ราคาจากกระบี่ไปเชียงใหม่ 2,000 บาท แต่จากเชียงใหม่ไปกระบี่ 6,000 บาท ดังนั้นชาวกระบี่หรือภูเก็ต ต้องขับรถไปขึ้นเครื่องที่ จ.สุราษฎร์ธานี หรือนครศรีธรรมราช เพราะถูกกว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลิกวิธีคิดและการอ้างว่า หากต้องการตั๋วราคาถูกให้จองล่วงหน้า 2-3 เดือน เพราะก่อนหน้านี้ให้สายการบินโลว์คอส มาทำกิจการในไทยมีการตัดราคาจนบริษัทรถโดยสารในประเทศและ บขส.ได้รับผลกระทบ เลยสงสัยว่ารัฐเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือไม่

ตำรวจครวญดูแล ปชช. 1 ต่อ 8 พัน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ก.พ. ในการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีการพิจารณางบฯสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วงเงิน 117,198,247,300 บาท พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ชี้แจงว่า วันนี้ยอมรับว่าทุกคนคาดหวังการทำงานของ ตร. มีโอกาสไปตรวจโรงพักแห่งหนึ่งใกล้ กทม. มีตำรวจเต็มอัตรา 200 คน แต่มีตำรวจจริง 100 คนต่อประชากร 4 แสนคน มีประชากรแฝงอีก 4 แสนคน รวมมีตำรวจ 1 คนต่อประชากร 8 พันคน ช่วง 3 ปีที่เจอสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้ผลิตตำรวจชั้นประทวน พนักงานสอบสวน ทำให้ขาดกำลังพลทดแทน การทำงานตำรวจทุกคนจงรักภักดีถวายชีวิต เรื่องขบวนเสด็จ ตำรวจมีหน้าที่อำนวยการจราจรและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบก่อน แต่จะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน และไม่มีความคิดไปหว่านคดีมาตรา 112 ทำตามพยานหลักฐาน ให้ความยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องสงสัย ทุกอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ทั้งหมด

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่