ตามคาด “ทักษิณ” พักโทษ “อิ๊งค์-เอม” รับพ่อออกจาก รพ.ตำรวจ เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าที่คนในครอบครัวรอต้อนรับอบอุ่น ท่ามกลางกองทัพสื่อไทย-เทศ ปักหลักรอทำข่าว “นายใหญ่” สีหน้านิ่งยังใส่เฝือกอ่อนที่คอ-ไหล่ขวา สองลูกสาวโพสต์ภาพพ่อนั่งรับลมริมสระ “อิ๊งค์” ยกครอบครัวนอนค้างเป็นเพื่อนคืนแรก “ภูมิธรรม” หวานจ๋อย “วันนี้ที่รอคอย” “เศรษฐา” ร่วมยินดี ลั่น “ใจถึงใจอยู่แล้ว” ย้ำอย่าดราม่ามีนายกฯคนเดียว มั่นใจการเมืองเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น “เสี่ยหนู” บอกมีโอกาสจะไปกราบนายเก่า “ท็อป” ชี้จะเป็นกุนซือสำคัญให้ลูกสาว “ชัยธวัช” ตอกย้ำข้อสงสัยสังคม “ป่วยทิพย์” ภาพนายกฯเงาจะยิ่งกดดันหนัก ก.ก.แสดงจุดยืนพักโทษไม่เท่าเทียม “สมชาย” ถาม “ทักษิณ” ป่วยอะไร? “วันชัย” ส่องดวง “จันทร์ส่องหล้า” มหาอุจการเมือง นายกฯเยือนสกลฯโชว์ไลฟ์สดขายผ้าย้อมคราม โพลชี้คนเป็นห่วงความขัดแย้งรอบใหม่

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ หลังเข้ารักษาตัวระหว่างคุมขังครบ 180 วัน เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวทั้งสอง เดินทางมารับตัวไปพักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ท่ามกลางการจับตามองของหลายฝ่าย

ตำรวจวางกำลังพรึ่บหน้า รพ.ตร.

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 17 ก.พ.ที่โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.น.6 พร้อมเจ้าหน้าที่กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน 2 จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ จัดวางกำลังบริเวณทางเข้า-ออกทุกประตู นำรั้วเหล็กมาปิดกั้นให้รถสัญจรได้เพียง 1 ช่องทาง พร้อมติดป้ายระบุว่า “ประกาศ โรงพยาบาลตำรวจเป็นพื้นที่ทางการแพทย์ ห้ามมิให้มีการชุมนุมสาธารณะตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 8” ภายหลังทราบว่ากลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นัดรวมตัวคัดค้านการพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

...

“อิ๊งค์-เอม” ตัวแทนรับพ่อกลับบ้าน

ต่อมาเวลา 05.05 น. วันที่ 18 ก.พ.มีรถตู้เบนซ์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร ขับออกมาจากบ้านจันทร์ส่องหล้า มีรถปิดท้าย 1 คัน มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “อิ๊งค์” บุตรสาวนั่งมาช่วงเบาะหลังเข้าไปใต้อาคารที่นายทักษิณพักอยู่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขบวนรถของนายทักษิณได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจ โดยนายทักษิณนั่งมาในรถตู้เบนซ์ สีดำ ทะเบียน ภษ 1414 กรุงเทพมหานคร ออกมาเป็นคันสุดท้าย ขับมุ่งหน้าไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า โดยนายทักษิณสวมแมสก์นั่งอยู่ที่เบาะด้านซ้าย มี น.ส.แพทองธารนั่งประกบด้านข้าง และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ “เอม” นั่งอยู่เบาะด้านหลังที่คอยชะโงกหน้ามาพูดคุยด้วยตลอดเวลา

สื่อไทย-เทศ-กองเชียร์ปักหลักรอ

สำหรับบรรยากาศที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงดึกคืนวันที่ 17 ก.พ.ต่อเนื่องวันที่ 18 ก.พ. สื่อมวลชนจำนวนมากมาปักหลักรอทำข่าวการเดินทางกลับบ้านของนายทักษิณ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัดต้องเข้ามาจัดระเบียบและคอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่พักอาศัยโดยรอบ หลังนายทักษิณเข้าบ้านพัก มีคนเสื้อแดง 2 คน ใส่เสื้อสกรีนข้อความ “new คนรักทักษิณ 67” มาสังเกตการณ์และให้กำลังใจอยู่บริเวณหน้าบ้าน นางประนอม พูลทวี หรือป้าอึ่ง บางเมือง กล่าวอย่างตื้นตันว่า 17 ปีที่รอคนดีแบบนี้ หาไม่ได้จริงๆ ประชาชนคนไทยได้อยู่ได้กิน เด็กไทยได้ไปเรียนเมืองนอกเพราะเงินหวย หลังจากนี้จะไปฉลองที่พรรคเพื่อไทย หลายคนบอกว่านายทักษิณไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทย ขอย้อนถามว่าใครก่อตั้งพรรค ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ก่อนจะร่ำไห้ออกมา

สีหน้านิ่งเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า

กระทั่งเวลา 06.33 น. นายทักษิณพร้อมบุตรสาวทั้งสองเดินทางมาถึงบ้านจันทร์ส่องหล้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่มีการทักทายสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ส่วนสมาชิกในครอบครัวที่เหลือรอต้อนรับอยู่ภายในบ้าน และไม่มีนักการเมืองมารอต้อนรับ เพราะมีการแจ้งล่วงหน้าว่าอยากให้เป็นเรื่องภายในครอบครัว เป็นที่น่าสังเกตว่านายทักษิณได้ใส่เฝือกอ่อนที่คอ และไหล่ขวาโดยมีผ้าสะพายคอยประคองไว้ ต่อมาเวลา 07.00 น. คนในบ้านจันทร์ส่องหล้าได้ออกมาเก็บป้าย ที่บรรดาหลานๆทำไว้ต้อนรับนายทักษิณกลับบ้าน

รถ “หญิงอ้อ” ปิดม่านเลี้ยวเข้าบ้าน

เวลา 09.49 น. มีรถตู้สีบรอนซ์เงินเลขทะเบียน 4 ขท 2566 กรุงเทพมหานคร ขับเข้าไปภายในบ้าน คาดว่าเป็นรถของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ แต่มีการปิดม่านมิดชิด ไม่สามารถเห็นได้ว่ามีใครอยู่ด้านในรถ จากนั้นเวลา 10.00 น. รถ Toyota Alphard ทะเบียน 8 กต 45 กรุงเทพมหานคร เข้าไปภายในบ้าน จากนั้นมีรถตู้สีบรอนซ์เงิน เลขทะเบียน ฮว 36 กรุงเทพมหานคร ขับออกจากบ้านไป ขณะที่สื่อมวลชนยังคงเกาะติดเก็บภาพบรรยากาศที่บริเวณหน้าบ้านอย่างใกล้ชิด มีรายงานข่าวว่าตลอดทั้งวันจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีการนิมนต์พระมาทำบุญตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้

หนุ่มเมืองเพชรขอบคุณฟ้าดิน

ต่อมาเวลา 10.40 น. มีแฟนคลับใช้นามว่า “อ้วน เพชรบุรี” ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นแครี่ บรรทุกที่นอนไว้บนหลังคารถ พร้อมป้ายข้อความชื่นชมและอวยพรนายทักษิณ มีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า “วันนี้ดีใจมากที่นายทักษิณได้กลับมา เดินทางมาจากเพชรบุรี นายทักษิณเป็นคนแรกในรอบหลายสิบปีที่ปราบยาบ้าสำเร็จ บุญคุณของท่านยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน ไม่มีใครในประเทศนี้เป็นความหวังของคนในชาติได้ อยากให้นายทักษิณสงสารเยาวชนในวันข้างหน้า เพราะยาเสพติดทำลายประเทศจนจะหมดอยู่แล้ว คิดถึงและศรัทธานายทักษิณมาก ที่คอยช่วยเหลือประชาชนโดยไม่หวังสิ่งอื่น ไม่เหมือนนักการเมืองหลายคนที่ต้องการอำนาจ อยากให้นายทักษิณกลับมาช่วยประเทศชาติ กราบขอบพระคุณฟ้าดิน ขอให้สุขภาพของนายทักษิณแข็งแรง อายุยืนหมื่นปี”

2 ลูกสาวโพสต์ภาพพ่อนั่งข้างสระ

ช่วงเย็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โพสต์ภาพนายทักษิณ ขณะนั่งอยู่ข้างสระว่ายน้ำในบ้านจันทร์ส่องหล้า พร้อมระบุข้อความว่า “หลังไม่ได้เจออากาศและแดดข้างนอกมา 180 วัน และไม่ได้กลับบ้านหลังนี้มา 17 ปี พ่อก็ออกมานั่งข้างนอก นั่งอยู่สักพักเลย”

ขณะที่ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวของนายทักษิณ ได้โพสต์สตอรีภาพดังกล่าวและระบุข้อความว่า “นักสู้ของลูก” กับอีกข้อความว่า “ตอนมองพ่อนั่งอยู่เงียบๆ มันมีหมื่นล้านคำมากๆ”

“อิ๊งค์” นอนค้างบ้านจันทร์ส่องหล้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่นายทักษิณเดินทางกลับมายังบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้อยู่กับบรรดาคนในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ขณะที่ในช่วงบ่ายคนในครอบครัวบางส่วนทยอยเดินทางกลับ แต่ครอบครัวของ น.ส.แพทองธาร ประกอบด้วยสามีและลูกๆ จะพักค้างคืนที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นเพื่อนนายทักษิณ

“ภูมิธรรม” หวานซึ้งวันนี้ที่รอคอย

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “กว่า 17 ปี ที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ต้องจากบ้าน วันนี้ได้กลับคืนสู่อิสรภาพในแผ่นดินเกิด และในอ้อมกอดของครอบครัวอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง เป็นวันที่รอคอยของทุกคนที่ยังคงรักและศรัทธาในตัว ดร.ทักษิณ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศไว้มากมาย หลายเรื่องยังคงมีผลพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นวันนี้เป็นวันแห่งความสุขสมหวังอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของ ดร.ทักษิณ และครอบครัว และของพวกเราทุกคนที่รัก เคารพ และห่วงใยท่านเสมอมา ดีใจที่พลังแห่งความรักของทุกคนที่มีต่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้มี “วันนี้” วันที่คนไทยคนหนึ่งที่รักบ้านเกิดเมืองนอนไม่ยิ่งหย่อนและแตกต่างไปจากคนอื่นได้กลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวในฐานะของพ่อของลูกๆ และคุณตา คุณปู่ ของหลานๆ รวมทั้งการทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง (Welcome Home We’re been waiting for this day for so so long)”

ม็อบ คปท.ผิดหวังวืดเป้าหมาย

อีกด้านหนึ่งที่ประตูทางเข้า รพ.ตำรวจ ฝั่งถนนพระรามที่ 1 เครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) พร้อมแนวร่วมกลุ่มกองทัพธรรม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางมาปักหลักชุมนุมแสดงพลังคัดค้านการพักโทษนายทักษิณตั้งแต่กลางดึกของคืนวันที่ 17 ก.พ. ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันพื้นที่ให้ชุมนุมอยู่บนฟุตปาทถนนพระราม 1 ไม่ให้เข้ามาโรงพยาบาล เมื่อถึงช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 18 ก.พ. ทางกลุ่มได้มีการติดตามมอนิเตอร์เหตุการณ์ใน รพ.ตำรวจ ผ่านสื่อที่ปักหลักรายงานสดอยู่ ทันทีที่ทราบว่ามีรถของญาติเตรียมมารับตัวนายทักษิณก็ตื่นตัวเตรียมแสดงสัญลักษณ์หากรถนายทักษิณผ่านออกมา แต่สุดท้ายเมื่อทราบว่าขบวนรถออกไปทางถนนอังรีดูนังต์ แกนนำจึงแจ้งให้มวลชนรับทราบ บางคนมีท่าทีผิดหวัง พากันเก็บข้าวของกลับไปชุมนุมต่อที่สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล

ปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบต่อ

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. กล่าวว่า ที่มารอนายทักษิณเพื่อต้องการสื่อสารให้สังคมทราบว่ายังมีคนที่ไม่เห็นด้วย และคัดค้านการพักโทษนายทักษิณ ภาพที่ปรากฏวันนี้คือการที่นายทักษิณสามารถเดินทางกลับด้วยรถส่วนตัวโดยมีญาติมารับสะท้อนว่าที่ผ่านมาไม่ได้ป่วยหนักจริง มีสุขภาพแข็งแรงดี คปท.พูดถูกมาตลอด สิ่งที่นายทักษิณสื่อสารออกมาว่าป่วยหนักเป็นการโกหกสังคม หลังจากนี้ คปท.ยังคงปักหลักชุมนุมที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐต่อ ยังไม่มีกำหนดเลิก เพราะยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม ทั้งกรณีนายทักษิณเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ต้องไปเร่งรัดให้อัยการดำเนินการส่งฟ้องและคดีที่เคยไปร้องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการกับข้าราชการที่สนับสนุนให้นายทักษิณไม่ต้องเข้าเรือนจำ แต่ยังยกระดับไปถึงการขับไล่รัฐบาล เชื่อว่าจากนี้สถานการณ์การเมืองจะวนกลับมาเป็นระบอบทักษิณอีกครั้ง นายทักษิณจะมามีอิทธิพลเหนือนายเศรษฐาที่ต้องเป็นนายกฯขาลอย จะมีการอ้างว่านายทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งในรัฐบาล กลายเป็นผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ

สื่อนอกตีข่าวพักโทษ “นายใหญ่”

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศเกือบทุกสำนักพากันรายงานข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 74 ปี ถูกปล่อยตัวจากโรงพยาบาลตำรวจ หลังได้รับการพักโทษ โดยระบุว่า นายทักษิณเป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้นำที่ทำให้เกิดความแตกแยกในเมืองไทย เป็นที่เกลียดชังของขั้วอนุรักษนิยม แต่เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายประชานิยม นายทักษิณลี้ภัยไปอยู่ต่างแดนนานถึง 15 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุก ซึ่งนายทักษิณอ้างมาตลอดว่าเป็นความพยายามของฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการสกัดอำนาจและอิทธิพล และแม้ว่านายทักษิณจะยืนยันว่าได้วางมือจากการเมืองแล้ว แต่เจ้าตัวยังถือเป็นจุดศูนย์กลางของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ที่ดำเนินมาเป็นเวลานานในสังคมชนชั้นสูงของประเทศไทย

“เศรษฐา” ร่วมยินดีลั่น “ใจถึงใจ”

ที่ จ.สกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีกำหนดการเข้าพบนายทักษิณเพื่อขอคำปรึกษาบริหารบ้านเมือง แต่ยินดีกับท่านด้วย ในฐานะพ่อจะได้เจอลูกที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่กันอย่างครอบครัวมานาน นายทักษิณกลับมาเข้ากระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อย ที่ได้ออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย กรมราชทัณฑ์เชื่อว่าช่วงเวลานี้นายทักษิณคงไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองขนาดนั้น คงอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและรักษาตัวเองต่อไปให้ดี หลังจากนั้นค่อยว่ากัน เมื่อถามว่าได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือยัง นายเศรษฐาตอบว่า ยังเลย ไม่มีเวลา แต่ใจถึงใจอยู่แล้ว “ท่านก็รู้ว่าผมส่งความปรารถนาดีและก็ยินดี เป็นเวลาส่วนตัวของท่านกับครอบครัว เราสนิทกันอยู่แล้วเรื่องพวกนี้ไม่ต้องโทร. เชื่อว่าท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปี คงใช้เวลาอันนี้ให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด”

ย้ำจุดหมายบ้านเมืองเดินหน้า

นายเศรษฐากล่าวว่า ทุกคนเป็นประจักษ์อยู่แล้วว่าอดีตนายกฯทักษิณได้รับการนิยมชมชอบสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ยังมีอดีตนายกฯอีกหลายคนที่มีความชำนาญหลายๆเรื่อง หลังได้รับการแต่งตั้งก็เข้าไปเรียนพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีและอดีตนายกฯ เพื่อขอคำแนะนำ เวลาเจอกันตามงานก็มีพูดขอคำแนะนำอยู่ รัฐบาลนี้ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว รองนายกฯคนอื่นก็มีสิทธิไปขอคำแนะนำ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ เมื่อถามว่ามีผู้เห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าศูนย์บริหารงานจะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาลไปบ้านจันทร์ส่องหล้า นายเศรษฐาตอบว่า เรื่องเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทย เราต้องพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม ยึดมั่นในหลักการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็อยู่ตรงนี้ เราอยู่คนละพรรคและเคยอยู่พรรคเดียวกันมา คงมีเห็นต่างกันบ้าง แต่โดยรวมเห็นตรงกันว่าบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้

อย่าดราม่ายันมีนายกฯคนเดียว

นายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าถ้าอดีตนายกฯทักษิณพร้อมและอยากให้คำแนะนำ เชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากรับคำแนะนำจากท่าน และท่านเองก็รู้ว่ามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ประสบการณ์ที่ได้สะสมมาระหว่างอยู่เมืองนอก ต้องเน้นย้ำว่าท่านเข้ามาสู่กระบวนการกฎหมายที่ถูกต้อง ตรงนี้อย่ามาดราม่ากันดีกว่าว่ามีนายกฯกี่คน อะไร อย่างไร รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุแล้วว่ามีนายกฯอยู่คนเดียว มีคนเดียวคือตนนี่แหละ เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้คำปรึกษาอะไรบ้าง นายเศรษฐาตอบว่า ท่านบอกว่าสิ่งที่ทำดีอยู่แล้ว ต้องมีความอดทนต่อไป ที่ท่านเตือนแรงแต่เต็มไปด้วยความหวังดีว่ามันไม่เหมือนกัน เรื่องธุรกิจกับเรื่องบริหารราชการ ธุรกิจมันก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ว่าราชการต้องพึ่งหลายหน่วยงาน นายอนุทินก็เคยเตือนต้องใจเย็นๆ ไม่ใช่ทุกเรื่องจะทำได้เองหมด ตามไปทุกที่ ให้คำแนะนำตลอด เมื่อเช้าทานอาหารยังให้คำแนะนำ ให้ 10 เรื่องตนฟัง 6-7 เรื่อง ไม่ฟัง 4 เรื่อง ท่านก็เข้าใจ เพราะตนมีขีดจำกัดเหมือนกัน คนเราต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่ได้เคลมว่าตัวเองรู้หมด หรือว่าดีหมดทุกอย่าง

ชี้การเมืองเปลี่ยนไปในทางที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า เข้ามาเป็นนายกฯ 5-6 เดือนรู้สึกเหนื่อยหนักหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงไม่จริง แต่เราเสนอตัวมารับใช้พี่น้องประชาชน ทราบว่าปัญหามันเยอะอยู่แล้ว เมื่อถามว่าการพักโทษของนายทักษิณจะทำให้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป นายเศรษฐาตอบว่า คอยดูต่อไป การเมืองเปลี่ยนไปทุกวัน เปลี่ยนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถ้าการพักโทษทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้น อยู่บนความชอบธรรมของกฎหมาย เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนไทยกว่า 60 ล้านคนคงยินดี เมื่อถามว่ายังมีอดีตนายกฯอีกคนยังอยู่ต่างประเทศ หากจะกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมายมองอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่า เป็นสิทธิของท่าน ไม่มีความเห็นอะไรทั้งสิ้น ถ้ากลับเข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมายทุกอย่างถูกต้องก็เป็นเรื่องน่ายินดีไม่มีอะไร ส่วนกลุ่มที่ออกมาต่อต้านนายทักษิณ อย่างที่บอก เราอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และวันนี้บ้านเมืองสงบสุขแล้ว ตั้งแต่ปลายสมัยรัฐบาลที่แล้วจนถึงรัฐบาลนี้ เรื่องแสดงจุดยืนขอให้ตั้งอยู่บนกรอบกฎหมาย อย่าให้เกินขอบเขต

“อ้วน” เย้ย ก.ก.ทฤษฎีสองผู้นำ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เตือนให้ระวังสภาวการณ์มีนายกฯ 2 คน หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษจนอาจเกิดปัญหาการบริหารงานของรัฐบาลว่า ความคิดแบบนี้อาจถูกมองว่าสร้างสรรค์มองการณ์ไกล แต่ควรนำไปใช้คิดสร้างประโยชน์ให้ประเทศมากกว่า อย่าจินตนาการเกินไป พูดแบบนี้ไม่เคารพความเป็นมนุษย์ของคนอื่น โดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มนุษย์ทุกคนมีความเป็นตัวเอง ไม่ใช่มองทุกคนเป็นหุ่นเชิด การจะคิดแบบนี้ได้ต้องคิดมาจากประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอ หรือประสบการณ์ตรง ไม่มีใครยอมให้ใครมาเชิดใครง่ายๆหรอกในสังคม ถามตัวเองว่ายอมไหม ถ้าไม่ยอมคนอื่นก็คงไม่ยอมเหมือนกัน รัฐบาลชุดนี้คณะรัฐมนตรีทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง และพร้อมจะรับฟังความเห็นคนอื่น

มั่นใจไม่ทำให้การเมืองเปลี่ยนทิศ

เมื่อถามว่าสถานการณ์ทางการเมืองหลังนายทักษิณได้รับการพักโทษจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ขึ้นอยู่กับสมมติฐาน ถ้าคิดว่านายทักษิณมีศักยภาพมีความสามารถเข้าไปครอบงำหรือแทรกแซงได้ คงคิดไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีนายกฯ 2 คน แต่นายทักษิณเคยประกาศชัดเจนแล้วว่าจะกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับครอบครัว เมื่อกลับมาก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา จึงต้องตั้งคำถามกลับไปว่า ทำไมบางคนถึงคิดว่าคนอื่นจะต้องคิดไม่ดีตลอดกาล ส่วนตัวไม่คิดว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงเพราะเรื่องนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นต้องมีเงื่อนไข เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าทำให้ดีขึ้นไม่ได้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าทุกภาคส่วนและประชาชนร่วมมือกัน การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ก็จะเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้สถานการณ์ในภาพรวมจะดีขึ้น

นำประสบการณ์มาทำคุณให้ชาติ

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับอดีตนายกฯทักษิณและครอบครัว นายทักษิณมีความทุกข์มานาน และมีสิทธิที่จะได้พบกับความสุขอยู่กับครอบครัว ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและคนที่รักท่านจำนวนมาก รู้สึกดีใจและเชื่อว่าท่านคงมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัว การพักโทษเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบการพักโทษนี้ใช้กับทุกคนเสมอเหมือนกัน ไม่ได้ดูที่นามสกุล ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่ามีการเลือกปฏิบัติจึงไม่เป็นความจริง การเมืองหลังจากนี้จะไม่รุนแรง แต่จะเข้าสู่บรรยากาศแห่งความปรองดองและสมานฉันท์ การเมืองในสภาคงไม่ใช้พวกมากลากไป และการเมืองนอกสภาหากมีต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย พรรค การเมืองคงต่อสู้กันในเชิงนโยบาย และทำงานอย่างสร้างสรรค์ เชื่อว่านายทักษิณเป็นนายกฯที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง และบทบาทของไทยที่โดดเด่นมากในเวทีโลก สร้างมาตรฐานการเป็นผู้นำที่สูงมาก เชื่อว่าประสบการณ์การเป็นนายกฯและการพบผู้นำต่างๆในช่วง 17 ปีที่อยู่ในต่างประเทศ ท่านคงนำความรู้และประสบการณ์มาก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติในทางที่ชอบและในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป

“ทวี” ยืนยัน ยธ.ไม่สองมาตรฐาน

ที่จังหวัดอุดรธานี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการได้พักโทษและเดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ไปพักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า กระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์หมดหน้าที่แล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และสำนักงานอัยการสูงสุด ส่วนเรื่องการเข้าพักในบ้านจันทร์ส่องหล้าตลอดระยะเวลา 6 เดือน เป็นไปตามเงื่อนไขของการพักโทษ เป็นเงื่อนไขปกติ และไม่ได้ติดตามข่าวการออกจากโรงพยาบาลตำรวจของนายทักษิณเมื่อช่วงเช้า เพราะมาภารกิจเรื่องยาเสพติดที่ จ.อุดรธานี ส่วนที่ยังมีกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ว่ากระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ใช้สองมาตรฐานกับนายทักษิณและนักโทษคนอื่นนั้น ขอย้ำว่าเราใช้มาตรฐานเดียวกัน เพราะคนอื่นก็ไปรักษาตัวแต่ไม่เยอะ

“หนู” มีโอกาสจะไปกราบนายเก่า

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เชื่อว่าครอบครัวนายทักษิณคงมีความดีใจและมีความสุข สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะปกติ รัฐบาลมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ บริหารอยู่แล้ว พวกเราก็ช่วยกันทำงานเมื่อถามว่ามองกันว่าศูนย์รวมอำนาจจะย้ายจากทำเนียบรัฐบาลไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายอนุทินตอบว่า พูดอะไรก็พูดได้หมดแหละ ตนก็โดนว่าศูนย์รวมอำนาจอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วมันจริงหรือไม่ ทุกคนช่วยกันทำงาน เมื่อถามว่าจะมีโอกาสไปพบนายทักษิณเพื่ออวยพรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า มีช่วงเวลาที่นายทักษิณต้องพักฟื้น ถ้าหายดีแล้วคงจะไปกราบในฐานะเคยเป็นผู้บังคับบัญชาเก่า

“ท็อป” ยินดีครอบครัวพร้อมหน้า

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ในฐานะลูกคนหนึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร ที่วันนี้ผู้นำครอบครัวได้กลับบ้าน โดยเฉพาะหลานๆที่จะได้อยู่กับคุณปู่ คุณตา ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตรอีกครั้ง คิดว่าจากวันนี้ไป ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 คงกลับมาคึกคักอีกครั้ง คงมีผู้คนเข้าออกซอยนั้นเยอะขึ้นมาก ทำให้เศรษฐกิจในละแวกนั้นกระเตื้องขึ้น “คิดว่าอุ๊งอิ๊งค์คงได้มากกว่ากำลังใจ เพราะเมื่อได้กลับมาอยู่บ้านด้วยกันแล้ว เวลามีปัญหาสามารถปรึกษากับคุณพ่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องใช้ทางโทรศัพท์ หรือขอเวลาเข้าไปเยี่ยม การได้อยู่ใกล้ชิดกัน สามารถปรึกษากันได้ตลอด ยิ่งทำให้ได้ทั้งพลังใจ กำลังใจ ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ คงมีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไข เมื่อคุณพ่อออกมาแล้วก็เชื่อว่าจะได้เป็นกุนซือสำคัญอีกคนหนึ่ง และคงจะหาเวลาและขอนัดเข้าไปเพื่อเยี่ยม ไปสวัสดี และถามไถ่อาการป่วยตามประสาอาหลาน”

“ชัยธวัช” ชี้สังคมสงสัยป่วยทิพย์

ช่วงเช้า ที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เขตบางแค นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า ใครก็ตามที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐประหารควรได้รับความยุติธรรม แต่ไม่ควรไปตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน เราอาจเรียกว่าเป็นระบบนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ คนที่ควรได้รับการอำนวยความยุติธรรมควรมีแค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือควรจะเป็นคนทุกกลุ่ม เมื่อถามว่าวันนี้กลับบ้านได้ แสดงว่า 180 วันที่ผ่านมาตั้งข้อสงสัยได้หรือไม่ว่าไม่ป่วยจริง นายชัยธวัชตอบว่า เป็นประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยแน่นอน ที่ผ่านมานายทักษิณอ้างว่ามีเหตุเรื่องสุขภาพ ต้องอยู่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ เรื่องนี้ทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ เมื่อเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที ตอกย้ำการเลือกปฏิบัติ ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันมันไม่ควรเกิดขึ้น สังคมคาดหวังว่าเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่จะทำให้สังคมเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยมากขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอกย้ำปัญหาเดิมๆ ให้หนักหน่วงมากขึ้น ไปเพิ่มความไม่พอใจ ความคับข้องใจแทนที่จะคลี่คลายความขัดแย้ง

ภาพนายกฯเงากดดัน “เศรษฐา”

นายชัยธวัชกล่าวถึงกรณีแกนนำในพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมเข้าไปกราบนายทักษิณว่า คนที่เคารพนับถือรู้จักชอบพอนายทักษิณมีสิทธิไปเข้าพบไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร การพักโทษต้องระมัดระวัง ต้องอยู่ในกรอบที่สังคมรับได้ ส่วนจะกระทบกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องดูในอนาคต เคยเตือนว่าถ้าบริหารจัดการไม่ดี แล้วเกิดสภาวะเสมือนนายกฯมากกว่าหนึ่งคน เพราะมีหลายคนบอกว่าอาจมากกว่าสองคนจะไม่เป็นผลดี เพิ่มความกดดันให้กับนายเศรษฐาได้ เมื่อถามย้ำว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ระบุว่าการคิดว่านายกฯ 2 คน เป็นการคิดมากเกินไป นายชัยธวัชตอบว่า หากไม่เกิดขึ้นก็ดีเป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมคิดไปได้

ยังไม่จำเป็นต้องตั้งคณะ กก.สอบ

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ส่วนการออกมาของนายทักษิณจะทำให้คะแนนนิยมพรรค ก.ก.ลดลงหรือไม่นั้น เป็นคนละเรื่องกัน ความนิยมของพรรคก.ก.ขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรค ทำงานอย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ หลายส่วนคงอยากทราบความโปร่งใสในการพิจารณาเกี่ยวกับกฎระเบียบ กฎเกณฑ์เรื่องสิทธิการรักษาตัวจนถึงการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ ต้องสร้างความกระจ่างให้ดี เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนายทักษิณเลยหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า คงเร็วไปที่จะตั้งคณะกรรมการ ยังมีอีกหลายกลไกตรวจสอบได้ในสภาฯ อาจไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการ

ก.ก.โชว์จุดยืนพักโทษไม่เท่าเทียม

ต่อมาเวลา 10.00 น. เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความแสดงจุดยืน กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษว่า แม้รัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์ และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนายทักษิณตลอด 180 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาล ที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณ ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้าน กลับเพิ่มคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบันสอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่ คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญ ทั้งเรื่องสุขภาพของนายทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้นายทักษิณได้รับการพักโทษไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้

อย่าตอกย้ำยุติธรรม 2 มาตรฐาน

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐ และกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐาน หรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่นายทักษิณ ในฐานะผู้ที่ ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง หรือการกลั่นแกล้งกัน ทางการเมือง แนวทางดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำ ระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ในทางกฎหมาย แต่ต้องยึดแนวทางอำนวยความยุติธรรมให้ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน

“สมชาย” ถาม “ทักษิณ” ป่วยอะไร?

นายสมชาย แสวงการ สว. ทวีตภาพหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษ โดยมีภาพใส่เฝือก นั่งรถตู้ส่วนตัวกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า พร้อมมีการตั้งคำถามว่า “ทักษิณ ป่วยหนัก? พักโทษ? โรคอะไร? #RIPยุติธรรมไทย”

“วันชัย” ส่องดวง “จันทร์ส่องหล้า”

นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เมื่อจันทร์ส่องหล้า ระยะนี้ดาวจันทร์กับดวงเมืองและ ผู้มีอำนาจทางการเมืองมีความสัมพันธ์และสำคัญมาก ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.2567 ดาวจันทร์ย้ายจากราศีเมษเข้าสู่ราศีพฤษภในตำแหน่งมหาอุจจ์ หมายถึงมหาเสน่ห์ ที่จะเกิดกับปวงชน อำนาจวาสนาบารมีจะแน่นปึ้ก! พลังความยิ่งใหญ่จากจันทร์ดับที่อับแสง จะกลายเป็น จันทร์ส่องหล้าที่สว่างไสว รัฐบาลและผู้มีอำนาจจะสร้างผลงานให้ปรากฏ ดับข้อขัดแย้งความติดขัดให้กระจ่างแจ้ง ทั้งในสภาและนอกสภาจะปลอดโปร่งโล่งไสว คุณทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจตัวจริงออกมาแล้ว ระยะเวลาความเป็นรัฐบาลกับที่อยู่ในเรือนจำเท่ากัน เห็นปัญหาต่างๆมากมาย แต่คงมีข้อจำกัดทำให้ขยับอำนาจไม่เต็มที่ วันนี้เมื่อจันทร์ส่องหล้าแล้ว คงทำให้การบริหารจัดการทางการเมือง การทำงานของคุณเศรษฐาและ ครม.มีพลังเป็นเอกภาพ ขับเคลื่อนผลงานเป็นที่ประจักษ์นิยมชมชอบของประชาชน เพราะคุณทักษิณคือศูนย์รวมอำนาจตัวจริง”

ฤกษ์จันทร์เสน่ห์-จันทร์มหาอุจ

นายวันชัยระบุอีกว่า ส่วนคุณเศรษฐาแม้จะแสดงบทบาทมา 6 เดือน ใครก็รู้ไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริง พลังขับเคลื่อนยังไม่เต็มสูบ วันนี้ถ้าปล่อยให้เหมือน 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อไทยและรัฐบาลจะหมดมนต์ขลัง หมดพลังแห่งความนิยม แต่วันนี้ดาวจันทร์เป็นมหาอุจ ทั้งมหาอุจตัวจริงก็ออกมาแล้ว ทั้งเสน่ห์ ความนิยม บริวารจะมาดำรงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่ในอดีตอีกครั้ง ที่ออกจากเรือนจำช่วงเช้าวันที่ 18 ก.พ. เป็นฤกษ์แห่ง จันทร์เสน่ห์ จันทร์มหาอุจ มุ่งสู่จันทร์ส่องหล้าทาง การเมือง อาจปรับ ครม. ปรับเปลี่ยนกระทรวง หรือวิธีทำงาน ทำให้เศรษฐกิจสังคมกลับมาเข้มแข็งด้วยจันทร์มหาอุจนี่แหละ

นายกฯชมวิวเทือกเขาภูพานรำลึกอดีต

ที่วัดถ้ำผาแด่น ต.ดงมะไฟ อ.เมืองสกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ากราบสักการะหลวงพ่ออุดมสมบูรณ์ พระประธานองค์ลอยในพระอุโบสถ กราบนมัสการพระครูปลัดอุดมวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาแด่น จากนั้นมอบหมายนางพวงเพ็ชร ถวายหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อกิจการสาธารณูปโภคและกิจกรรมอื่นๆ ในเขตปฏิรูปที่ดินให้กับพระสงฆ์ จ.สกลนคร จำนวน 10 วัด ทั้งนี้นายกฯได้เดินไปยังจุดชมวิววัดผาแด่น ชมทิวทัศน์เทือกเขาภูพานก่อนจะกล่าวว่า เทือกเขาภูพานสมัยก่อนเป็นพื้นที่การสู้รบ สงครามคอมมิวนิสต์ แต่ผ่านไปกว่า 30 ปีแล้ว สันติภาพเป็นเรื่องที่เราอยู่กับมันมา อยากฝากไว้เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องรักษาไว้ เพื่อความสามัคคี ถ้าเราไม่อยากกลับไปสู่จุดเดิมอีก

ต่อยอดโครงการพระราชดำริ

จากนั้นนายกฯและคณะเยี่ยมชมพื้นที่ต้นแบบในการแก้ไขปัญหาคุณภาพดิน การจัดการแหล่งน้ำของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่อาคารสัมมนา 1 ต.ห้วยยาง อ.เมืองสกลนคร และชมนิทรรศการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และถ่ายภาพกับกราฟฟิตี้หรือภาพขีดเขียนบนผนังเป็นที่ระลึก พร้อมเยี่ยมชมร้านจำหน่ายสินค้า โดยฝากเครือเซ็นทรัลหากเป็นไปได้ให้นำสินค้าไปต่อยอดวางขายต่างประเทศ ขอให้ช่วยกันต่อยอดโครงการพระราชดำริ ที่ผลิตโดยพี่น้องประชาชนคนไทยเพื่อเชิดหน้าชูตา ผู้ประกอบการจะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย จากนั้นนายกฯนั่งรถรางไปเป็นประธานประชุมหารือแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหา จ.สกลนคร ยืนยันรัฐบาลตั้งใจดูแลบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ และขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการก่อสร้างถนนทางหลวงหมายเลข 222 ให้เสร็จ

ร่วมไลฟ์สดขายผ้าย้อมคราม

ทั้งนี้นายเศรษฐายังเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ผ้าย้อมคราม “วิชชาลัยดอนกอย วิถีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” และจับคู่ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและกลุ่มผลิตสินค้าผ้าย้อมคราม ต.สว่าง อ.พรรณานิคม และยังร่วมไลฟ์สดขายผ้าย้อมครามกับศูนย์เรียนรู้ผ้าย้อมคราม พร้อมกล่าวเชิญชวนผู้ชมให้ร่วมอุดหนุน พร้อมโชว์เสื้อย้อมครามที่สวมใส่ในวันนี้ และยังอุดหนุนซื้อสินค้าผ้าย้อมคราม ชมสาธิตวิธีการทำการทอผ้าย้อมคราม ขอให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนช่วยต่อยอดนำผ้าของชุมชนไปขายยังต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้ชาวสกลนคร

ตรวจก่อสร้าง รพ.หลวงปู่มั่น

นายกฯยังตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์ชัยทวีลึมบองการุณย์เวช ต.บ่อแก้ว อ.บ้านม่วง ติดตามการเข้าถึงระบบสาธารณสุขและพบปะประชาชน มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ต้อนรับ และเข้านมัสการพระเทพญาณวิศิษฎ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร มีการร้องขอให้รัฐบาลเข้ามาพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์รอบหนองบ่อแก้ว อ.บ้านม่วง ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เพราะอยู่ไม่ไกลจากคำชะโนด จ.อุดรธานี เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ ก่อนจะรับฟังบรรยายสรุปการก่อสร้างโรงพยาบาล และทำพิธีเทคอนกรีตเสาอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาล และจุดสุดท้าย นายกฯเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร จับคู่ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและเกษตรกร และพบปะประชาชน ที่อ่างเก็บน้ำห้วยโทง ต.วานร นิวาส อ.วานรนิวาส มีกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกไม้พยุงนำพระสมเด็จที่ทำจากไม้พยุงมอบให้เป็นที่ระลึก

“อนุชา” พาทัวร์ “อั๋นฟาร์ม” ต้นแบบ

ที่ จ.อุดรธานี นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และตัวแทนเกษตรกรจังหวัดชัยนาทกว่า 200 คน ลงพื้นที่ศึกษาดูงานแปลงต้นแบบในการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสมด้วยการทำปศุสัตว์ “อั๋นฟาร์ม” ของนายวีระชาติ อ่อนนอ บ้านสะอาดนามูล เกษตรกรต้นแบบ นายอนุชากล่าวว่า นายวีระชาติลาออกจากโรงงานอุตสาหกรรม กลับมาประกอบอาชีพทำเกษตร และเลี้ยงวัว จากเดิมมีพื้นที่ 15 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่เพิ่มเป็น 93 ไร่จากการเลี้ยงวัว โดยเข้าร่วมโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน ของสถานีพัฒนาที่ดินอุดรธานี กรมพัฒนาที่ดินขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตร เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ และได้ทำการปรับเปลี่ยนพื้นที่ แบ่งเป็นปลูกข้าว 5 ไร่ ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ 60 ไร่ โรงเรือนเลี้ยงวัวและโรงเก็บหญ้าแห้งฟางแห้ง 1 ไร่ มีพื้นที่เลี้ยงวัว 12 ไร่ แหล่งน้ำ 5 ไร่ พืชผักสวนครัว 2 ไร่ ที่อยู่อาศัย 1 ไร่ และพื้นที่อื่นๆอีก 7 ไร่ หลังปรับเปลี่ยนกิจกรรมได้เลี้ยงวัวเพิ่มขึ้นกว่า 50 ตัว เน้นเลี้ยงวัวตัวเมียไว้เป็นแม่พันธุ์ สำหรับวัวตัวผู้พออายุครบ 18 เดือนจะขายสร้างรายได้ อีกทั้งยังมีรายได้จากการขายหญ้าและมูลวัว ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นเกษตรกรต้นแบบ เห็นตัวอย่างแล้วหากเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ ก็สามารถประสบ ความสำเร็จได้เหมือนนายวีระชาติ นับเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ อยากให้เกษตรกรมาศึกษาเรียนรู้ และนำไปพัฒนาในพื้นที่ต่อไป รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่เกษตรกร

คนเป็นห่วงความขัดแย้งรอบใหม่

วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ความขัดแย้งทางการเมือง” จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. พบว่าประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 38.93 ห่วงว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลง ร้อยละ 20.08 ความแตกแยกในสังคม รองลงมาคือการใช้ความรุนแรงในสังคม ความไม่มีเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเชื่อมากว่าความขัดแย้งทางการเมืองส่วนใหญ่มีนักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง เมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ ร้อยละ 29.85 ระบุว่าค่อนข้างกังวล ร้อยละ 27.02 ไม่กังวลเลย ร้อยละ 22.75 กังวลมาก ร้อยละ 19.62 ไม่ค่อยกังวล

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่