พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ประธาน กก.คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี พบ สมาคมแม่บ้านมหาดไทย 14 จังหวัดภาคใต้ แนะ แนวทาง "สร้างสุขอนามัยให้เด็กและแม่" ด้าน นายกสมาคมแม่บ้าน มท. รับลูก เร่งส่งเสริมให้คนมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ 

วันที่ 16 ก.พ. 67 เวลา 09.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ร่วมมอบแนวทางการดำเนินงานของสมาคมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร ครั้งที่ 3 พื้นที่ภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (Carbon Neutral Event) ภายใต้โครงการอบรมเพิ่มประสิทธิภาพผู้นำในการเสริมสร้างบทบาทของหมู่บ้านสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2567 ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางบุษดี สุวรรณรัตน์ ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย คณะอุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะที่ปรึกษานายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานองค์กรสตรี ผู้นำกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ประธานแม่บ้านมหาดไทยและภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง พังงา ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 300 คน ร่วมรับฟัง ซึ่งได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิง พักตร์พิไล ทวีสิน ประธานกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี ร่วมบรรยายในหัวข้อ “ส่งเสริมสร้างสุขอนามัยให้แก่แม่และเด็ก เติบโตอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสุขลักษณะ”

...

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เราชาวมหาดไทยและสมาชิกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้มีโอกาสรับฟังสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิตจากแพทย์หญิง พักตร์พิไล ทวีสิน ประธานกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี ซึ่งกรุณาให้เกียรติมาเป็นผู้ให้ความรู้ในการประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อแนะนำแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และท่านนายอำเภอ ได้นำไปส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้คนทุกวัย แม่ และเด็ก กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว และกลุ่มผู้สูงวัย ได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีความสุข ซึ่งการมีสุขภาพกายและใจที่ดีนั้น จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความรัก ความสามัคคีในพื้นที่ ทำให้คนมีความสุข และทำให้กิจกรรมต่างๆ สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นเรื่องสำคัญพื้นฐานที่พวกเราชาวมหาดไทยจะต้องส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และสุขภาพจิตใจที่แจ่มใส ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ให้มีชีวิตที่มั่นคงและมีอายุยืนยาว ตามแนวทางการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน

"ขอให้พวกเราทุกคนไปช่วยกันทำสิ่งที่ดีให้เกิดแก่เด็กเยาวชนและลูกหลานของเรา โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ภายใต้โรงเรียนหรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ด้วยการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสรับประทานไข่ไก่ อย่างน้อยวันละ 2 ฟอง เพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน เหมาะสมกับการเจริญเติบโต ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย ศีลธรรม และหน้าที่พลเมือง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดีทั้งร่างกายและจิตใจ รู้จักหลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนา ซึ่งปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินโครงการฝึกอบรมผู้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทั้งหมด 18 รุ่น เพื่อจะได้ไปบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทยและสิ่งที่ดีให้กับประชาชนคนทั่วไปได้สำนึกรักบ้านเกิด รู้จักความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อชาติ และได้ตระหนักถึงความเป็นชาติและทำสิ่งที่ดีเพื่อสังคม ให้สังคมมีคนดีมีจิตอาสาทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ดังที่กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามบันทึกความร่วมมือร่วมกับฝ่ายสาธารสงเคราะห์และฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม เพื่อทำให้เกิดสังคมที่ดี และขยายผลให้เกิดสิ่งที่ดีกับพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งในวันนี้พวกเราทุกคนจะได้มีโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตได้มาร่วมรับสิ่งที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับพื้นที่จังหวัดและอำเภอของพวกเรา ไปทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ทำให้คนในพื้นที่ของเราได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน ประธานกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า การส่งเสริมการสร้างสุขอนามัยให้แก่แม่และเด็ก เริ่มต้นที่การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะเราควรจะต้องกินอาหารที่ดีต่อร่างกาย นั่นคือผักสดและผลไม้ที่ไม่หวาน ครบ 7 สี และควรรับประทานมากกว่า 60% ในแต่ละมื้อ ซึ่งผักและผลไม้จะช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ อีกทั้งยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ดังนั้น เด็กเล็กหลังจากที่หย่านมแม่แล้วควรได้รับประทานผักสีเขียว เพื่อจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินแร่ธาตุสารอาหารที่ครบถ้วน ซึ่งพืชผักผลไม้เหล่านี้จะช่วยทำให้ร่างกายเป็นด่าง ช่วยรักษาสมดุลร่างกาย ในส่วนอาหารที่ทำให้ร่างกายเป็นกรดควรหลีกเลี่ยง อาทิ ของทอดที่มีไขมัน สารเคมี ผลิตภัณฑ์นมจากสัตว์ น้ำหวาน เหล้า ยา กาแฟ อาหารแปรรูป ในส่วนของผลิตภัณฑ์นมจากสัตว์ มีส่วนผสมของน้ำตาลแลกโตส ที่ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยอาหารได้ หากเราดื่มนมจากสัตว์มากเกินไป เชื้อราที่ทำหน้าที่ย่อยสลายสิ่งที่ร่างกายย่อยไม่ได้จะเกิดขึ้น ทำให้เกิดภาวะการเจริญเติบโตของเชื้อราในร่างกายมากเกินไป เป็นสาเหตุทำให้เกิดภูมิแพ้ในร่างกาย ซึ่งมีงานวิจัยต่างชาติพิสูจน์ว่านมจากสัตว์ทำให้ร่างกายเป็นกรดส่งผลทำให้เกิดกระดูกบาง มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกสะโพกหัก นอกจากนี้ยังจะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ อาทิ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคเบาหวานอีกด้วย

"ไข่ คือ อาหารที่เป็นตัวเลือกในการทดแทนผลิตภัณฑ์นมจากสัตว์ได้ ซึ่งไข่อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน คอเลสเตอรอล วิตามิน และสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน และให้พลังงานต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เสริมสร้างกระดูก ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงสายตา ซึ่งการรับประทานไข่ต้ม ไข่ลวก ไข่ดาวน้ำ ที่ปราศจากกรรมวิธีการทอด จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อร่างกาย หากเราเทียบสารอาหารระหว่าง กล้วย นม และไข่ เห็นได้ชัดว่า "ไข่" มีวิตามินและแร่ธาตุสารอาหารที่สูงกว่ามาก และที่สำคัญ คือ "ไข่ไม่มีน้ำตาล" ซึ่งหากเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลจำนวนมาก จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน เพิ่มระดับไขมัน ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้และโรคหัวใจ หากจะบริโภคอาหารที่มีความหวาน น้ำตาลที่เราควรจะรับประทาน คือ ฟรุกโตสที่มาจากผลไม้ เพราะเส้นใยไฟเบอร์จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ ตรงข้ามกับพวกฟรุกโตสที่ทำจากไซรัปข้าวโพด ซึ่งมักใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวตามร้านสะดวกซื้อ รวมถึงความหวานที่มาจากน้ำตาลเทียม ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย" แพทย์หญิงพักตร์พิไลฯ กล่าวในช่วงต้น

แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน ประธานกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ "น้ำ" ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน น้ำเป็นส่วนประกอบของทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกาย ร่างกายเรามีน้ำมากกว่า 70% ซึ่งผู้หญิงต้องการน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ส่วนผู้ชายต้องการน้ำอย่างน้อยวันละ 10 แก้ว หากร่างกายขาดน้ำเพียงนิดเดียว หรือ 2% จะมีผลให้การทำงานของร่างกายผิดปกติ และหากร่างกายเราขาดน้ำอย่างต่อเนื่องจะทำให้สุขภาพทรุดโทรม เกิดโรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิ่วทางเดินปัสสาวะ มะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคอ้วน ต่อมน้ำลายทำงานผิดปกติ ซึ่งน้ำจะทำให้ร่างกายเป็นด่าง จึงแนะนำให้ทุกคนได้ดื่มน้ำแร่ เช่นเดียวกับพืชผักผลไม้ที่มีเกลือแร่ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญของร่างกายควบคู่กับอาหาร คือ การออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้มีสุขภาพดี หากเราต้องการจะออกกำลังกายให้ร่างกายคุ้นชินควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ และทำอย่างต่อเนื่อง 3 เดือน การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข นอกจากนี้ การนอนหลับเป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ การนอนหลับจะช่วยให้กระบวนการซ่อมแซมของร่างกายเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรนอนให้หลับสนิทอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ซึ่งห้องนอนควรมืดสนิท ไม่ควรเปิดโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รวมถึงห้องนอนต้องมีอุณหภูมิที่เหมาะสม

"สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการมีสุขภาพดี คือ ต้องบริหารจัดการกับความเครียด การจัดการกับอารมณ์จิตใจ เพราะ "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" การยิ้ม การหัวเราะเป็นยาอายุวัฒนะช่วยคลายเครียดได้ดีที่สุด การให้รอยยิ้มกับผู้อื่น คือ การทำบุญทำทาน เราควรลดความเครียดความกังวลในทุกวันตอนเช้า ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ลดความดันโลหิต เพิ่มสารแห่งความสุข ทำให้เราเพิ่มความสามารถในการแก้ไขปัญหา ซึ่งการบริหารจัดการกับความเครียดช่วยให้เรามีอายุยืน การนั่งสมาธิ หรือการสวดมนต์เป็นอีกหนึ่งการคลายเครียดที่ดีที่สุด เพราะการนั่งสมาธิจะได้ฝึกการหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ จะช่วยทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว เป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับสมอง ทั้งนี้ ความสุขต้องมาจากการสร้างครอบครัว สังคมที่มีความสุขร่วมกัน หากทุกคนต้องการมีสุขภาพดีต้องทำด้วยตนเอง การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คนในสังคมทุกคนก็จะมีความสุข" แพทย์หญิงพักตร์พิไลฯ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า สมาคมแม่บ้านมหาดไทย ขอขอบคุณ แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน ประธานกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี ที่ให้เกียรติมาบรรยายในหัวข้อ “ส่งเสริมสร้างสุขอนามัยให้แก่เด็กและแม่ เติบโตอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสุขลักษณะ” ในวันนี้ ซึ่งท่านได้มาให้ความรู้ ทำให้เราได้รับความรู้มากมาย ทั้งเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายให้เรามีร่างกายแข็งแรงและมีชีวิตยืนยาว ด้วยการรับประทานอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งการรับประทานไข่วันละ 2 ฟอง ทำให้พวกเราได้นำไปขับเคลื่อนขยายผลให้เกิดขึ้นในครอบครัวของคนมหาดไทย การรับประทานผัก 7 สีให้มีสารอาหารอย่างครบถ้วนในทุกวัน รวมถึงเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อน การจัดการกับอารมณ์และความเครียด เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตนเองและครอบครัว รวมถึงการน้อมนำศีล 5 มาปรับใช้ในชีวิต หากเรามีศีลธรรมที่ดีในจิตใจก็จะทำให้เรามีความสุข โดยสมาคมแม่บ้านมหาดไทยมุ่งมั่นในการสนับสนุนการขับเคลื่อนภารกิจ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ของกระทรวงมหาดไทย ให้ขยายผลไปสู่ในระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมทุกพื้นที่ ทั้งจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน