บรรยากาศงานวันเกิดครบรอบ 69 ปีของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า 1 ในพรรคร่วมรัฐบาลโดยมีตัวแทนพรรคการเมือง ภาคธุรกิจไปร่วมอวยพรคึกคัก

หรือจะพูดว่าเป็นงานสังสรรค์พรรคร่วมรัฐบาลก็ว่าได้

งานวันนี้เจ้าภาพได้แจกเหรียญ “หลวงพ่อคูณ” 91 ปี เป็นของที่ระลึกแก่บรรดาผู้มาร่วมอวยพรกันถ้วนหน้า

“ฎีจริงจริง” เป็นพระที่นายสุวัจน์มอบให้แก่แขกเหรื่อที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี หรืออย่างที่แวดวงการเมืองรู้กันดีว่าคนนี้คือนายกรัฐมนตรีตัวจริงของรัฐบาลชุดนี้ เพราะต้องรับหน้าเสื่อทุกอย่างแทนนายกรัฐมนตรี

ได้กล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลยังแข็งแรงแน่นเปรี๊ยะไม่เชื่อให้ดูคำว่า “ฎีจริงจริง” เป็นเหรียญที่นายสุวัจน์มอบให้เป็นที่ระลึก

ก็ว่ากันไป...

พูดถึงเรื่องนี้แล้วในพรรคร่วมรัฐบาล “พลังประชารัฐ” คือพรรคหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะมีบทบาทเท่าใดนักเพราะอย่างหนึ่งคือ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค ไม่ได้ร่วมเป็นรัฐมนตรีด้วยปล่อยให้ลูกพรรคว่ากันไปเอง

มันก็เลยดูหงอยเหงาชอบกล

ล่าสุด มีการประชุมพรรค “บิ๊กป้อม” ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าต่อจากนี้ไปพลังประชารัฐจะเป็นพรรคอนุรักษนิยมทันสมัย

ไม่รู้ว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร

แต่ถ้าว่ากันตรงๆก็คือ จากนี้ไปจะปรับภาพลักษณ์และบทบาทให้ทันยุคทันสมัย...ว่างั้นเถอะ มิฉะนั้นจะตกเทรนด์ทางการเมืองได้

อันไม่ต่างไปจาก “เพื่อไทย” ที่วางบทบาทเป็นพรรคนีโอคอนเซอร์เวทีฟ คืออนุรักษนิยมก้าวหน้าเพื่อแข่งกับ “ก้าวไกล” ที่เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดก้าวหน้าเพื่อการเปลี่ยนแปลง

...

ก็ดีครับ...

พรรคการเมืองนั้นหากไม่มีการพัฒนาหยุดนิ่งก็จะตามโลกไม่ทันและไม่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่าง “ประชาธิปัตย์” ที่ติดหล่มอยู่ในเวลานี้

แต่ว่าความทันสมัยที่ “บิ๊กป้อม” บอกมานั้นจะเป็นอย่างไรจะเพื่อให้เกิดความเท่ขึ้นมาเฉยๆแล้วไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดที่เป็นรูปธรรม มันก็ไม่มีประโยชน์อันใด

เพราะคำว่า “ทันสมัย” นั้น มันคือการเปลี่ยนแปลงในองคาพยพที่ว่าด้วยแนวคิดหรือทิศทางการเมืองที่พัฒนาและก้าวหน้า

แต่อะไรก็ช่างอย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่เฉยๆปล่อยให้พรรคนิ่งเหมือนแช่แข็งย่อมไม่ดีแน่ เพราะทุกอย่างต้องมีความเคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้สนับสนุนหรือมวลชนของพรรคตื่นตัวขึ้น มิฉะนั้นจะเกิดความรู้สึกว่าถูก “แช่แข็ง” ไปแล้ว

เอาเป็นว่าต้องการเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพื่อให้สร้างบทบาทให้ตัวเองหรือพรรคก็เป็นทางหนึ่ง หรือต้องการให้รัฐมนตรีของพรรคทำงานให้รู้ว่านี่คือผลของพรรค

เพราะเท่าที่เห็นอย่าง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีเกษตรฯ ก็ไม่มีผลงาน มีแต่ปัญหาในกระทรวงผลงานก็กลายเป็นของรัฐบาลไม่ชัดเจนว่าเป็นของพรรค

“พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” น้องชายที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรฯ ก็ไม่มีความโด่ดเด่นไม่ต่างกับคนหมดไฟทำนองนั้น

“ทันสมัย” แค่ปรับคนปรับงานก็คงจะดีขึ้นระดับหนึ่ง

มิฉะนั้นจะเหี่ยวกันไปทั้งพรรคไม่ว่า “ลูกพี่–ลูกน้อง”!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม