“อธิบดีกรมราชทัณฑ์” เผยอัยการ-ตร.ปอท.แจ้งอายัด ขอตัว “ทักษิณ” ไว้ดำเนินคดีค้างเก่า รอผ่านไฟเขียวพักโทษ แจงเข้าข่ายผู้สูงอายุอาจยกเว้นติดกำไลอีเอ็ม ทีมอัยการ แถลงอดีตนายกฯติดคดี ม.112 ร่วมกันหมิ่นฯหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ยันโชว์หมายจับตั้งแต่วันที่กลับเข้าไทย “ทวี” ป้องนายใหญ่ยืนกรานนอนโรงพยาบาลถือว่ารับโทษแล้ว โต้ถ้าสอบสวนเสร็จแล้วไม่ต้องอายัดตัว “นายกฯ” เรียกถกบอร์ด ดิจิทัลวอลเล็ตสัปดาห์หน้า “จุลพันธ์” ย้ำชัดลุยต่อ ไม่มีถอย หารือบอร์ดเคลียร์ 2-3 ประเด็นปิดช่องโหว่ ทุจริต อีก 2 เดือน เข้า ครม. ป.ป.ช.เห็นชอบผลศึกษา ผ่อนคลายสภาพบังคับ ตัดทอนข้อกล่าวหาหาเสียงสัญญาว่าจะให้ สว.โวยรัฐบาลออกอาการยื้อหนีซักฟอกไม่ลงมติ ขู่ยื่น ป.ป.ช.ฟัน ม.157

จากกรณีกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะได้รับการพักโทษถูกปล่อยตัวในวันที่ 22 ก.พ. ล่าสุด สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือแจ้งกรมราชทัณฑ์ ขออายัดตัวนายทักษิณมาดำเนินคดีในคดีมาตรา 112 ที่เป็นคดีค้างเก่าเรียบร้อยแล้ว

ราชทัณฑ์เผยอัยการแจ้งอายัด “ทักษิณ”

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่กรมราชทัณฑ์ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายนัสที ทองปลาด ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับ การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และพนักงานอัยการ สำนักงาน อัยการสูงสุด มีหนังสือแจ้งขออายัดตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากคดีคงค้างเดิมและได้รับการยืนยันจาก ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ นายทักษิณ เรียบร้อยแล้วตั้งแต่กลางเดือน ม.ค. ส่วนที่มีหนังสือตอบกลับจากตำรวจ บก.ปอท. ไปยังผู้ร้องเมื่อวันที่ 18 ต.ค.66 อาจเพราะตอนนั้นพนักงานอัยการยังไม่ได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) หนังสือขออายัดตัวผู้ต้องขังถือเป็นปกติ ถ้ายังมีคดีอื่นตำรวจจะแจ้งอายัดขอตัวผู้ต้องหาไปที่เรือนจำ เพื่อให้เรือนจำรู้ว่าถ้าครบวันจะปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือได้รับการพักโทษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปรับตัวผู้ต้องหานำส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการในคดีที่ขออายัดตัว หากจะมีการขอประกันตัวใดๆ เป็นไปตามกระบวนการ

...

อายัดตัวได้หลัง ยธ.ไฟเขียวพักโทษ

นายสหการณ์กล่าวต่อว่า รายชื่อผู้ต้องขังทั่วประเทศที่เข้าเกณฑ์จะได้รับการพักการลงโทษไม่ว่ากรณีปกติหรือกรณีมีเหตุพิเศษ ทราบว่า ประชุมไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายเดือน ม.ค. กรมราชทัณฑ์ได้รับจำนวนรายชื่อผู้ต้องขังหลายพันรายจากทั้งหมด 143 เรือนจำทั่วประเทศ ขณะนี้ทั้งหมดอยู่ในชั้นเตรียมเสนอคณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษ จากนั้นเสนอไปยัง รมว.ยุติธรรม แต่ละขั้นตอนค่อนข้างมีความละเอียด เพราะต้องพิจารณาคุณสมบัติของผู้ต้องขังให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่ควรได้รับ ทั้งนี้ ยังไม่สามารถให้คำยืนยันได้ว่ารายชื่อนายทักษิณ อยู่ในเกณฑ์ผ่านเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษหรือไม่ เนื่องจากยังต้องรอกระบวนการของ คณะกรรมการฯ แต่หากพูดตามหลักการนายทักษิณ ถือเป็นผู้ต้องขังสูงวัย มีอาการเจ็บป่วยและรับโทษ มาแล้ว 1 ใน 3 แต่ถึงอย่างไรคณะกรรมการฯต้อง พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ถ้ารายชื่อได้รับการรับทราบในชั้น กระทรวงยุติธรรม ต้องแจ้งไปยังตำรวจ บก.ปอท.เพื่อให้อายัดตัวผู้ต้องหาในสถานที่คุมขังได้

แจงผู้สูงอายุอาจยกเว้นติดกำไลอีเอ็ม

อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า กรณีที่วิเคราะห์กัน ว่า วันที่ 18 ก.พ. หรือวันที่ 22 ก.พ. เป็นวันที่อดีต นายกฯจะได้รับการปล่อยตัว เพราะผ่านเข้าโครงการพักโทษ ปกติแล้วเรือนจำ ทัณฑสถาน จะพิจารณาล่วงหน้าก่อนเข้าโครงการพักการลงโทษได้ถึง 3 เดือน เพราะต้องการให้ผู้ต้องขังไม่เสียประโยชน์การได้พักโทษ และพอครบเวลาคุมขังแล้ววันถัดไปสามารถปล่อยตัวเข้าสู่กระบวนการพักการลงโทษ กรมคุมประพฤติต้องรับไปดูแลต่อ ส่วนการติดกำไลอีเอ็ม ผู้ต้องขังระหว่างพักโทษ กรมคุมประพฤติจะมีข้อปฏิบัติหลายประเด็น ต้องประเมินและกำหนด เช่น ถ้าผู้ต้องขังเจ็บป่วยร้ายแรง ดูแล้วไม่อยู่ในภาวะที่จะ ไปก่อความผิดหรือเป็นผู้สูงอายุ ดูแล้วไม่สามารถไป สร้างปัญหาได้ อาจเป็นข้อยกเว้นไม่ให้ติดกำไลอีเอ็ม แต่ผู้ต้องขังไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าผู้ต้องขังจะไปออกรายการใดๆขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบอะไรหรือไม่ อยู่ที่กรมคุมประพฤติต้องไปประเมิน ผู้ต้องขังต้องขออนุญาตก่อน เพราะยังเป็นผู้ต้องขังตามคำพิพากษาศาล โดยห้วงเวลาเสร็จสิ้นการพักโทษให้นับไปจนถึงวันที่ผู้ต้องขัง จะพ้นโทษ กรณีอดีตนายกฯเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 จากนั้นได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ 1 ปี และคุมขังมาแล้ว 6 เดือน ที่เหลือจะเป็นระยะเวลาที่ต้องใช้คำนวณในการพักโทษ

อัยการแถลงอดีตนายกฯ ติดคดี ม.112

ต่อมา เวลา 12.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการ สูงสุด รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ร่วมแถลงข่าวคดีค้างเก่าของนายทักษิณที่กำลังจะได้พักโทษต้องถูกนำตัวมาฟ้องคดีอาญา ที่ยังค้างสำนวนอย่างต่อเนื่อง โดยนายประยุทธ เพชรคุณ แถลงว่า นายทักษิณเป็นผู้ต้องหาในสำนวนคดีอาญาความผิดนอกราชอาณาจักร คดีนี้เมื่อวันที่ 16 ก.พ.59 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 ปอท. มี พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม พนักงานสอบสวนกล่าวหานายทักษิณ ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใดๆ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐ เกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทยเกี่ยวพันกันอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม ป.อาญามาตรา 112 โดยคณะทำงานพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง

โชว์หมายจับแจ้งอายัดไว้ตั้งแต่เข้าไทย

นายประยุทธ กล่าวอีกว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดี ความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำลงนอก ราชอาณาจักรไทย จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการ สูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ที่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริการ อัยการสูงสุดขณะนั้นมีความเห็น เมื่อวันที่ 19 ก.ย.59 ตรวจพิจารณาสำนวนแล้ว ได้มี ความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ตามข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากขณะนั้นผู้ต้องหาหลบหนี อัยการสูงสุดแจ้งให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับ และพนักงานสอบสวนได้มีคำขอต่อศาลอาญาและออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 นายทักษิณเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและถูกควบคุมเพื่อรับโทษในคดีอาญาเรื่องอื่น พนักงานสอบสวนได้นำหมายจับไปแจ้งอายัดผู้ต้องหาไว้กับกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว

17 ม.ค. “ทักษิณ” ยื่นขอความเป็นธรรม

ต่อมา วันที่ 17 ม.ค.67 นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี เข้าแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมกับพฤติการณ์ และข้อเท็จจริงทางคดีให้นายทักษิณทราบแล้ว ปรากฏว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวน และหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาให้กับพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ประกอบสำนวนเพื่อส่งให้กับอัยการสูงสุด พิจารณา สำนวนคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด ตรวจพิจารณาและทำความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา มีความเห็นและคำสั่งทางคดีต่อไป ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งอายัดตัวนายทักษิณ ไว้กับกรมราชทัณฑ์ ตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว

ความเห็นอัยการสูงสุดออกได้ 3 หน้า

นายประยุทธกล่าวด้วยว่า อัยการสูงสุดมีอำนาจ พิจารณาได้ 3 ทางของสำนวนนี้คือ 1.ข้อเท็จจริงหากเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน สามารถสั่งให้พนักงานอัยการไปสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม 2.หากข้อเท็จจริงเพียงพอแล้วให้ยืนตามความเห็นเดิมที่ว่า “ให้สั่งฟ้อง” นายทักษิณตามข้อกล่าวหา 3.หากพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติ กรรมไม่เข้าข่ายความผิด สามารถมีความเห็นไม่สั่งฟ้องนายทักษิณได้ ทั้งนี้ต้องพิจารณาตามคำร้องหนังสือขอความเป็นธรรมที่นายทักษิณแย้งมาว่ามีข้อต่อสู้อะไรที่ สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในสำนวนได้ หากไม่มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติม ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมได้

ตั้งท่ารอรับหลังปล่อยตัว 22 ก.พ.

นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ เปิดเผยว่า ประเด็นการอายัดตัวนายทักษิณต้องรอความชัดเจนจากกรมราชทัณฑ์ยังไม่มีคำสั่งชัดเจน หากนายทักษิณได้รับการพักโทษวันที่ 22 ก.พ. ตามขั้นตอนกรมราชทัณฑ์ต้องแจ้งพนักงานสอบสวนล่วงหน้า 7 วันก่อนปล่อยตัว เพื่อให้ไปรับตัวนายทักษิณมาดำเนินคดีในคดีมาตรา 112 เมื่อพนักงานสอบสวนไปรับตัวแล้ว จะพิจารณาเรื่องให้ประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือจะไปดำเนินการขั้นตอนการฝากขังครั้งแรกของในคดีมาตรา 112 และเมื่อพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วหรือรับตัวมาแล้วจะมีหนังสือมาแจ้งยังอัยการสูงสุดว่ามีการรับตัวนายทักษิณมาแล้ว และอยู่ในขั้นตอนไหนของพนักงานสอบสวน และเมื่ออัยการได้รับขั้นตอนจากพนักงานสอบสวนมาแล้ว หน้าที่ของอัยการจากนั้นต้องมาพิจารณา เอกสารการร้องขอความเป็นธรรมและพิจารณาสำนวนคดี

ยันไม่ยืดเยื้อซ้ำรอย “บอส อยู่วิทยา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ต้องหายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เพื่อประวิงคดีอาจทำให้คดียืดเยื้อไป เหมือนกรณีนายบอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ที่ร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้ง นายประยุทธ์กล่าวว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแน่นอน สำนักอัยการสูงสุดได้ถอดบทเรียนจากกรณีของบอส อยู่วิทยา พร้อมปรับแก้ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดกรณีการร้องขอความเป็นธรรม โดยผู้ถูกกล่าวหาต้องเป็นผู้มายื่นคำร้องด้วยตัวเอง ไม่สามารถให้ ทนายความหรือบุคคลอื่นที่รับมอบอำนาจมายื่นให้โดยเด็ดขาด และหากเห็นว่าเป็นการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม กระทำไปเพื่อประวิงเวลา อัยการสูงสุดมีอำนาจยุติการร้องขอความเป็นธรรมได้เช่นกัน ขอให้สังคมเชื่อมั่นการทำงานของอัยการสูงสุดว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ปอท.ย้ำเข้าไปแจ้งข้อหาที่ รพ.ตำรวจ

เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหากระทำผิดมาตรา 112 ว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ได้ออกหมายจับไว้เมื่อช่วงเดือน ม.ค.2559 ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 หลังนายทักษิณเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และถูกควบคุมเพื่อรับโทษในคดีอาญาเรื่องอื่น พนักงานสอบสวน บก.ปอท.พร้อมอัยการได้ทำหนังสือแจ้งอายัดตัวผู้ต้องหาไว้ที่กรมราชทัณฑ์ จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวน บก.ปอท.พร้อมด้วยพนักงานอัยการได้เข้าแจ้ง ข้อกล่าวหาแก่นายทักษิณที่ รพ.ตำรวจ โดยผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ หากนายทักษิณได้รับการพักโทษ หรือพ้นโทษจากคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนจะต้องรอรับแจ้งจากพนักงานอัยการ และกรมราชทัณฑ์ เพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป

นายกฯโบ้ยให้ฟัง “ทวี” แถลงปม “ทักษิณ”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอัยการสูงสุดแถลงหากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าเกณฑ์พักโทษ ถูกอายัดตัวดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 112 ว่า เรื่องของนายทักษิณอยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ซึ่งเดี๋ยวท่านจะแถลงอีกทีหนึ่ง

“ทวี” ยืนกรานนอน รพ.ถือว่ารับโทษแล้ว

ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าว นายทักษิณจะได้รับการพักโทษวันที่ 18 ก.พ. ว่าเรื่องนี้คณะกรรมการพิจารณาพักโทษของกรมราชทัณฑ์ 19 คนพิจารณาก่อน ขณะนี้เรื่องยังไม่ถึงตน เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวเอกสารหลุดว่านายทักษิณจะได้รับการพักโทษ ได้ตรวจสอบแล้วหรือยัง พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบ ยืนยันว่าการให้สิทธิพักโทษนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่า กรณีของนายทักษิณ จะมีปัญหาหรือไม่เพราะไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียวแต่ได้รับการพักโทษ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ในทางกฎหมายถือว่าถูกควบคุมตัว คือได้รับโทษ การอยู่โรงพยาบาล เขาใช้คำว่าห้องควบคุม ถูกควบคุม

ชี้ถ้าสอบสวนเสร็จแล้วไม่ต้องอายัดตัว

เมื่อถามถึงกรณีตำรวจและอัยการขออายัดตัวนายทักษิณ ในคดีมาตรา 112 พ.ต.อ.ทวีตอบว่า คดี 112 เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนจะประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมสอบสวนด้วย การอายัดตัวเป็นเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกควบคุมตัวในคดีอื่นอยู่ถึงต้องอายัดตัวเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนสำหรับคดีใหม่ ต้องดูว่าจะส่งฟ้องหรือไม่ฟ้องหรือไม่ ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคงหมดหน้าที่เพราะเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด ที่ต้องนำคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาไปพิจารณา ถ้าสอบสวนเสร็จแล้วก็หมดอำนาจอายัดตัวซึ่งอาจมีการปล่อยตัวชั่วคราวหรือควบคุมตัว เพื่อรอกระบวนการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ และถือว่าเป็นคดีใหม่ และตอนนี้ต้องถามอัยการว่า สอบสวนแล้วหรือยัง ถ้าสอบสวนเสร็จแล้วก็ไม่ต้องอายัดตัว เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า “ไม่ทราบเลย ไม่มี”

กังขาคดี 112 ไม่เป็นธรรมกับ “ทักษิณ”

นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวว่า กรณีอัยการสูงสุดขออายัดตัวนายทักษิณ ในคดีมาตรา 112 มั่นใจว่ามีหลายประเด็นที่ท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเหตุเกิดต่างประเทศ และคลิปที่นำมาเผยแพร่เป็นเพียงบางท่อนบางตอนไม่ใช่ทั้งหมดไม่อยากกล่าวหาว่าเป็นการตัดต่อ และยังมีบางส่วนที่ขาดหายไป หลายเรื่องทราบว่ายังไม่ได้มา รวมถึงการสอบสวนผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์ท่านไม่ได้ดำเนินการ ต้องใช้ พ.ร.บ.ความร่วมมือคดีอาญาระหว่างประเทศสอบสวน ไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนหรืออัยการได้ดำเนินการขั้นตอนนี้แล้วหรือยังเพราะเป็นกฎหมายสากล ไม่ใช่ว่ามีข่าวแล้วมาสรุปความกันว่ากระทำผิด เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่านายทักษิณจะไม่ถูกอายัดหรือถูกควบคุมตัว นายพิชิตเอามือตบอกก่อนตอบว่า มั่นใจทำถูกต้องทุกอย่างล้านเปอร์เซ็นต์ และได้รับโทษ 1 ใน 3 ครบกำหนดเรียบร้อย เมื่อถามว่าจะได้ออกมาในเดือน ก.พ.นี้แน่นอนใช่หรือไม่ นายพิชิตยิ้มแต่ไม่ตอบ

“อ้วน” เมินม็อบกดดันไม่กระเทือน รบ.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีมีม็อบเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) เรียกร้องให้นำตัวนายทักษิณกลับเข้าคุกว่า รัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ขออย่างเดียวอย่าไปรุกล้ำอะไรใช้สิทธิเสรีภาพในขอบเขตที่ทำได้ เพราะสังคมประชาธิปไตยมีความเห็นที่หลากหลาย เมื่อถามว่าใกล้วันที่ 18 ก.พ. ที่จะถึงกำหนดวันพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแล้ว เกรงว่าม็อบ คปท.จะจุดติดหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ได้คิดเลยว่าจะจุดติดหรือไม่ติด อยากแสดงออกอยากจะพูดอยากจะวิจารณ์สามารถทำได้ สังคมไม่ได้มีเสียงเดียวกลุ่มเดียวหรือคนเดียวต้องไปดูทั้งหมดว่า เป็นอย่างไรที่พูดๆจากความเป็นจริงไม่ได้ท้าทาย ถ้าเป็นความเห็นของคนกลุ่มหนึ่งต้องฟังมีผลหรือไม่มีผลขึ้นอยู่กับว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ เมื่อถามอีกว่า กังวลการพักโทษนายทักษิณจะสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า อย่าไปคิดเยอะ คิดเยอะปวดหัว วันนี้สิ่งที่มีผลกระทบประชาชนคือ เรื่องเศรษฐกิจ อยากให้คุยกันเรื่องแบบนี้มากกว่า ตนยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ยังไม่รู้สึกว่า จะมีอะไรรุนแรงหรือเกิดอะไรที่วิกฤติกับรัฐบาล

คปท.บี้นายกฯสั่งนำ “ทักษิณ” เข้าคุก

ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล เวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่ม คปท.ที่ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ นำมวลชนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยตั้งแถวเคลื่อนขบวนข้ามสะพานชมัยมรุเชฐ มาที่หน้าทำเนียบฯระหว่างที่มีการประชุม ครม.ในทำเนียบฯเพื่อขอยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ติดตามทวงถามที่เคยยื่นข้อเรียกร้องไว้ว่าให้นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร กลับไปรับโทษที่เรือนจำ และตรวจสอบการใช้งบฯดูแลรักษานายทักษิณอยู่ที่ รพ.ตำรวจ มีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ออกรับเรื่อง นายพิชิตกล่าวว่า หากยังไม่ได้รับคำตอบในวันที่ 12 ก.พ.จะมายื่นหนังสือทวงถามอีก ส่วนการรวบรวม 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อให้ดำเนินการกับ ป.ป.ช.ที่ไม่ตรวจสอบคนช่วยเหลือทักษิณใกล้ครบแล้ว คาดจะแล้วเสร็จสามารถยื่นต่อประธานรัฐสภาได้ก่อนวันที่ 22 ก.พ ที่นายทักษิณน่าจะได้รับการพักโทษ

นายกฯปลื้มโดรนเกษตรไทยทำ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม นายกฯชมการสาธิตโดรนเกษตรไทยทำ TIGERDRONE รุ่น TGD2 ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ที่เพิ่ง ได้รับรางวัล Good Design Award 2023 (G Mark) จากประเทศญี่ปุ่น วิจัย พัฒนา ผลิตโดยบริษัท HiveGround ของคนไทย ปัจจุบันนำไปใช้งานด้านเกษตรแล้วหลายสิบลำ มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ร่วมรับชม โดยนายกฯกล่าวว่า เป็นบริษัทของไทยแท้ ตรงกับนโยบายรัฐบาลที่ใช้เกษตรแม่นยำ ประหยัดแรงงาน จากนี้จะไปดูว่าจะนำไปต่อยอดทำการเกษตรอย่างไรบ้าง

จ่อถก คกก.ดิจิทัลกลางสัปดาห์หน้า

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้สัมภาษณ์ถึงวันประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะเช็กวันแจ้งมา น่าจะเป็นกลางสัปดาห์หน้า เมื่อถามว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะเดินหน้าไป โดยไม่รอหนังสือจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกฯกล่าวว่า เดินหน้าคู่ขนานกันไป หวังว่า เดี๋ยวคงมีคำแนะนำมาจาก ป.ป.ช.มาในเร็ววันนี้

“จุลพันธ์” ย้ำเดินหน้าคู่ขนานรอ ป.ป.ช.

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับนายกฯเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ถึงการเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตว่า 1 เดือนที่ผ่านมาประชาชนขาดความมั่นใจในการใช้จ่าย เอกชนไม่กล้าลงทุน แม้รัฐบาลประสบความสำเร็จดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แต่กว่าจะมีผลเรื่องเม็ดเงินลงทุนต้องใช้เวลา ขณะที่ ภาคการบริโภคชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อติดลบ 4 เดือนต่อเนื่อง สาเหตุอาจอ้างว่าเป็นผลจากการลดราคาพลังงาน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ขึ้นสูง 2.5% ทำให้ดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบพอสมควร ขณะนี้สถานการณ์ประเทศไทยเหมือนปลาในบ่อ ประชาชนคือปลา พอน้ำในบ่อน้อย ปลาก็ดิ้นอยู่ไม่ได้ เพราะน้ำไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญที่เรามองคือการเติมน้ำลงไปในบ่อให้เพียงพอกับจำนวนปลาและขนาดของบ่อ ที่ต้องการเม็ดเงินใหม่คือการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลมองกลไกสร้างเม็ดเงินใหม่ โดยออก พ.ร.บ.กู้เงิน แต่เมื่อมีข้อทวงติง หากต้องรอความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เคยมีเอกสารหลุดออกมา จะโดยจงใจหรือไม่ก็ไม่ทราบ เมื่อเราเห็นแล้วต้องรับฟังและรอ แต่เมื่อรอมาถึงขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจน ได้ทราบว่าจะเอาความเห็นของอนุกรรมการ ป.ป.ช. เข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่สัปดาห์นี้ สิ่งที่ ป.ป.ช.จะส่งมาคือความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงใย ไม่สามารถจะมากำหนดทิศทางนโยบายของรัฐบาลได้ สิ่งที่จะทำคือทำคู่ขนานไปเลย

บอร์ดชุดใหญ่นัดปิดช่องโหว่ทุจริต

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ได้หารือกับนายกฯ เห็นตรงกันควรมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตภายในต้นสัปดาห์หน้า หารือมี 2-3 ประเด็น ทั้งข้อห่วงใยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เมื่อมีข้อห่วงใยจะตั้งอนุกรรมการติดตาม เพื่อให้มั่นใจกลไกไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ใช้เงินผิดประเภท ไม่นำไปแลกซื้อหรือส่วนลดอะไรต่างๆตามที่เป็นห่วงกัน ส่วนข้อห่วงใยในสถานการณ์เศรษฐกิจถึงรูปแบบการกระตุ้นจะเกิดผลมากน้อยเพียงใด โมเดลเศรษฐศาสตร์ปัจจุบันไม่มีโมเดลไหนที่ชี้ชัดได้ ถึงขั้นที่ว่ารูปแบบโครงการที่เรามี สุดท้ายมีผลกระตุ้นทางเศรษฐกิจได้ในระดับใดก็แค่การคาดเดา

เล็งตั้งอนุ กก.ฟังความเห็นให้ประจักษ์

รมช.คลังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เราอยากให้ชัดเจนขึ้นคือความต้องการของประชาชน เอกชน และความคิดเห็นของส่วนงานอื่นๆ เราจะตั้งอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆให้เป็นที่ประจักษ์ แม้ที่ผ่านมาได้รับฟังเสียงจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะธนาคารที่เป็นประโยชน์ในการเดินหน้าโครงการนี้และอยากเข้ามามีส่วนร่วม เราต้องการจะสร้างแอปพลิเคชันมารองรับ มีระบบแลกเปลี่ยนกลางของภาครัฐที่เชื่อมต่อกับภาคเอกชน ทั้งธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินของรัฐ จะมอบหมายให้ไปหารือกับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อกับดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อให้ใช้งานได้ครอบคลุม เป็นประโยชน์กับประชาชน จะเชื่อมโยงการชำระเงินของประเทศให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เป็นแนวทางที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลชุดใหญ่สัปดาห์หน้า

พ.ร.ก.เงินกู้ยังเป็น 1 ทางเลือก

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ส่วนความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาต้องให้คำตอบถึงข้อห่วงใยดังกล่าว รวมถึงข้อเสนอแนะที่ยังมาไม่ถึงของ ป.ป.ช. ทำงานคู่ขนาน แต่ถ้าความเห็นออกมาเมื่อไหร่อาจจำเป็นต้องประชุม เพื่อตอบคำถามและข้อห่วงใย เมื่อถามว่าจะขยับไทม์ไลน์หรือไม่ นายจุลพันธ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า ขยับไปแล้วจากเดิม พ.ค.นี้ แต่ถามว่าจะมีไทม์ไลน์ใหม่ให้หรือยัง สถานการณ์เศรษฐกิจที่หนักหน่วงขณะนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่รัฐบาลต้องเร่งทำ แม้มีอุปสรรคข้อติดขัดใด เราเดินหน้า ให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่ออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงิน นายจุลพันธ์ตอบว่า พ.ร.ก.เป็นหนึ่งในเครื่องมือของรัฐบาลตลอดเวลา เรามีกลไกเดินหน้ามากกว่า 1 ตัวเลือกอยู่ตลอดเวลา ถามว่า พ.ร.ก. เราจะใช้หรือไม่ ยังไม่ได้คิดและยังไม่ได้หารือ แต่หากสถานการณ์ไปถึงจุดที่มีความจำเป็นอาจต้องปรึกษาหารือกัน พ.ร.ก.จะเป็นตัวเลือกเรายังไม่ได้เลือกใช้หรือคิดแต่มีอยู่เสมอ ยืนยันไม่ลดวงเงินดำเนินโครงการ เมื่อถามว่าถ้า ป.ป.ช.ยังไม่ส่งความเห็นจะกระทบไทม์ไลน์หรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า “ไม่ครับ เราจะเดินหน้าแล้วจะพูดคุยกันสัปดาห์หน้า เดินหน้าพัฒนาแอปพลิเคชัน เตรียมกลไกลต่างๆที่จำเป็นให้พร้อมเดินหน้าเลย”

เร่งเครื่องอีก 2 เดือนชงเข้า ครม.

เมื่อถามว่าในไตรมาส 3 ปีนี้จะได้ใช้เงินผ่านโครงการดังกล่าวหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า “อย่าเพิ่งให้คำตอบดีกว่า แต่ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินยกร่างไว้แล้ว และข้อเสนอเดิมที่จะให้มีการใช้แอปเป๋าตังยังเป็นไปตามนั้น จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ต้องไปพูดคุยให้เชื่อมต่อ ไม่ใช่การทำแอปขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ จะตั้งคณะอนุกรรมการฯสัปดาห์หน้า โดยคณะอนุกรรมการ ติดตามการใช้เงินอย่างผิดประเภท จะไม่มีกรอบระยะเวลาต้องอยู่ยาวจนเสร็จภารกิจ ส่วนอนุรับฟังความเห็นระยะไม่ยาวมากนักประมาณ 2-3 สัปดาห์ต้องจบ เมื่อถามว่าการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ต้องได้ข้อสรุปก่อนเสนอ ครม.เมื่อไหร่ นายจุลพันธ์ตอบว่า หวังใจไว้ว่าระยะ 2 เดือนข้างหน้าน่าจะต้อง เรียบร้อยพอสมควร ตรงนี้เป็นการกะประมาณ

พท.นัดดินเนอร์ สส.พรรคร่วมฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. ระบุมีนัดทานอาหารร่วม กับ สส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ล่าสุดวันที่ 13 ก.พ.พรรค พท.จะเป็นเจ้าภาพในธีม “ร่วมมือร่วมใจ รัฐบาลประชาชน” เชิญ ครม.กรรมการบริหารพรรค สส.กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี ร่วมทานอาหารค่ำเวลา 18.00 น. ที่ห้อง Phayathai grand ballroom ชั้น 2 โรงแรม Eastin Grand Hotel Phayathai โดยหัวหน้าพรรค พท.จะกล่าวต้อนรับ จากนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวเปิดงานและสังสรรค์ขณะที่วันที่ 20 ก.พ. เวลา 17.30-21.00 น. พรรค พท.เป็นเจ้าภาพเตะฟุตบอลสานสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและสื่อมวลชน ที่สนามฟุตบอลอัลไพน์ (Alpine Football Camp Training Bangkok) รามอินทรา โดยนายกฯจะลงสนามร่วมเตะฟุตบอลด้วย พร้อม ครม.หัวหน้าพรรคและ สส.พรรคร่วมรัฐบาล

ป.ป.ช.เห็นชอบผลศึกษาเงินดิจิทัล

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 6 ก.พ. มีมติรับรองข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลกรณีการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ที่ปรับปรุงรายละเอียดจากร่างของคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลกรณี Digital Wallet ชุดที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการป.ป.ช. เป็นประธานพอสมควรให้ดูซอฟต์ลง ไม่ให้เหมือนมีสภาพบังคับ คือยืนยันว่า ป.ป.ช.มีอำนาจจัดทำข้อเสนอแนะตามมาตรา 32 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปรับปรุงเนื้อหาเกี่ยวกับเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือไม่ โดยไม่ได้ฟันธงว่าวิกฤติหรือไม่วิกฤติ ตัดถ้อยคำที่ว่านโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นการหาเสียงที่อาจเข้าลักษณะเป็นสัญญาว่าจะให้ คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์จะส่งให้รัฐบาลได้

ย้ำไม่ได้ก้าวก่ายนโยบายรัฐบาล

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ก้าวก่ายนโยบายรัฐบาล แต่ทำตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ป.ป.ช. เราไม่ได้บอกว่าทุจริต แต่เสนอแนะว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น ให้ไปหามาตรการป้องกัน ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจไปห้ามหรืออนุญาตให้รัฐบาลทำ แค่เสนอแนะไปเพื่อให้วางแนวทางป้องกัน ให้ระมัดระวัง ถ้าระวังก็จบ ส่วนอนาคตหากเกิดความเสียหายหรือทุจริตต้องดูว่ามีเจตนาหรือไม่ หากบอกว่าระมัดระวังแล้วต้องดูพฤติการณ์ว่าระมัดระวังมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องรายละเอียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 7 ก.พ. เวลา 14.00 น. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการกรรมการ ป.ป.ช.จะแถลงเรื่องดังกล่าวที่สำนักงาน ป.ป.ช.

สว.ขู่ฟัน ม.157 เบี้ยวเวทีอภิปราย

ที่รัฐสภา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวถึงกรณี สว.จะเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติตามมาตรา 153 ว่า จะอภิปรายทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขณะนี้ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยื้อเวลาเปิดอภิปรายหรือไม่ มีข่าวนายกฯจะเดินทางไปต่างประเทศ อย่าทำ ไม่อยากกล่าวหาหลีกเลี่ยง ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใด ถ้ารัฐบาลปฏิเสธมาตอบคำถามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 เรื่องจะไม่จบง่ายๆ จะไปถึงคณะกรรมการป.ป.ช. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ฝ่ายบริหารควรให้ความร่วมมือ ให้เกียรติกัน อย่าให้เลยเถิดไปหลีกเลี่ยงจนกระทั่งปิดสมัยประชุม เรื่องคงไปถึง ป.ป.ช.แน่ ไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง แต่ถ้า ไม่ให้เกียรติกันจำเป็นต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ถ้ามาตอบเรื่องจบ อาจยื่น ครม.ยกคณะ เพราะรัฐมนตรีต้องมาตอบชี้แจงใน 7 กลุ่มคำถามที่ สว.ซักถามแทบทุกกระทรวง คาดว่าน่าจะยื่นทั้งคณะ เมื่อถามว่ารัฐบาลบอกว่านายกรัฐมนตรีทำงานหนักถึงขั้นล้มป่วย นายกิตติศักดิ์ตอบว่า “ถ้าไม่แข็งแรง ผมว่ากลับบ้านดีกว่า สว.ขนาดเจ็บป่วยยังมาปฏิบัติหน้าที่ คุณมาปฏิบัติหน้าที่ 4-5 เดือนร่างกายอ่อนแอ ทำงานไม่ไหว คิดว่ากลับเถอะครับ”

ฉุนรัฐบาลใช้เทคนิคซื้อเวลา

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการว่า จะให้อภิปรายวันที่ 18 มี.ค.ขณะนี้ได้แจ้งให้ สว.มาแจ้งความจำนงในการขออภิปราย คาดว่าอีก 1-2 วันจะมีความชัดเจนมี สว.ขออภิปรายกี่คน ถ้ามีจำนวนมากอาจต้องใช้เวลาอภิปราย 2 วัน ต้องไปตกลงกับรัฐบาลอีกครั้ง เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าวันที่ 18 มี.ค.จะไม่ได้อภิปราย นายเสรีตอบว่า เป็นห่วงอยู่ เพราะระยะเวลาใกล้ปิดสมัยประชุมวันที่ 9 เม.ย. หวังว่ารัฐบาลจะไม่ใช้เทคนิคการเมือง ไม่ใช้วิธีซื้อเวลาให้พ้นจากการอภิปราย เมื่อถามว่าหากอภิปรายเดือน มี.ค.ยังพอรับได้ใช่หรือไม่ เพราะเริ่มมีเสียง สว.สะท้อนว่า นานไป เพื่อรอให้สถานการณ์เลยจุดสุกงอม นายเสรีตอบว่าไม่อยากใช้คำว่าซื้อเวลา แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ สว.พยายามซักถามให้ประเด็นต่างๆคลี่คลาย ถ้าช้าแล้วเป็นประโยชน์ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าซื้อเวลาแล้วไม่สามารถทำให้ดีได้ จะเป็นความเสียหายรัฐบาลเอง

“ภูมิธรรม” ขึงขังไม่คิดหนี ไม่ต้องมาขู่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ประสาน สว. แล้ว สว.ไม่ต้องกังวล รัฐบาลไม่คิดหนี หนีไม่ได้ อยู่แล้ว วันอภิปรายจะประมาณกลางเดือน มี.ค. นายกฯกลับมาจากยุโรปก่อนวันที่ 10 มี.ค. จะกี่วัน อยู่ที่เนื้อหา รัฐบาลไม่ได้ห่วงอะไร ทำงานตรงไปตรงมา โปร่งใส สงสัยอะไรเรายินดีตอบ ที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว.ขู่ นายกฯ และ ครม.หากเบี้ยวไม่มา แจงอภิปรายซักฟอก มาตรา 153 จะยื่นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 ไม่ต้อง กลัวเบี้ยวหรอก หลังนายกฯกลับจากต่างประเทศภายในสิ้นเดือน มี.ค. อภิปรายแน่ไม่ต้องห่วง ไม่ได้คิดจะเบี้ยวอะไร อยู่ที่ภารกิจนายกฯ ไม่ต้องขู่ ไม่ต้อง โกรธ ยินดีเลย วันอภิปรายภายในเดือน มี.ค. ไม่เกิน แน่นอน ประเด็นหลักไม่ขอคาดเดา แล้วแต่ สว.จะหยิบยกขึ้นมา ไม่ต้องเตรียมอะไรด้วย พร้อมชี้แจง อยู่แล้ว รัฐมนตรีทุกคนจะเข้าร่วมประชุมด้วย ไม่ต้อง กังวล ไม่ต้องห่วง เรายินดีไปรับฟังอยู่แล้ว

“จุรินทร์” หยัน รบ.อย่าปากกล้าขาสั่น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณีที่คนในรัฐบาลดาหน้าออกมายืนยันว่า เศรษฐกิจกำลังวิกฤติและจำเป็นจะต้องเดินหน้า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตต่อไปโดยไม่จำเป็นต้องเห็นตามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ออกมาเตือนถึงความเสี่ยง และคัดค้านการดำเนินโครงการดังกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤติจริง แล้วจะมัวเงื้อง่าซื้อเวลาอยู่ทำไม และถ้าเศรษฐกิจกำลังวิกฤติจริง ยิ่งรอช้า เศรษฐกิจจะไม่ยิ่งวิกฤติหนักเข้าไปอีกหรือ ยิ่งรัฐบาลบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำตามความเห็น ป.ป.ช.เสมอไป แล้วทำไมไม่ทำเสียที เพราะประชาชนต่างก็รอเงินจากโครงการนี้อยู่ แต่ที่เห็นกลับเป็นว่ารัฐบาลเสียเอง ที่ทำเหมือนส่อออกอาการปากกล้าขาสั่น

พท.ช่วยการันตี รบ.ไม่มีเตะถ่วง

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่คิดว่ารัฐบาลจะเตะถ่วง ต้องให้เกียรติกระบวนการ สว.ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ นายกฯ และรัฐบาลคงดูความพร้อม เพื่อไปตอบชี้แจงในสภาฯ ดีด้วยซ้ำรัฐบาลจะได้ฟังความเห็น สว. ที่มีข้อห่วงใยหรือข้อเสนอแนะใดๆ รัฐบาลเต็มใจไปตอบให้กระจ่าง ส่วนที่ สว. บอกว่าถ้ารัฐบาลไม่ไปตอบอภิปรายจะยื่น ป.ป.ช. คงไม่ถึงขั้นนั้น นายกฯ และรัฐมนตรีคงจะไปตอบ เพราะบริหารประเทศมาต้องตอบได้ รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ตอบ สว. ประชาชนที่รับชม ส่งสัญญาณเรียกความเชื่อมั่นในนโยบายและแนวทางรัฐบาลจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศ ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว รัฐบาลควรขอบคุณโอกาสนี้

กกต.เบี้ยวแจง กมธ.ปมยุบก้าวไกล

เมื่อเวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา โดยเชิญเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาชี้แจงหลักเกณฑ์การยุบพรรคก้าวไกล โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ กล่าวว่า เชิญ กกต.มาชี้แจง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพรรค ก้าวไกลใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ตามกฎหมายเกี่ยวข้องกับ กกต. กมธ. ควรรับทราบแนวทาง การทำงานของ กกต. จึงเชิญเลขาธิการ กกต.มาให้ข้อมูล เพื่อให้สิ่งที่มีผู้ไปยื่นคำร้องต่อ กกต.หลายคน มีความชัดเจนจะดำเนินการอย่างไร ประชาชนทั้งประเทศ สนใจ แต่เลขาธิการ กกต.ติดภารกิจและไม่ส่งตัวแทนมา ทั้งที่ กมธ.ได้แจ้งประธาน กกต.ทราบแล้วว่า จะเชิญ เลขาธิการ กกต.มาให้ข้อมูล กกต.อย่าให้ถูกมองว่า เพิกเฉย ไม่ให้ความสำคัญเรื่องที่กระทบกับบ้านเมือง กระทบความเป็นอยู่พรรคก้าวไกล หากผิดก็ว่าตามผิด ถ้าไม่ได้ผิด พรรคก้าวไกลจะได้ทำหน้าที่ ในสภาฯ กมธ.ให้ความสำคัญ เพราะกระทบการบริหารประเทศโดยรวม จะขอหารือในที่ประชุม กมธ.ว่า จะเอาเรื่องนี้มาประชุมต่อสัปดาห์หน้าหรือไม่ เพราะเห็นว่าควรพิจารณาต่อเนื่องให้ชัดเจน

เผย “พิธา” จ่ออุทธรณ์คดีแฟลชม็อบ

เมื่อเวลา 10.10 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ก.ก. กล่าวถึงกรณีศาลมีคำพิพากษาจำคุกแกนนำพรรคอนาคตใหม่ กรณีเข้าร่วมการชุมนุมแฟลชม็อบเมื่อปี 2562 อาจเป็นผลให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก.จะไม่สามารถดำรงสถานะแคนดิเดตนายกฯของพรรค ก.ก.ตามมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญว่า ผู้ถูกฟ้องร้องได้เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ตั้งข้อสังเกตถึงความคงเส้นคงวาการใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ โดยเฉพาะการวัดรัศมี 150 เมตร จะเริ่มวัดจากจุดใด ควรมีมาตรฐานเดียวกันในทุกกรณี นอกจากนี้ ยังจะต่อสู้เรื่องความได้สัดส่วนของโทษว่า ควรสูงถึงขั้นจำคุก 4 เดือนเลยหรือไม่ หากมีความผิดจริงสำหรับผลกระทบต่อสถานะทางการเมืองของนายพิธาและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต้องย้ำในหลักการว่าเมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ออกไปนายพิธาจะไม่หลุดจากสถานะ สส.ตามมาตรา 6 ที่ระบุว่าหากถูกพิพากษาจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว หากการอุทธรณ์พิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้จะไม่มีผลกระทบต่อสถานะทางการเมือง

มั่นใจไม่หลุดแคนดิเดตนายกฯ

นายพริษฐ์กล่าวว่า ขณะที่หลายส่วนวิเคราะห์ว่าคำพิพากษาอาจเป็นผลให้นายพิธาไม่สามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯได้ตลอดชีวิตคงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมาตรา 160 (7) ใช้คำว่ารัฐมนตรี ต้องไม่เป็นผู้พิพากษาให้จำคุก แม้ว่าคดีนั้นยังไม่ถึงที่สุดหรือรอการลงโทษ ทำให้มองว่าข้อความนั้นไม่ได้พูดถึงผู้ที่เคยถูกคำพิพากษาให้จำคุก ข้อความสำคัญที่ไม่ได้อยู่ในมาตรานี้คือคำว่า “เคย” หากเปรียบเทียบกับมาตรา 98 ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัคร สส. โดยเฉพาะ (9) ที่มีคำว่า เคย ระบุไว้อย่างชัดเจน จึงตีความได้ว่าหากพ้นโทษกรณีนั้นมาแล้วจะสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงแคนดิเดตนายกฯ ได้

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองประธานคณะก้าวหน้า ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีคำพิพากษาดังกล่าวจะทำให้นายพิธาหลุดการเป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยตอบเพียงสั้นๆว่าให้ไปถามนายพิธา

เล็งออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมปืนเถื่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง แถลงหลังการประชุม ครม.ว่า เรื่องความปลอดภัยของประชาชน ได้สั่งการกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานความมั่นคงศึกษามาตรการให้ผู้ถือปืนเถื่อนโดยไม่จดทะเบียนนำปืนมาคืนภาครัฐในเวลาที่กำหนด โดยไม่มีความผิดเพื่อลดจำนวนปืนที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ ต้องไม่ขัดกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยออกเป็น พ.ร.ก.มานิรโทษกรรมก่อน แล้วถึงนำปืนมาคืนได้ เป็นมาตรการสำคัญอีกอันหนึ่ง และลดปืนสวัสดิการ ทำให้เข้าถึงอาวุธปืนที่เป็นภัยอันตรายต่อประชาชนลดน้อยลง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย มอบหมายให้กรมการปกครองยกร่าง พ.ร.ก. หลักการเปิดทางให้คืนอาวุธปืนในเวลาที่กำหนด โดยผู้ครอบครองไม่มีความผิด คาดว่าจะแล้วเสร็จนำเสนอ รมว.มหาดไทย ได้ในสัปดาห์นี้ กรมการปกครองเคยยกร่างกฎหมาย ส่วนหนึ่งในร่าง พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่...) พ.ศ. ...เดิมจะแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนตามนโยบายนายกฯ กรมการปกครองจะดึงเฉพาะเรื่องการคืนปืนเถื่อนมาออกเป็น พ.ร.ก.ก่อน และเตรียมออกมาตรการอื่น เพิ่มความเข้มงวดการครอบครองและควบคุมจำนวนอาวุธปืนเพิ่มเติมอีก เช่น เตรียมยกเลิกปืนสวัสดิการ ออกมาตรการผู้ได้รับใบอนุญาตนำเข้าปืน กำหนดการปราบปรามปืนเถื่อนเป็นหนึ่งในเกณฑ์วัดผลงาน (KPI) นายอำเภอและ ผวจ. เป็นต้น

“สุทิน” ซัด “วิโรจน์” เบี่ยงปม สด.43

อีกเรื่องกรณีการตรวจสอบใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่อาจได้มาไม่ถูกต้อง ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก.ก. จะลุยตรวจสอบทหารขายใบ สด.43 ปลอมว่า อยากให้สังคมพิจารณาด้วยความเป็นธรรม กรณีใบ สด.43 เกี่ยวข้องกับ 2 ฝ่าย คือ ผู้ขอและผู้ให้ ผิดทั้งคู่ ต้องดูว่าฝ่ายใดเริ่มก่อน คงไม่มีใครไปเร่เสนอขายใบ สด. เพื่อกระทำผิด อย่าเบี่ยงประเด็น หากตรวจสอบ ว่า ใครกระทำผิดกระทรวงกลาโหมไม่เลี้ยงไว้แน่นอน แม้จะเกิดขึ้นหลายปี หรือบุคคลนั้นเกษียณไปแล้วลงโทษย้อนหลัง ยกเลิกบำเหน็จ บำนาญ นำตัวดำเนิน คดีได้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.)ตรวจสอบลงโทษคนทำผิดทุกปีแต่ไม่เป็นข่าว ถ้าใครตรวจพบ ผู้ทำผิดให้ส่งข้อมูลมาที่กระทรวงกลาโหมได้

ผบ.นรด.แจ้งจับ “จิรัฏฐ์” ปลอมเอกสาร

ช่วงบ่าย ที่ สน.ประชาชื่น พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) มอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญ นรด.เข้าแจ้งความ กับพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ให้ดำเนินคดีนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรค ก.ก. ข้อหาปลอม หรือใช้เอกสารราชการปลอม กรณีเกิดข้อสงสัยการได้มาของเอกสารผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์อาจจะได้มาโดยไม่ถูกต้อง จนเป็นที่มาร้องเรียนให้กองทัพบกตรวจสอบ จน พล.ท.ทวีพูลต้องออกมาแถลงชี้แจง ถึงการได้มาใบ สด.43 ที่ถูกต้องของชายไทย โดยต้อง มีลายเซ็นจากคณะกรรมการตรวจเลือกครบทั้ง 5 คน และรับจากมือประธานกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกเท่านั้น รวมทั้งต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ หากไม่ครบองค์ประกอบจะไม่ใช่เอกสารที่ทางราชการออกให้

หาม “บุ้ง” อดข้าวส่ง รพ.ราชทัณฑ์

วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า กรณี น.ส. เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ถูกศาลสั่งถอนการประกันตัวกลับเข้า เรือนจำไปเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ได้ประกาศอดอาหารและ น้ำประท้วงต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 11 ล่าสุดทนายความ ที่เข้าพบ เล่าว่า น.ส.เนติพรนอนฟุบกับโต๊ะระหว่าง รอทนายความ มีอาการอ่อนเพลียมาก ขอกลับเข้าไปพักก่อน โดยเพื่อนผู้ต้องขัง 2-3 คน คอยช่วยพยุง ตลอดเวลา และยังระบุลักษณะอาการอื่นๆอีก ดังนี้ อ่อนเพลียมากเดินเองไม่ได้แล้ว ปัสสาวะมีสีแดงส้ม กระเพาะปัสสาวะอักเสบปัสสาวะออกน้อยมาก ขณะที่ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ขณะนี้มีภาวะตับอักเสบ ปวดท้องนอนราบไม่ได้เพราะมีภาวะกรดไหลย้อน มีอาการเรอเปรี้ยวอาเจียน ต้องใช้วิธีนั่งฟุบเพื่อนอนแทนทั้ง กลางคืนและกลางวัน นั่งเฉยๆก็ยังเหนื่อย แต่ยังเน้นย้ำ 2 ข้อเรียกร้องของการอดอาหารประท้วงคือ 1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ผู้พิพากษาต้องเป็นผู้พิพากษาของประชาชน 2.ต้องไม่ให้มีใครติดคุก เพราะเห็นต่าง ทางการเมืองอีก ทั้งฝากข้อความทิ้งท้ายว่า “หากตาย ขอให้เอาศพไปที่หน้าศาล ไม่เสียดาย...” ทั้งนี้ช่วงบ่าย น.ส.เนติพร ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์

นายกฯเปิดงานเฟสติวัลมวยไทย

เมื่อเวลา 18.00น. ที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เป็นประธานเปิดงานเฟสติวัลมวยไทยประจำปี 2567 “Amazing Muay Thai Festival 2024” ที่มีกำลังพลของกองทัพบกกว่า 3 พันนายรวมทั้งนักมวยจากสมาคมมวยพระเจ้าเสือ และประชาชน เข้าร่วมพิธีไหว้ครูกว่า 5 พันคน โดยนายกฯวางพานพุ่ม ดอกไม้สดถวายราชสักการะพระบรมราชา นุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ถวายราชสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) และถวายราชสักการะพระบรม ฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับมงคลจากพานพุ่มส่งมอบให้ครูมวยอาวุโส เปิดงาน ก่อนนั่งชมการแสดงมวยไทย 3 ชุด “มหัศจรรย์มวยไทย จากรากเหง้าแห่งสยาม ศิลปะการต่อสู้มรดกไทยสู่ชาวโลก” ชุด “จารีตวิถีโบราณ การมอบตัวเป็นศิษย์ การขึ้นครูและการครอบครู มนต์ขลังวัฒนธรรมมวยไทย” และชุด “สืบศิลป์การไหว้ครูร่ายรำ แม่ไม้มวยไทย สู่โดรนแปรอักษร แสงสีสุดตระการตา” รวมถึงการแสดง พลุแสงสี แปรอักษรโดยโดรนกว่า 700 ตัว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่