นายกฯ ยัน ไทย พร้อม ซัพพอร์ต "กัมพูชา" แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 พร้อมลุย CLMV บวกมาเลเซีย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค เชื่อ ไม่มีใครติดเพราะได้ประโยชน์กันหมด 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.พ. 2567 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ กรณีระบุ จะพูดคุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีความคืบหน้าอย่างไรว่า คุยกันตลอด เมื่อสักครู่ก็คุยกับผู้ช่วยของ พล.อ.ฮุน มาเนต ไป ต้องยอมรับว่า อุปกรณ์และองค์ความรู้ของกัมพูชา ไม่เทียบเท่าเรา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพย์ฯ ของกัมพูชา ไม่มีปัจจัยเท่าเรา แต่เขาใส่ใจเหมือนกับเรา วันที่ 7 ก.พ. ที่ พล.อ.ฮุน มาเนต จะเยือนไทยอย่างเป็นทางการก็จะพูดคุยในเรื่องนี้ว่า เราจะสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง เราพร้อมที่จะสนับสนุนเขา เราเป็นเพื่อนบ้านกันที่ดีกันมาตลอด ถ้าไม่ช่วยเราก็เดือดร้อนด้วย เราต้องร่วมด้วยช่วยกัน

เมื่อถามว่า ขณะนี้ปริมาณค่าฝุ่นในพื้นที่ กทม.สูงขึ้นได้สั่งการอะไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 6 ก.พ.จะสั่งการในหลายเรื่องทั้งมาตรการกำหนดบทลงโทษคนไม่ทำตาม สินค้าอะไรที่หากพิสูจน์ทราบว่า มีการเผาเกิดขึ้นก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ นายเศษฐา กล่าวว่า ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ แต่ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาธรรมชาติ ถ้าจะร่วมกันแก้ต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น เช่น การเผาใช้ไม้ขีดก้านเดียว แต่ถ้าขนวัชพืชไปทำอย่างอื่นต้องมีค่าใช่จ่ายเพิ่ม ซึ่งเราได้ให้องค์ความรู้ไปแล้วว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ถูก และตอนนี้ก็ได้ความช่วยเหลือจากกองทัพเขาไปขนวัชพืชเพื่อนำไปทำปุ๋ย น้ำมันไบโอดีเซล ถ่านไร้ควัน เราก็ช่วยกันอยู่ 

...

นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์ถึงการหารือ เรื่องการท่องเที่ยวกับ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เรื่องนโยบายใช้วีซ่าร่วมกับประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และมาเลเซีย จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ใน CLMV ว่า น.ส.สุดาวรรณ กลับจากการประชุมรัฐมนตรีร่วมกับ สปป.ลาว ก็ได้รายงานว่ามีการพูดคุยกันหลายมิติ โดยสิ่งที่ตนฝากไปคือ เรื่อง CLMV บวกกับมาเลเซีย ที่จะช่วยกันทำเรื่องการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค หลายเรื่องมีความคืบหน้าแต่ต้องยอมรับว่ายังไปไม่ไกลอย่างที่ตนหวัง โดยประเด็นที่อยากผลักดันนั้น สมมตินักท่องเที่ยวออสเตรเลียบินมาประเทศไทยแล้วเรายกเว้นวีซ่าไปแล้ว เขาสามารถไปประเทศ ลาว กัมพูชา เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซียได้เลย เหมือนที่เราไปยุโรปแล้วมีวีซ่าเชงเก้นสามารถไปประเทศต่างๆได้ ตนอยากให้เป็นลักษณะนี้ ก็ให้ น.ส.สุดาวรรณ ไปประสานต่อ ก็ต้องยอมรับว่าแต่ละประเทศมีขีดจำกัดต่างกัน อย่างไรก็ตามเย็นวันที่ 2 ก.พ. ตนได้สังสรรค์กับทูตกัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม ที่เขาเตะฟุตบอลกับตนไปร่วมดู ก็ได้พูดคุยว่าอยากให้มีการผลักดัน แต่เข้าใจว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องที่ผู้นำของแต่ละประเทศต้องสั่งการลงมา ตนก็ฝากไป ซึ่งท่านทูตระบุว่าจะเดินเรื่องไปให้ก่อน หากต้องการให้ตนผลักดันโดยตรงตนก็จะยกหูหาผู้นำประเทศเหล่านั้น และการที่พล.อ.ฮุน มาเนต มาประเทศไทยก็จะคุยเรื่องนี้ด้วย

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทุกประเทศจะได้ประโยชน์ เพราะแต่ละประเทศก็มีสายการบินที่แข็งแกร่ง เช่น เวียดนามมีเวียตเจ็ท มาเลเซียมีแอร์เอเชีย ไทยก็มีสนามบินที่ดีที่สุดในภูมิภาค หากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติบินเข้ามาก็จะกระจายไปประเทศต่างๆ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีใครติด ถ้ามีใครติดก็ไม่คอยเพราะรถไฟขบวนนี้ออกแล้ว เมื่อถามว่าจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงเอาแค่นี้ก่อนเพราะมีพื้นที่ติดกัน