“เรืองไกร” มาแล้ว ยื่นต่อ กกต.พิจารณาดำเนินการตามอำนาจ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ กรณีล้มล้างการปกครอง พบ “แบม-ตะวัน” เรียกร้องเปาบุ้นจิ้นประหารชีวิต หลังถูกศาลกล่าวถึง
เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ พร้อมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่งมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะอยู่พรรคการเมืองหรือไม่ สามารถดูแลช่วยเหลือส่วนราชการได้ตามสิทธิ เคารพคำตัดสินขององค์กรที่มีหน้าที่ โดยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ในคดีหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หลังผลออกมาก็แสดงความยินดี
สำหรับการเดินทางมาในวันนี้ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องของผู้ร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง โดยมี นายพิธา เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล เป็นผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งศาลวินิจฉัยนโยบายเกี่ยวกับมาตรา 112 ที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอยู่ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“การร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญสั่งได้อย่างเดียวคือ ให้เลิกการกระทำ ถ้าศาลท่านเห็นว่ามีการใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครอง เมื่อวาน (31 มกราคม 2567) ก็ชัดเจน ศาลท่านก็บอกว่าผู้ถูกร้องทั้งสองใช้สิทธิเพื่อล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 49 เมื่อวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้าง ศาลก็ต้องสั่งให้เลิกการกระทำ แล้วศาลก็ให้คำวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าให้เลิกอย่างไร”
...
นายเรืองไกร ยังได้ระบุถึงสาระสำคัญที่ตนเองเข้าใจ คือ ห้ามยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะมาตรา 112 ผูกกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 อีกประเด็นคือ การแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 เป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ จะตรากฎหมายใหม่ แก้ไขเพิ่มเติม ยกเลิก ทำได้ แต่ต้องโดยชอบ โดยศาลเคยวินิจฉัยมาแล้วว่ากระบวนการตรากฎหมายที่องค์ประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่ง กฎหมายนั้นไม่ชอบ และคำว่าล้มล้างการปกครองอยู่ในกฎหมายพรรคการเมืองด้วย มาตรการ 92 (1) (2)
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยคำวินิจฉัยของศาลเป็นเด็ดขาดก็ผูกพันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุวาระอีกไม่ได้แล้วถ้ามีลักษณะที่ไปละเมิดมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เมื่อคำวินิจฉัยมีผลผูกพันและเป็นประเด็นข้อเท็จจริง สรรพเอกสารในสำนวนที่สู้กันมา และศาลบอกว่ามีการขอขยายเวลา วันนี้ต้องร้องให้ กกต. นำคำวินิจฉัยเมื่อวานนี้ซึ่งมีผลทันที ไปดำเนินการยื่นคำร้องตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 92 (1) หรือ (2) กลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยว่าจะต้องยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหรือไม่ ประเด็นอยู่ตรงนี้ และแนบด้วยคำร้องของตนที่ผ่านมาเพื่อเป็นองค์ประกอบ
“ผลของคดีเมื่อวาน คำสั่งของศาลเมื่อวานมันก็จะพันมาถึง 1. กกต.ต้องทำตามหน้าที่และอำนาจ เพราะถือเป็นความปรากฏ อยู่เฉยไม่ได้ 2. ป.ป.ช. ผมเคยร้อง สส. 44 คน ว่าใช้สิทธิเสรีภาพชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไปที่ ป.ป.ช. มาแล้วเมื่อปี 64 ซึ่งเป็นญัตติของพรรคก้าวไกล ที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ด้วย อันนี้คือการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ หรือความเห็นส่วนตัวแต่อย่างใด 3. หน่วยงานรัฐสภา ถ้ามีญัตติเช่นนี้อีก หรือมีการอภิปรายเกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งข้อบังคับห้ามอยู่แล้ว ไม่ว่าในทางใดๆ ประธานสภาฯ จะต้องยึดถือแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ไว้ วันนี้ก็เลยจำเป็นต้องมายื่น กกต. เพื่อให้ดำเนินการในส่วนนี้ก่อน เพื่อให้พิจารณา ว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ กกต. ไม่ส่งไม่ได้ เพราะไม่มีผู้ร้อง และอำนาจเป็นของ กกต. ฝ่ายเดียว”
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองอื่น รวมถึงพรรคเพื่อไทย มีนโยบายแก้ไข มาตรา 112 ด้วยนั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ ไม่ต้องห่วง หากมีน้ำหนักพอก็จะยื่นเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ทั้งนี้รวมถึงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เคยหาเสียงในประเด็นแก้ไขมาตรา 112 ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าระหว่างที่ นายเรืองไกร กำลังให้สัมภาษณ์และยื่นคำร้องอยู่นั้น นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ นางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม นักกิจกรรมทางการเมือง ได้เดินทางมาเรียกร้องให้ประหารชีวิตตนเอง โดยทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ใช้เชือกผูกพันธนาการตนเอง พร้อมกล่าวว่า เนื่องจากศาลมีการกล่าวอ้างถึงชื่อของทั้งคู่ รวมถึงพฤติกรรม และกิจกรรมการขอความคิดเห็นในหัวข้อ “คิดว่ามาตรา 112 ควรแก้ไขหรือยกเลิก” ด้วยการติดสติกเกอร์ และการให้ นายพิธา นำสติกเกอร์ติดด้วยถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ล้มล้างการปกครอง จึงขอให้เปาบุ้นจิ้นได้ทำการประหารตนแทนคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมการเมืองแล้วถูกจับติดคุกอยู่ตอนนี้ด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่ามีกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ที่จะเดินทางมาติดตามการยื่นคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่จะเดินทางมายื่นให้ กกต. พิจารณายุบพรรคก้าวไกลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความวุ่นวาย ทางศูนย์ราชการฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบมาคอยดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ด้วย.
(ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย)