นายกฯ เศรษฐา เดินหน้าการทูต ควบคู่การค้า การลงทุน มุ่งประโยชน์แบบ win win ไปด้วยกัน ด้านโฆษกรัฐบาลแจง 4 เดือนของรัฐบาล นายกฯ เดินทางเยือนแล้ว 10 ประเทศ

วันที่ 31 มกราคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มุ่งนำประเทศไทยกลับเข้าสู่เรดาร์โลก เป็นสมาชิกโลกที่ Active และอยู่ในประเทศต้นๆ ของสายตาโลก วางยุทธศาสตร์การทูตควบคู่เศรษฐกิจเชิงรุก ด้วยนโยบายการต่างประเทศที่จับต้องได้ เพิ่มบทบาทนำไทยในเวทีโลก เพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชน เป็นที่ตั้ง

โดยช่วงเวลา 4 เดือนที่รัฐบาลเข้ารับหน้าที่การทำงานด้านการต่างประเทศ เป็นด้านที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยนายกรัฐมนตรีเร่งมุ่งหน้าเปิดตลาดทั่วโลก เพิ่มพันธมิตร พร้อมเป็นเซลล์แมนนำเสนอประเทศไทยในศักยภาพที่หลากหลาย เช่น การพัฒนาคุณภาพสินค้า และช่องจัดจำหน่ายในต่างประเทศ ความพร้อมที่จะรองรับนักลงทุนด้วยนโยบายรองรับการลงทุน เช่น ระบบสาธารณูปโภคพลังงานสะอาด การแก้กฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน และสภาพแวดล้อมทันสมัย เช่น สถานศึกษา และการแพทย์ที่รองรับการพำนักในพื้นที่การลงทุน

นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือน 10 ประเทศ ซึ่งเป็นทั้งการเยือนอย่างเป็นทางการ และการเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญ อาทิ การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา, การประชุม BRF ครั้งที่ 3 กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน, การประชุมอาเซียน และคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ซาอุดีอาระเบีย, การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2023 ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา, ประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Commemorative Summit) ในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น และการประชุม WEF ดาวอส สมาพันธรัฐสวิส 

...

ในทุกการเดินทางนั้นนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญทั้งมิติการทูต และการค้า การลงทุน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ใช้โอกาสพูดคุยกับเอกชนรายใหญ่ระดับโลก เพื่อเชิญชวนให้ร่วมลงทุนในไทย เปิดตัวโครงการ Landbridge จนทำให้มีประเทศ และบริษัทเอกชน ด้านท่าเรือรายใหญ่ของโลกต่างให้ความสนใจ พร้อมพิจารณา และเดินทางมาดูพื้นที่ด้วยตนเองด้วย รวมถึงการเปิดวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมทันสมัยด้านพลังงาน ดิจิทัล รถยนต์ EV ให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงศักยภาพของไทย และบทบาทของไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีว่า “ประเทศไทยเปิดแล้ว และไม่มีเวลาไหนที่ควรมาลงทุนในไทยมากกว่าเวลานี้”

“เชื่อมั่นครับว่ายุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ เศรษฐาฯ จะทำให้ไทยก้าวหน้า กลับสู่จุดที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ให้ความสนใจ ยุทธศาสตร์แบบผูกมิตร การทูตที่กินได้ จะทำให้ประชาชนปากท้องดีขึ้น และเชื่อมั่นได้เลยครับว่านายกรัฐมนตรียังตั้งใจที่จะเปิดนโยบายวีซ่าฟรีกับประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก เพื่อเพิ่มศักยภาพของหนังสือเดินทางไทยในเวทีโลกครับ” นายชัย กล่าว.