ฝนโปรยปรายผสมกับลมหนาวส่งท้ายปลายฤดู
อากาศเย็น ท้องฟ้าครึ้มๆ แยกไม่ออกระหว่างเมฆหมอกหรือฝุ่นควันพิษ PM 2.5 ที่ปกคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่
หลายพื้นที่ของประเทศไทยอยู่ในห้วงบรรยากาศอึมครึม
แต่ที่เหมือนฟ้าเปิด โลกกลับมาสดใสไฉไล ก็คือค่ายก้าวไกล พลพรรคกองทัพส้ม ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยคะแนน 8 ต่อ 1 เสียง
ถอดชนักปักหลัง “แม่ทัพ” คนสำคัญ
วินิจฉัยชี้ขาด “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่หลุดจากสมาชิกภาพ สส.
พ้นบ่วงกรรม จากกรณีโดนร้องให้ตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อ
เนื่องจากไอทีวีไม่มีคลื่นความถี่ เพราะถูกยกเลิกสัญญาสัมปทานไปตั้งแต่ปี 2550 จึงไม่ถือเป็นสื่อมวลชน ทำให้การถือหุ้นจำนวน 42,000 หุ้นของอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามการสมัคร สส.ตามรัฐธรรมนูญ
คืนสมาชิกภาพผู้แทนราษฎร เปิดทางให้กลับเข้าทำหน้าที่ในสภา
นับเวลานาน 6 เดือน ที่นายพิธาถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566
โดนเบรกให้ไปนั่งพักข้างสนามมานานครึ่งปี
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของสมาชิกพรรคก้าวไกล และเหล่ากองเชียร์ “ด้อมส้ม” ที่ยินดีปรีดา ปรากฏการณ์กระแสโลกออนไลน์ แฮชแท็ก “พิธาลิ้มเจริญรัตน์” ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง เทรนด์ทวิต X
หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับพาดหัวยักษ์ รูป “พิธา” กับมติศาลรัฐธรรมนูญ
รวมไปถึงสื่อระดับโลก เอพี รอยเตอร์ ซีเอ็นเอ็น ฯลฯ ต่างรายงานข่าวหัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง สส.เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ได้กลับเข้านั่งเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎร
...
สะท้อนแรงดึงดูดของ “พิธา” ที่ไม่ธรรมดา
แม้แต่ประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีที่อยู่ระหว่างเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของรัฐบาล ยังถือโอกาสกล่าวแสดงความยินดีต่อการที่นักการเมืองขวัญใจคนรุ่นใหม่ของไทย ได้คืนสิทธิกลับเข้าทำหน้าที่ในสภา
แสดงถึงสัญญาณดี การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของเมืองไทย
หัวขบวนพรรคก้าวไกลเป็นที่จับตาทั้งในและต่างประเทศ ตามสถานะของผู้ครองคะแนนนิยมมากเป็นอันดับหนึ่ง แชมป์ทุกโพล
มีแรงเหวี่ยงต่อโมเมนตัมการเมือง เกมอำนาจประเทศไทย
“พิธา” รีเทิร์น ทำให้สภาคึกคักขึ้นทันตา ตามจังหวะ ที่เจ้าตัวกลับเข้าร่วมประชุมสภาในวันรุ่งขึ้นทันที หลังศาลรัฐธรรมนูญคืนสมาชิกภาพ สส.
ประกาศบนไอจี “I’m back” ผมกลับมาแล้ว
ตามแนวโน้มสถานการณ์ แม้จะต้องลุ้นอีกด่านที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีนายพิธาและพรรคก้าวไกลถูกร้องได้เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในการหาเสียงเลือกตั้งและยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ในวันที่ 31 มกราคมนี้
แต่โดยรูปคดียังออกแนวเบรกให้ทีมก้าวไกลหยุดพฤติการณ์ล่อแหลมมากกว่า เพราะผลลัพธ์ของความผิดยังไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เทียบกับด่านอันตรายสุดของ “พิธา” ในคดีถือหุ้นไอทีวี จึงไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่
ณ จุดที่พระเอกของด้อมส้มอารมณ์ดี แกล้งพูดทีเล่นแต่เหมือนเอาจริง ถ้าต้องออกจากสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ก็จะไปที่ทำเนียบรัฐบาลแทน
มั่นใจ ฮึกเหิม พ้นด่านสกัด ลุ้นเส้นทางไปสู่เก้าอี้ผู้นำในฐานะแคนดิเดตนายก รัฐมนตรีกลับมาเปิดกว้าง เป้าหมายอยู่อีกไม่ไกล
อาการห้าวหาญของ “พิธา” กระตุกโมเมนตัม ยกระดับแรงปะทะของฝ่ายค้าน กองทัพก้าวไกลได้อาวุธหนักอำนาจทำลายล้างสูงกลับมาประจำการ
ฟอร์มเด็กรุ่นใหม่น่ากลัว ร้อนแรงขึ้นอีกหลายองศา
และโดยสถานการณ์สวนทางกับรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร พรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง
ต้องเจอกับแรงเสียดทานหนักขึ้นอีกหลายเท่า
อารมณ์แบบที่ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ รีบโชว์ลูกเก๋า ยืนยันว่าหัวขบวนพรรคก้าวไกล “โชคดี” รอดบ่วงคดีหุ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อรัฐบาล หวังจะจับมือกันแก้ปัญหา
ดักคอ อย่าใช้กระบวนการทางการเมืองให้ประเทศไม่สามารถเดินหน้า
มือยุทธศาสตร์ทีม “นายใหญ่” เชี่ยวเชิง สัมผัสทิศทางลมได้ไว
ตามสัญญาณรุกแรงของนายพิธา “ล็อกเป้า” ถล่ม “เรือธง” ของรัฐบาลเพื่อไทย “ปักหมุด” 3 โครงการส่งเสริมการขายของ รัฐบาล ทั้งโปรโมชันเทกระจาดดิจิทัล วอลเล็ต 10,000บาท นโยบายปั้นซอฟต์พาวเวอร์ และแลนด์บริดจ์ภาคใต้
ไล่บี้คิวแห่ “โบแดง” ปั่นแต้มหาเสียงไม่ง่าย
โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ตฯที่หัวขบวนก้าวไกลแสดงจุดยืนชัด อิงหลักการเดียวกับรัฐมนตรีคลังรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่เอาด้วยกับการกระตุ้นระยะสั้น แลกกับความเสี่ยงความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ย้อนศรกันเลยกับนายเศรษฐา ที่ตีธงเดินหน้าแจกเงินดิจิทัลฯ
สถานการณ์แปร่งๆแบบที่รัฐบาลเพื่อไทยเล่นเกมชักเย่อกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าด้วยนิยามเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่วิกฤติ
เกมตื้นๆแต่หวังผลลึกๆแบบที่ทีมโทรโข่งทำเนียบฯแกล้ง “มือลั่น” ในไลน์กรุ๊ปนักข่าว ปล่อยข้อมูลจีดีพีของกระทรวงการคลัง ร่วงทะรูดทะราด
ฟาดหางใส่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศชัดๆ การันตีเศรษฐกิจไทย ไม่ได้ถดถอย แค่โตช้า เพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่จำเป็นต้องอัดฉีดกระตุ้นระยะสั้น
ธปท.ไม่ยอมโดดร่วมวงเสี่ยงวินัยการเงินการคลัง
ตามรูปการณ์ไม่ใช่ลำพังแค่แบงก์ชาติที่รัฐบาลไล่ทุบ ไล่บีบให้ยอมเปิดไฟเขียว แต่ยังมีเสียงแข็งๆดังๆของ “พิธา” มาขวางทางมหกรรมเทกระจาด
สถานการณ์ดันดิจิทัลวอลเล็ตฯส่อเหนื่อยกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
รวมไปถึงแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง เมกะโปรเจกต์มูลค่านับล้านล้านบาท ที่ยังลอยเคว้งอยู่ในอากาศ ฟาดฟันกันหนักระหว่างฝ่ายต้านกับรัฐบาล
ณ จุดที่ยังไม่มีเสียงตอบรับจากนักลงทุนอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน
“พิธา” นำทัพก้าวไกลตามประกบหน้าประกบหลัง เส้นทางลัด อันดามัน-อ่าวไทย น่าจะยืดเยื้ออีกนานกว่าผ่านช่องแคบมะละกา
“ตัวพ่อด้อมส้ม” กลับมาเพิ่มความยากโจทย์บริหารของรัฐบาล กดดันการชิงเหลี่ยมเกมสภาไปจนถึงการเบียดชิงกระแส มวลชน
แรงเสียดทานภายนอกยกระดับ ในจังหวะสถานการณ์ที่รัฐบาลผสมสูตรพิสดารพรรคเพื่อไทย ยังเจอกับแรงกระเพื่อมภายใน
การเขย่ากันเอง เร่งดีกรีร้อนเกมอำนาจ
ปรากฏการณ์แบบที่ผู้นำอย่างนายเศรษฐาต้องปากเปียกปากแฉะ ยืนกรานซ้ำแล้วซ้ำอีก ยังไม่มีความคิดในการปรับ ครม.
ขอร้องให้นักข่าวฟังจากปากตัวเองคนเดียว อย่าไปเอาข่าวลือจากแหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนามมาบั่นทอนกำลังใจ
แต่นั่นก็ยังไม่สามารถเบรกคำถามเรื่องปรับ ครม.ของสื่อได้
เพราะธรรมชาติของนักข่าวมืออาชีพ “จมูกไว” รับรู้ได้ถึง “ศูนย์อำนาจ” แท้จริง ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ล้อไปกับความเคลื่อนไหวจาก “ชั้น 14” ที่ใกล้กำหนด “พักโทษ” ตามกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์เดือนหน้าเป็นต้นไป
ในสภาพของ “อำนาจซ้อน” ยิ่งแรงขึ้นทุกขณะ
จังหวะแบบที่หัวแถวเด็กอย่าง “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีมผู้เฒ่าแถลงภายหลังมื้อดินเนอร์ล่าสุดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จ่อนัดเลี้ยงใหญ่ สส.ทุกพรรคเร็วๆนี้ เพื่อการทำงานที่ดี ทำความรู้จักกันมากขึ้น
ยืนยัน พรรคร่วมรัฐบาลมีความเหนียวแน่น
โชว์ความแน่นแฟ้น กลบกระแสการปีนเกลียวอำนาจ ร่องรอยร้าวๆที่เขย่ากันเอง ในสภาพที่ฝ่ายบริหารปั่นเนื้องานไม่ออก เดินหน้าลำบาก
สถานการณ์ของรัฐบาลดูเคว้งคว้าง
สวนทางกับฝ่ายค้านที่กลับมาคึกคัก.
“ทีมการเมือง”
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม