สภา ตั้ง กมธ.พิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น 25 คน ชื่อ "ธนาธร" โผล่เป็นกมธ.ด้วย หลัง “ก้าวไกล” เสนอญัตติ เปิด 5 แหล่งขุมทรัพย์กองทัพเสือนอนกิน

วันที่ 25 ม.ค. 67 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติ ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการของกองทัพไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆ ของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล ของ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ

และรวมญัตติในทำนองเดียวกันพิจารณาไปพร้อมกัน อีก 2 ฉบับ คือญัตติขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการขอใช้ที่ดินราชพัสดุสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ในความครอบครองของกองทัพอากาศ เพื่อให้เป็นสวนสาธารณะในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ของ นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ และญัตติขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางการย้ายสนามกอล์ฟกานตรัตน์ ออกมาพื้นที่แอร์ไซด์ สนามบินดอนเมือง เพื่อความปลอดภัยตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศของนายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ

...

โดย น.ส.เบญจา อภิปรายเหตุผลว่า ขอเปิดกรุสมบัติ และอาณาจักรลึกลับขุมทรัพย์ธุรกิจในกองทัพ รวมถึงความมั่งคั่งของนายพลในกองทัพไทย และรายได้ต่างๆ ในธุรกิจทั้งหมด ตลอดจนการเติบโตของนายพล บนเส้นทางเศรษฐีสุดลี้ลับที่แทบจะจับต้องอะไรไม่ได้เลย และพบว่าทรัพสินของนายพลหลังเกษียณ ลงจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. และลงจากตำแหน่งทางการเมือง มีมูลค่าสูงมาก บางรายมี 200 ล้านบาท 300 ล้านบาท 500 ล้านบาท และบางรายมี 800 ล้านบาท และประเทศไทยยังมีนายพลที่มั่งคั่งอีกว่า 3,000 นาย ที่รวยตั้งแต่ระดับ 10 ล้านบาท ไปจนถึงหลัก 100 ล้านบาท 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิดจริงๆ

น.ส.เบญจา กล่าวต่อว่า แหล่งขุมทรัพย์ลึกลับกองทัพที่เป็นความมั่งคั่งของนายพล ทำให้นายพลหลายคนมีบัญชีทรัพย์สินระดับหลายร้อยล้านบาท ขุมทรัพย์กองทัพที่เป็นเส้นทางเศรษฐีนายพลคือ 1.ที่ราชพัสดุ กองทัพมีที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศ 7.5 ล้านไร่ โดยกองทัพนำมาสร้างเป็นปั๊มน้ำมัน 150 แห่ง สนามกอล์ฟ 74 แห่ง และยังมีรายได้ที่มากกว่าหลายพันล้านบาทต่อปี ยังมีร้านสะดวกซื้อของเจ้าสัวรายหนึ่งที่ผูกขาดร้านสวัสดิการในค่ายทหาร มีธุรกิจตลาดนัด สโมสร โรงแรม สนามมวย สนามม้า สถานีโทรทัศน์ บ้านพักตากอากาศ ใช้ที่ดินกองทัพไปจัดสรรให้กำลังพลซื้อบ้าน ใครจะร่วมโครงการกู้เงินซื้อบ้านต้องมีผู้บังคับบัญชาเซ็นให้ ผู้ได้ประโยชน์จากการเอาที่ดินรัฐไปให้กำลังพลคือ ผู้บังคับบัญชาที่สูบเลือดสูบเนื้อจากชั้นผู้น้อย

2.บอร์ดรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง เป็นขุมทรัพย์ที่ทหารมาเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นงานที่ไม่ตรงความชำนาญทหาร ทั้งบอร์ดรถไฟ การท่องเที่ยว ปตท. ธนาคารต่างๆ บางคนเป็นบอร์ดหลายแห่ง งานสบาย ได้เงินหลายตำแหน่งเป็นเส้นทางเศรษฐีนายพล ไม่เคยตรวจสอบได้ 3.งบประมาณกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีหน่วยใดตรวจสอบได้ เป็นต้นเหตุทุจริต มีเงินทอนจัดซื้ออาวุธ ตั้งบริษัทของทหารรับงานในกองทัพ 4.คลื่นวิทยุและโทรทัศน์ของกองทัพ 205 คลื่น ซึ่งมากสุดในประเทศ เป็นเสือนอนกินปล่อยเช่าคลื่น ได้เงินมหาศาล แต่ไม่เคยเปิดเผยเงินค่าเช่าคลื่น รวมถึงค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัล ที่ ททบ.5 ได้ค่าเช่าโครงข่าย 1,008 ล้านบาทต่อปี เป็นเสือนอนกินรับรายได้จากคลื่นวิทยุ-โทรทัศน์มหาศาล และ 5.ขุมทรัพย์ธุรกิจพลังงาน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า โซลาร์ฟาร์ม ที่กองทัพมีกิจการเป็นของตัวเอง ตนจึงเห็นว่าควรถ่ายโอนกิจการต่างๆ ให้มาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของรัฐบาล

จากนั้นเปิดให้สมาชิกอภิปรายแสดงความคิดเห็น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเรื่องการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล โดยชี้ว่าการทำธุรกิจไม่ใช่หน้าที่ของทหาร เพราะไม่เกี่ยวกับความมั่นคงประเทศ และยังทำให้กองทัพเข้าไปพัวพันกับการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ ในลักษณะ “รัฐซ้อนรัฐ”

เปรียบเป็น "เสนาพาณิชย์" ที่เป็นแหล่งรายได้นอกระบบของนายพล กับเครือข่ายอุปถัมภ์ที่อยู่หลังม่านการเมือง ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น ขาดความโปร่งใส แม้แต่องค์กรอิสระอย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือคณะกรรมกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยังน้ำท่วมปาก

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า งบกลาโหมถูกยกเว้นการรายงานอย่างที่ควรจะเป็นตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ต่างจากกระทรวงอื่น “โอ้โฮ ได้อภิสิทธิ์อีก” ซึ่งประชาชนไม่รู้ว่าธุรกิจกองทัพมีรายได้เท่าไร และเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ในฐานะประธานนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เคยทราบหรือเคยใส่ใจหรือไม่ หรือพอทราบแล้วก็อุทานว่า “อุ๊ย ผมรับไม่ได้” ประชาชนเขารับไม่ได้มาตั้งนานแล้วท่านนายกฯ อย่างไรก็ตาม ตนสนับสนุนให้มีการตั้ง กมธ.วิสามัญ รวมทั้งให้จัดการเงินนอกงบประมาณอย่างโปร่งใส ไม่ปล่อยให้เสนาพาณิชย์กลายเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ

หลังอภิปรายเสร็จสิ้นที่ประชุม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา แจ้งว่า เท่าที่ฟังดูแล้วสมาชิกทุกคนเห็นตรงกันให้ตั้ง กมธ.วิสามัญ จึงถือว่าที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่น จำนวน 25 คน โดย กมธ.ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล มีชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มาเป็น กมธ.ด้วย โดยมีระยะเวลาพิจารณา 90 วัน.