“รองนายกฯ สมศักดิ์” มอง ความเห็น ป.ป.ช.เป็นแค่ข้อเสนอ รัฐบาลจะทำตามหรือไม่ก็ได้ ไม่หวั่นซ้ำรอยคดีจำนำข้าว สมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ บอก เศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่ ยันมีตัวชี้วัดอยู่แล้ว

วันที่ 19 ม.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาให้รัฐบาล ว่า ตนเข้าใจว่าเป็นคำแนะนำ รัฐบาลจะทำตามหรือไม่ก็ได้ หากรัฐบาลเห็นว่า หากไม่ทำตามแล้วจะเกิดผลที่ดีกว่า หากดูจากกฎหมาย ที่นำเสนอเข้าไปในที่ประชุม ในมาตรา 35 ซึ่งมาตรา 35 ระบุว่า ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการดำเนินการอย่างไร ในหน่วยงานของรัฐ อันอาจนำไปสู่การทุจริต หรือส่อว่าอาจมีการทุจริต ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบโดยเร็ว และมีมติ ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ทำหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ และคณะรัฐมนตรีทราบ พร้อมด้วยข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข แต่ที่อนุมัติมาเป็นมาตรา 32 ที่ ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี สภาฯ ศาล องค์กรอิสระ หรืออัยการ ได้ ทั้งนี้ขออย่าซีเรียสกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความกังวลใจ ขอสื่อมวลชนอย่าเขียนข่าวไป จนคนที่จะรอได้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทตกใจ แต่ขอให้แสดงข้อเท็จจริงไปตามเนื้อผ้า

เมื่อถามว่าข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ เหมือนกับในโครงการรับจำนำข้าว สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลัวว่าจะเกิดการซ้ำรอยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ผิดอะไร แต่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าว ซึ่งมีเกี่ยวข้องหลายคนหลายรัฐบาล

เมื่อถามว่าขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศวิกฤติหรือไม่ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการตีความวิกฤติหรือไม่วิกฤติ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ที่เขาหาเสียงเขาดำเนินการแล้ว และตัวชี้วัดใด ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ หรือเข้าใจไม่ได้ รัฐบาลก็จะนำออกมาชี้แจงเอง ขออย่าห่วง เพราะเศรษฐศาสตร์มีตัวเลขและตัวชี้วัดอยู่แล้ว ไม่น่าห่วงอะไร

...