“ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์” ชำแหละ 5 ชั้น งบแก้ฝุ่น PM 2.5 บอกน่าผิดหวัง กระจุกอยู่ส่วนกลาง ไม่กระจายไปที่ท้องถิ่น ถามนายกฯ หรือจะให้ทอดผ้าป่า ขายบัตรรำวง เอาเงินมาดับไฟป่า แนะทางออกเดียวคงต้องจุดธูป 16 ดอก ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ภัยธรรมชาติเบาบาง
วันที่ 4 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 9.30 น. ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระแรก วงเงิน 3,480,000 ล้านบาท โดยนายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า น่าผิดหวังที่ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงขอพามาตรวจสอบงบประมาณไปทีละชั้น โดยชั้นแรก เป็นงบกระทรวงสาธารณสุข ที่มีการจัดสรรงบในการจัดการเรื่องนี้เพียงน้อยนิด ทั้งที่มีการพบโรคมะเร็งปอดในภาคเหนือมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่นๆ และยังเป็นประชากรที่สูบบุหรี่น้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ ถึง 10 %
ขณะที่ชั้นที่ 2 เรื่องไฟเกษตร ที่รัฐบาลตั้งเป้าจะลดการเผาไหม้พื้นที่เกษตร 50 % แต่มีการตั้งงบประมาณในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพียง 10% หรือ ตั้งงบไว้แค่ 20,000 ไร่ ทั้งที่มีเป้าหมายไม่เผา 100,000 ไร่ อีกทั้งยังไม่มีการตั้งงบในเรื่องเครื่องมือเกษตร และการรับซื้อซังข้าว ซังข้าวโพด ที่เป็นต้นตอของฝุ่นพิษ
ส่วนชั้นที่ 3 ไฟป่า ซึ่งรัฐบาลมีข้อมูลไฟป่าทั้งหมด แต่ไม่มีการจัดการอย่างจริงจัง โดยไม่มีงบประมาณเรื่องจุดเฝ้าระวังไฟป่า และโดรนดับไฟให้เจ้าหน้าที่ไม่มีชัดเจนในเรื่องนี้ อีกทั้งงบยังกระจุกอยู่ส่วนกลาง ไม่กระจายไปที่ท้องถิ่น
“ท่านนายกรัฐมนตรีจะให้นักการเมืองควักกระเป๋าเอง จัดทำทอดผ้าป่า ขายบัตรรำวง เอาเงินมาดับไฟป่าให้พวกเราเหรอครับ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้ตอบในสภาแห่งนี้ว่าทำไม เราถึงไม่สามารถจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอให้ท้องถิ่นได้ ขอมา 1,709 ล้านบาท ทำไมให้ได้แค่ 50 ล้านบาท” นายภัทรพงษ์ กล่าว
...
นายภัทรพงษ์ ยังกล่าวถึงชั้นที่ 4 เรื่องการพยากรณ์ แจ้งเตือน และการเก็บข้อมูล ที่พบว่าไม่เห็นมีงบด้านเทคโนโลยีเท่าทันประเทศอื่น จึงขอเสนอให้ใช้เทคโนโลยีจัดทำแนวกันไฟ และเซนเซอร์ไฟป่า เพื่อสามารถแจ้งเตือนให้คนท้องถิ่นจัดการได้
ชั้นที่ 5 ศูนย์บัญชาการ คือเรื่องฝุ่นพิษข้ามพรมแดน พบว่ากระทรวงการต่างประเทศไม่มีรายละเอียด มีแค่ตัวชี้วัดลอยๆ จึงตั้งคำถามว่ามีงบประมาณให้เพื่อนบ้านเพื่อจัดการเรื่องฝุ่นพิษหรือไม่
“ผมหวังว่ารัฐบาลจะนำสิ่งที่ผมอภิปรายเสนอแนะในวันนี้ ไปพิจารณาแก้ไขจริงๆ เพราะถ้าจัดงบกันแบบนี้ เรามีทางออกเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้ คือต้องจุดธูป 16 ดอก ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาวนา ให้ภัยธรรมชาติมันเบาบางลงไปเอง ธูปเทียนเท่านั้น ถ้าธรรมชาติปรานี ประชาชนก็พ้นภัย แล้วก็ต้องไปสวดมนต์อ้อนวอน ให้นายทุนเลิกนำเข้าสินค้าที่มาจากการเผาอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า มาถึงวันนี้ รัฐบาลยังไม่มีมาตรการในการซื้อสินค้าเกษตรที่มีจากการเผาให้กับประเทศไทยเลย” นายภัทรพงษ์ กล่าว
นายภัทรพงษ์ ยังกล่าวต่อว่าตนเองและพรรคก้าวไกลจะติดตามการแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีการจัดการล่วงหน้าหรือไม่ ไม่ใช่พอปัญหาเบาบางลงก็ปล่อยปละละเลยเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ดังนั้น เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2567 สิ่งที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่คำอวยพรจากพวกท่าน แต่สิ่งที่อยากจะได้ คืออากาศบริสุทธิ์ ที่จะหายใจได้ ท่านจะมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ได้หรือไม่