“ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เผย รัฐบาลจัดงบปี 67 แบบ “3 ขาด 3 เกิน 1 พอได้” ให้ความสำคัญการพัฒนาวัตถุ มากกว่าการดูแลทรัพยากรบุคคล และการศึกษาของชาติ หวั่นเพิ่มความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ทำให้สังคมแตกต่างมากขึ้น

วันที่ 3 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 12.35 น. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 โดยชี้ให้เห็นว่า กุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การทำให้งบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุดคือ การจัดเรียงลำดับแผนยุทธศาสตร์ โครงการให้เป็นไปตามความจำเป็นเร่งด่วน

โดยเห็นว่างบลงทุนปี 2567 อาจยังไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การพัฒนาคนการพัฒนาประเทศ พร้อมสอบถามนายกรัฐมนตรีว่า งบลงทุนใหม่ที่รัฐบาลได้จัดในปี 2567 นั้นแท้จริงแล้วเท่าใด บางส่วนเกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้วหรือไม่ เพื่อนำมาพิจารณาว่าในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้จริงหรือไม่ 

นายฐากร ชี้ให้เห็นด้วยว่างบรัฐบาลจัดงบในปี 2567 เป็น “งบแบบ 3 ขาด” เพราะรัฐไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนใหม่ เช่น งบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่จะนำมาดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแบบเต็มขั้น โดยเป็นงบประมาณรวมกว่า 25,000 ล้านบาท แต่พบว่าเป็นงบลงทุนเพียง 1,900 ล้านบาทเท่านั้น หรือเพียง 7.79% เท่านั้น 

เช่นเดียวกับ กระทรวงศึกษาธิการ งบประมาณรวมกว่า 320,000 ล้านบาท แต่พบว่าเป็นงบลงทุนเพียงกว่า 13,000 ล้านบาทเท่านั้น หรือคิดเป็น 4.12% ทั้งที่เราควรมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาของประเทศไทยให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะผลการทดสอบคะแนน PISA ของไทยที่ตกต่ำลงมาต่อเนื่องจนอยู่ในระดับท้ายๆ ของอาเซียน

...

และอีกหนึ่งขาด คือ กระทรวงสาธารณสุข งบประมาณรวมกว่า 160,000 ล้านบาท แต่เป็นงบลงทุนเพียงกว่า 13,000 ล้านบาท หรือ 8.43 เท่านั้น 

ขณะที่บางกระทรวงที่สำคัญต่อการพัฒนาคนได้งบประมาณลงทุนน้อยนิด แต่กลับมีบางกระทรวงที่ได้งบ “ส่วนเกิน 3 เกิน” ประกอบด้วยงบของกระทรวงคมนาคม พบว่าเป็นงบลงทุนกว่า 170,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 93.63% ของบประมาณที่ได้รับ ไม่ต่างจากงบของกระทรวงมหาดไทยของพรรคร่วมรัฐบาล พบเป็นงบลงทุนกว่า 110,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.88% ของงบประมาณที่ได้รับ 

ขณะที่ งบกระทรวงกลาโหม เป็นงบลงทุนกว่า 45,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.92% ของงบประมาณที่ได้รับ จึงเห็นว่างบส่วนใดที่สามารถ ชะลอได้ ควรขยายเวลาในการดำเนินการออกไปเพื่อนำเงินส่วนดังกล่าว มาใช้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์สูงสุด และมีประสิทธิภาพต่อประชาชนก่อน

ส่วน 1 พอได้ คือ งบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นงบลงทุนกว่า 84,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71.32% ของงบประมาณที่ได้รับ โดยในส่วนของงบดังกล่าวขอให้งบที่ลงไปในแต่ละจังหวัดเกิดความเป็นธรรม และรัฐบาลควรออกมาชี้แจง เกณฑ์การจัดสรรงบประมาณเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรทุกภาคส่วนของประเทศอย่างแท้จริง

นายฐากร กล่าวอภิปรายสรุปว่า 3 ขาด 3 เกิน 1 พอได้จะสร้างความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ทำให้สังคมแตกต่างกันมากยิ่งขึ้น เพราะขาดการพัฒนามนุษย์ ขาดการพัฒนาด้านการศึกษา งบประมาณมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านวัตถุ จะทำอย่างไรเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีรายได้อย่างมั่นคง อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีมีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนในชั้นกรรมาธิการ เพื่อให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพ มีประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน.