ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ล่วงหน้าหลายวัน และป่านฉะนี้สิ่งที่ผมดีใจและภาคภูมิใจคงจะผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นั่นก็คือการเคาต์ดาวน์ “วิจิตรอรุณ” ที่จะมีการยิงพลุ 9 ชุด และการฉายแสงอย่างสวยสดงดงาม โดยมี พระปรางค์วัดอรุณ เป็นฉากตระการตาอยู่ด้านหลัง ซึ่งมีข่าวว่า CNN จะนำออกเผยแพร่ทั่วโลกเรียงตามลำดับมาจากการเคาต์ดาวน์ของประเทศต่างๆ
ผมหวังว่าภาพที่ออกมาคงจะสวยสดงดงามยิ่งใหญ่อลังการประทับใจชาวโลก ที่จะติดตามเฝ้าชมการถ่ายทอดสดของ ซีเอ็นเอ็น ในครั้งนี้
ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมนั้น คำว่า “วิจิตร” เป็นคำที่ฮิตและยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
โดยเฉพาะ “วิจิตรเจ้าพระยา” อีกหนึ่งโครงการของการท่องเที่ยวร่วมมือกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตกแต่งประดับประดาไฟตามแหล่งที่เป็นจุดสำคัญของ 2 ฝั่งแม่นํ้าเจ้าพระยา กลายเป็นแม่เหล็กใหญ่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทะลักมาสู่ประเทศไทยของเราในช่วงนี้
เป็นนิมิตหมายที่ดีว่า “การท่องเที่ยว” เครื่องยนต์หลักในการนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา และน่าจะยอดเยี่ยมต่อไปอีกทั้งในปีนี้และปีต่อๆไป
ดังนั้นแม้เศรษฐกิจในปี 2566 หรือปีกระต่ายจะไปขยายตัวมากนัก และดูๆไปแล้วอาจจะหดตัวหรืออย่างเก่งก็เสมอตัวเมื่อเทียบกับปี 2565 แต่เราก็ทราบดีว่าเป็นเพราะเครื่องยนต์ด้านการ “ส่งออก” ทำงานแบบไม่เต็มสูบ ทำให้มูลค่าการส่งออกลดฮวบ ซึ่งก็เป็นไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเมื่อปีที่แล้วที่ยังไม่กระเตื้องขึ้น
แถมยักษ์ใหญ่บางประเทศอย่างจีนยังถึงขั้นซวดเซลงไปด้วยซํ้า
อีกเครื่องยนต์หนึ่งได้แก่ การใช้จ่ายหรือการลงทุน “ภาครัฐบาล” ที่ลดลงทำงานไม่เต็มสูบ ก็เป็นเพราะเรามีการเลือกตั้งใหม่
...
มีรัฐบาลใหม่ จึงจัดทำงบประมาณปีใหม่ล่าช้า จนป่านนี้งบประมาณ 2567 ซึ่งควรจะเข้าสภาและออกมาใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่แล้ว เพิ่งจะเข้าสู่การพิจารณาวาระแรกเท่านั้นเอง
การถดถอยทางเศรษฐกิจไทยเมื่อปีที่ผ่านมาจึงอธิบายได้ และไม่ควรตระหนกหรือหวั่นไหวจนเกินไป
โดยส่วนตัวผมเชื่อเหมือนที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าปีนี้ 2567 หรือปีมะโรง เศรษฐกิจโลกน่าจะดีขึ้น สืบเนื่องมาจากการ “ฟื้นตัว” ของสหรัฐฯที่หลังจากเขาแก้ปัญหาเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ
ในขณะที่ประเทศยุโรปอื่นๆก็น่าจะดีขึ้น รวมทั้งจีนเอง ผมก็ว่าน่าจะดีขึ้น แม้หลายๆฝ่ายยังมองด้วยความห่วงใยอยู่ก็ตาม
ถ้าสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ และก็มีบางเสียงบอกว่าไม่น่าจะยืดเยื้อ เพราะสหรัฐอเมริกาผู้สนับสนุนหลักยูเครนก็เริ่มเพลียๆแล้ว
รวมทั้งสงครามในตะวันออกกลางไม่บานปลายออกไปจนเอาไม่อยู่ อันจะเป็นผลให้ราคานํ้ามันพุ่งกระฉูดขึ้นไปอีกละก็ ความเสี่ยงจากปัญหาสงครามทั้ง 2 สงครามน่าจะน้อยลง และทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในภาพส่วนรวมผมยังเชื่อว่าปีหน้ามีสิทธิ์ที่จะเป็นปี “วิจิตรมังกรทอง” หรือ “วิจิตรมะโรง” อันเป็นปีที่ดีขึ้น
สดใสขึ้นกว่า ปีเถาะ หรือ ปีกระต่าย ค่อนข้างสูง
ขอเพียงอย่าให้เกิดภาวะที่คาดไม่ถึงทางการเมืองขึ้นในประเทศไทยเราเท่านั้นเอง อย่าลืมว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยสะดุดหลายต่อหลายครั้งก็คือ ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองนี่แหละ
เขียนมาถึงบรรทัดนี้ทำให้ผมนึกถึงความหวาดกลัวของพี่น้องชาวคริสเตียนที่มักจะเชื่อว่า “เลข 13” ไม่เป็นมงคลและเป็นลางร้ายสำหรับเขา ทำให้ตึกสูงบางตึกในต่างประเทศไม่มีชั้น 13 และโรงแรมบางแห่งก็ไม่มีชั้น 13 หรือแม้แต่ห้องพักเลขที่ 13 ก็ถูกตัดออก
ของไทยเราไม่กลัวเลข 13 ครับ และไม่เคยวิตกหรือหวั่นไหวในเลข 13 แต่อย่างใดทั้งสิ้น
แต่ ณ นาทีนี้เรากลับกลัว “เลข 14” ขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นตัวเลขที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นในปี 2567
ด้วยเหตุผลที่ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ย ณ ที่นี้ เพราะรู้ๆกันอยู่แล้ว
เพี้ยง! ขออย่ามีอาถรรพณ์ใดๆ จาก “เลข 14” นะครับ...
ปี 2567 จะได้เป็นปี “วิจิตรมะโรง” หลายๆสิ่งหลายๆอย่างดีขึ้น โดยเฉพาะ “จีดีพี” ขยายตัวถึงร้อยละ 3.2-3.8 ดังที่ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติคาดหมายไว้.
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม