“เศรษฐา” ตอกย้ำทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มั่นใจราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ ยึดมั่นกฎระเบียบ คิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก ชี้ “ทักษิณ” เป็นนายกฯมา 2 สมัย เคยทำคุณงามความดี ไม่ห่วงฝ่ายค้านซักฟอก รมต.ทุกคนพร้อมแจง ฟุ้ง 314 เสียงเสถียรภาพแน่นปึ้ก “สว.สมชาย” ชงตั้งศาลแผนกบังคับโทษ มีอำนาจชี้ขาดพักโทษได้ “ชัยธวัช” เชื่อ “พิธา” คัมแบ็กถ้ารอดบ่วงคดี ยกเป็นหัวหน้าพรรคดีที่สุดในตอนนี้ จวกรัฐบาลงุบงิบข้อมูลงบฯ 67 วิป รบ.ไม่ยอมเลื่อนไทม์ไลน์ถกงบฯ “นิกร” ยืนกรานที่มา ส.ส.ร. 2 สาย โพลชี้ “พิธา” ยังครองใจนายกฯในฝัน คนหวัง “เศรษฐา” ช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน

สังคมยังคงวิพากษ์วิจารณ์หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตำรวจเกิน 120 วันไปแล้ว ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ย้ำอีกครั้งว่าไม่มีการออกกฎหมายเพื่อดูแลคนๆเดียว เชื่อมั่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดมั่นในกฎระเบียบ

“เศรษฐา” ย้ำไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

...

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์สดในรายการ “เนชั่นทันข่าวเช้า” ทางช่องเนชั่น ทีวี ถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลในปี 2566 ว่า หากให้ประเมินเป็นคะแนนคงไม่ให้ เป็นหน้าที่ที่คนอื่นจะให้ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งก็ทำงานเต็มที่ รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ยังมีนโยบายภาพรวมในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถือเป็นส่วนสำคัญด้วย เมื่อถามถึงผลประเมินที่บางฝ่ายให้คะแนนนายกฯเข้าเกณฑ์สอบผ่าน สะท้อนถึงการทำงานหนักด้วยหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า หากเราทำงานหนักแล้วประชาชนยังเดือดร้อน ลงไปพื้นที่ยังเห็นปัญหา เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนทำเต็มที่ ไม่ใช่แค่ตนทำงานคนเดียว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยกันหมด ปัญหาต้องค่อยๆแก้กันไป เป็นหน้าที่นักการเมืองอยู่แล้วที่อาสามา ทราบอยู่แล้วว่าต้องทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ยังคงเป็นไทม์ไลน์เดิมคือ พ.ค.2567 สำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ใช้เวลาพักผ่อนให้เต็มที่ ระมัดระวังเรื่องการเดินทาง ที่สำคัญคือเมาไม่ขับ ขอให้ทุกคนปลอดภัย และปีหน้าขอให้เป็นปีที่ดีขึ้น ส่วนรัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่

ไม่ออกกฎหมายดูแลใครพิเศษ

ผู้ดำเนินรายการถามถึงการรักษาตัวในโรงพยาบาลครบ 120 วันของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนัก รวมถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้ามาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล มีกระแสข่าวว่านำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับนายกฯ นายเศรษฐาตอบว่า ยังมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เข้ามาด้วย มีการพูดคุยกัน หลายเรื่องที่เราติดตามอยู่ เป็นคดีที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ ประเด็นของนายทักษิณอย่างที่ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ กับโรงพยาบาลตำรวจ มั่นใจว่าเขาไม่ได้ออกกฎระเบียบมาเพื่อดูแลคนๆเดียว ต้องคิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก รวมถึงเชื่อว่าทั้งสองหน่วยงานจะยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย

เป็นนายกฯ 2 สมัยทำคุณความดี

เมื่อถามว่าความพยายามเชื่อมโยงประเด็นของนายทักษิณมาเป็นเรื่องการเมือง จะเป็นแรงกดดันทางการเมืองในปีหน้าหรือไม่ นายกฯตอบว่า ทุกเรื่องคงเป็นประเด็นการเมืองทั้งหมดหากจะโยงกันจริงๆ แต่เรายึดมั่นในกฎระเบียบที่ไม่ได้ทำมาเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าเป็นไปตามกฎแล้วทุกคนมีสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ถูกกล่าวโทษ หรือผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ ท่านเองก็เป็นนายกฯมา 2 สมัย เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมา ท่านก็ได้รับการดูแล แต่เชื่อทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกาที่วางกันไว้ ส่วนเรื่องจะมาเป็นประเด็นทางการเมืองมากน้อยขนาดไหนอย่างไร คงไม่ไปทำนายในส่วนนั้น แต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไขกันไป มีอะไรไม่กระจ่างก็ต้องชี้แจงกันไป แต่เรายึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว

ฝ่ายค้านซักฟอก-รบ.มีหน้าที่ตอบ

เมื่อถามว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงปีหน้า นายเศรษฐาตอบว่า การตรวจสอบเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว หน้าที่เราคือทำงาน แต่หากมีการสอบถามมา หรือถึงขั้นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราก็มีหน้าที่ต้องตอบ ยืนยันไม่มีความหนักใจ ทำงานเอาประชาชนเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนรวมถึงตน ตอบได้อยู่แล้วถึงเรื่องที่เราทำกันมา

314 เสียงเสถียรภาพแน่นปึ้ก

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์เตรียมเข้าร่วมรัฐบาล นายเศรษฐาตอบว่า เป็นคำถามที่ค่อนข้างเปราะบาง พรรคร่วมรัฐบาลทำงานกันมาเต็มที่ มีภารกิจใหญ่ที่เราต้องยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องจะปรับ ครม.หรือไม่นั้น คงต้องดูเรื่องของความเหมาะสม ไม่อยากให้รัฐมนตรีทุกท่านไม่สบายใจ ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี มีอะไรเราคุยกัน ส่วนเรื่องพรรคการเมืองใหม่ที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาลนั้น ปัจจุบันเรามี 314 เสียงอยู่แล้ว เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์มาช่วยโหวตช่วงเลือกนายกฯด้วย อาจมีเรื่องที่เราพูดคุยกันได้บ้างก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต “แต่วันนี้เรามี 314 เสียงแล้วถือว่ามีเสถียรภาพ และทุกพรรคร่วมรัฐบาลเราคุยกันได้ด้วยดี เรื่องของนโยบายพูดคุยกันอยู่ตลอด อาจมีเห็นตรงเห็นต่างกันบ้างเป็นเรื่องปกติ เอาความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง อีกทั้งรัฐมนตรีหลายท่านก็คุ้นเคยกันดี ยืนยันว่าไม่มีปัญหาแน่นอน”

เห็นใจ “พิพัฒน์” ปมค่าแรงขั้นต่ำ

เมื่อถามถึงนโยบายรัฐบาลที่บางเรื่องมีความเห็นแตกต่างกับรัฐมนตรีต่างพรรคการเมือง เช่น เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ จะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายกฯตอบว่า ไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกันถ้าพูดถึงกระทรวงแรงงานก็น่าเห็นใจ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ไม่ได้มีอำนาจไปแทรกแซงไตรภาคีได้ แต่ท่านเองเห็นด้วยกับตนว่ามันขึ้นน้อยเกินไป “ผมไม่มีความสุข และไม่เห็นด้วยที่ขึ้นมาเพียงเท่านี้ เชื่อว่าท่านรัฐมนตรีก็คงไม่เห็นด้วย แต่ท่านก็พยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป”

สว.ชงตั้งศาลแผนกบังคับโทษ

ด้านนายสมชาย แสวงการ สว. ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มีข้อเสนอต่อสังคมเรื่องการพักโทษ มีประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ การแก้ปัญหาคนล้นคุกในต่างประเทศ มักใช้กับนักโทษเฉพาะกลุ่มที่คดีไม่ร้ายแรง ด้วยการให้ลาพักโทษ ลดโทษ อภัยโทษ ปล่อยตัวก่อนกำหนด คุมประพฤติแบบมีเงื่อนไข ไม่ใช้กับนักโทษคดีอาญาร้ายแรง คดีอุกฉกรรจ์ คดีทุจริตคอร์รัปชัน หลักยุติธรรมสากลประเทศที่ได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาสูงจะพิจารณาการลดโทษ พักโทษหรือปล่อยตัว ต้องมีระยะเวลาปลอดภัยของสังคม และต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมในการพิจารณา เช่น เจ้าทุกข์ ญาติ ตำรวจ ราชทัณฑ์ อัยการ แพทย์ ภาคประชาสังคม ฯลฯ โดยศาลเป็นผู้พิจารณาให้มีการลดโทษ พักโทษหรือปล่อยตัวที่เหมาะสม มิใช่ปล่อยให้เรือนจำที่เป็นหน่วยงานบังคับโทษ มีอำนาจกระทำโดยลำพัง มีข้อเสนอแนะเร่งด่วน คือ 1.สมควรแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ และ พ.ร.บ.ให้ใช้ธรรมนูญศาลยุติธรรม กำหนดให้มีศาลแผนกบังคับโทษ มีอำนาจหน้าที่ติดตามผลบังคับโทษ และมีอำนาจพิจารณาพักโทษให้นักโทษเด็ดขาด 2.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาตามหลักยุติธรรมสากล ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรมอย่างเคร่งครัด

เชื่อ “พิธา” คัมแบ็กถ้ารอดบ่วงคดี

ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของพรรค ก.ก.ในเดือน เม.ย.2567 และคดีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก. หากผลออกมาเป็นบวกจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคหรือไม่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในเดือน เม.ย.2567 ต้องมีการเลือกตั้งกก.บห.ชุดใหม่ ที่จะมีวาระการทำงานไปอีก 4 ปี เคยชี้แจงไปแล้วว่าที่ผ่านมาเป็นการเลือกตั้ง กก.บห.และหัวหน้าพรรคชุดชั่วคราว เดือน เม.ย.ปีหน้าอย่างไรก็ต้องเปลี่ยน เพียงแต่คนเก่ายังอยู่ไหม จะมีคนใหม่อย่างไรบ้าง ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งของสมาชิก เมื่อถามว่าถ้านายพิธาไม่มีปัญหาจาก คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายชัยธวัชตอบว่า เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าสมาชิกพรรคจะเลือกนายพิธากลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกรอบ เราอยากให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และเตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่นไปในตัว รวมถึงเตรียมปรับทัพใหญ่หลัง 4 ปีไปด้วย

เป็นหัวหน้าฯดีที่สุดในตอนนี้

เมื่อถามว่ายังไม่ทันนำทัพจะเปลี่ยนตัวอีกแล้วหรือ นายชัยธวัชตอบว่า ต้องบอกว่าดีที่สุดสำหรับพรรค ก.ก. คือมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นบวก เพื่อที่นายพิธาสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่สส.ได้อย่างสมบูรณ์ ตนอยู่ตรงไหนก็ได้ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และคิดว่านายพิธายังเป็นหัวหน้าพรรคที่ดีที่สุดสำหรับพรรค ก.ก.ในตอนนี้ เมื่อถามอีกว่าตั้งเเต่เป็นหัวหน้าพรรครู้สึกว่าไม่ค่อยชอบเล่นบทนี้ เป็นเลขาธิการพรรคอยู่เบื้องหลังดูคล่องตัวทะมัดทะแมงกว่า นายชัยธวัชตอบว่า ถ้าเราคำนึงถึงเป้าหมายของส่วนรวม โดยไม่ได้ยึดเอาเป้าหมายตัวเองเป็นหลัก จะสามารถจัดวางโพสิชั่นแต่ละคน เพื่อสร้างดรีมทีมได้

จวกรัฐบาลงุบงิบข้อมูลงบฯ 67

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่สภาฯยังไม่เข้มข้นด้วย ปิดเทอมไป 1 เดือนกว่า แต่คิดว่าเปิดสภาฯมาปีหน้าต้นปีก็เข้มข้นเลย ด้วยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีข่าวว่ารัฐบาลอาจไม่ยอมเลื่อนตามที่ฝ่ายค้านเสนอ ถ้ารัฐบาลเปิดกว้างไม่กังวลเรื่องการถูกตรวจสอบ การเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณไม่ควรกระชั้นแบบนี้ ควรไปพิจารณาในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ม.ค. จนถึงตอนนี้ สส.ทุกคนยังไม่มีใครได้เอกสารงบประมาณเลย ถ้าส่งมาให้ สส.ในวันที่ 26 ธ.ค.จริงตามที่ฝ่ายรัฐบาลระบุ สส.ทุกคนจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่าน ถ้าต้องพิจารณางบกันในวันที่ 3 ม.ค. ไม่ใช่แค่อ่านอย่างเดียว ถ้าเราจะวิเคราะห์งบประมาณให้ได้ดี ต้องสังเคราะห์ แสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมหลายเรื่อง อาจต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่สามารถทำได้ในช่วงหยุดยาวปีใหม่ ถ้ารัฐบาลไม่ได้กังวลอะไรที่จะถูกตรวจสอบ ไม่ควรกำหนดวันเป็นวันที่ 3 ม.ค. เราขอข้อมูลเป็นไฟล์ดิจิทัลไปก็ไม่ยอมให้อีก คิดว่าบรรยากาศการทำงานแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ปชป.โวแหลกอย่าล้อเล่น “เสี่ยต่อ”

นายชนินทร์ รุ่งแสง ว่าที่รองเลขาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่นอกรอบ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ว่าที่หัวหน้าพรรค ปชป. กำชับ สส.ให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ มีวุฒิภาวะ เน้นใช้ข้อมูลสติปัญญามากกว่าวาทกรรม ทวงคืนความเป็นมืออาชีพ ทั้งในสภาฯ นอกสภาฯตรวจสอบเข้มข้น งานพรรคร่วมฝ่ายค้านปีหน้าวาระงบประมาณ 2567 และอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการวางตัวบุคคลทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ เสริมทัพ ปรับปรุงพรรค ปรับฮวงจุ้ยเรียกศรัทธาความเชื่อมั่น จากสมาชิกหลังเกิดความขัดแย้งไม่เป็นเอกภาพ มอบหมายภารกิจให้รองหัวหน้าภาคแต่ละภาค ลงพื้นที่ทำความเข้าใจสมาชิกพรรค และประชาชน ถึงทิศทางนโยบายของผู้บริหารพรรคชุดนี้ด้วย นายเฉลิมชัยพูดคุยกับแกนนำคนสำคัญของพรรคที่พร้อมจะทำงาน ร่วมกับคณะ กก.บห.พรรคชุดนี้ อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ยืนยันตอบรับจะมาทำงานกับพรรคแล้ว ขอเตือนว่าอย่าล้อเล่นกับฝ่ายค้านในยุคที่มีนายเฉลิมชัยเป็นหัวหน้าพรรค เชื่อว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้น หลังการทำงานของคณะ กก.บห.พรรคชุดใหม่ ใน 3-6 เดือนแรก

วิป รบ.ไม่เลื่อนไทม์ไลน์ถกงบฯ

นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและเลขานุการวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ไม่เลื่อนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ออกไปจากวันที่ 3-5 ม.ค. ตามที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เสนอว่า ไม่มีอะไร เนื่องจาก ตารางเวลามีการพูดคุยและเสนอจากคณะรัฐมนตรี หากเลื่อนไปอีก 1 สัปดาห์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับงบประมาณปีถัดไปที่ต้องทำแล้วหรือไม่ รวมถึง ครม.ล็อกวันที่ 3-5 ม.ค.ไว้แล้ว จะมาร่วมรับฟังได้มากกว่า หากมีอะไรต้องตอบก็จะตอบได้สะดวกกว่า แต่หากเลื่อนไปอีก 1 สัปดาห์อาจกระทบกับงานที่ลงตารางไว้แล้ว เมื่อถามว่าเอกสารงบประมาณที่จะส่งถึงมือ สส. ในวันที่ 26 ธ.ค. สส.จะศึกษาทันหรือไม่ นายศรัณย์ตอบว่า ทุกคนพูดเหมือนกันว่าเวลาน้อย แต่เป็นผลมาจากงบประมาณปีนี้ล่าช้ากว่าปกติมากๆ และด้วยตารางที่ ครม.วางไว้ หากเลื่อนไปเรื่อยๆ อาจกระทบกับงบประมาณปีต่อไปด้วย เป็นเหตุผลที่เลื่อนการพิจารณาออกไม่ได้

“บิ๊กป้อม” ร่วมพิธีครุฑธาภิเษก

ที่มณฑลพิธี วัดครุฑธาราม จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีมหาพุทธา ภิเษกและครุฑธาภิเษก มีพระพรหมวัชรเมธี เจ้าคณะภาค 9 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นประธาน พิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระเกจิคณาจารย์ 36 รูปจากทั่วประเทศ ร่วมเมตตานั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลพญาครุฑ รุ่น “สมบัติแผ่นดิน 140 ปี ไปรษณีย์ไทย” มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว อดีต รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค พปชร. และสมาชิกพรรค พปชร. ร่วมพิธี ทั้งนี้เป็นการจัดทำขึ้นเพื่อสืบสานตำนานศิลป์ปฐมบท “ครุฑยุดแตรงอน” สัญลักษณ์กรมไปรษณีย์โทรเลข จำลองจากประติมากรรมที่ประดับ บนอาคารไปรษณีย์กลาง

“นิกร” ยืนกรานที่มา ส.ส.ร. 2 สาย

อีกเรื่อง นายนิกร จำนง ประธานอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีทนายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกให้ความเห็นต่อข้อเสนอที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 100% ว่า ชุดอนุฯรับฟังความเห็นฯเคยรับฟังความเห็นนี้จากชุดอนุฯที่มีนายพริษฐ์เป็นประธานแล้ว แต่เราเห็นว่าการได้มาซึ่ง ส.ส.ร.ที่เราเสนอ ก็มาจากประชาชนทั้งหมดเช่นกัน คือเป็นตัวแทนจาก 77 จังหวัดผ่านการเลือกตั้งโดยตรง และมาจากกลุ่มหลากหลายของประชาชน 5 กลุ่ม กลุ่มนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ที่เป็นส่วนน้อยเพียง 23 คน มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม ผ่าน สส.ที่มาจากประชาชน และ สว.ที่มาจากการเลือกตั้งของกลุ่มอาชีพของประชาชนเช่นกัน ไม่ใช่ สว.ชุดปัจจุบัน การให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีส่วนด้วย เพื่อป้องกันการถูกร้องว่าไม่ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปี 2564 แต่แนวทางของคณะอนุฯยังไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ต้องรอชุดใหญ่และคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อนำรอไปบรรจุในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ถ้าประชามติของประชาชนเห็นชอบให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สุดท้ายร่างแก้ไขนั้นจะไปยุติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ที่น่าจะมีนายพริษฐ์และพรรคก้าวไกลอยู่ในนั้นด้วย ยังมีทางเดินอีกยาวไกล ช่วยประคับ ประคองกัน

โพลชี้ “พิธา” ยังครองนายกฯในฝัน

วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่องการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาสปี 2566 ระหว่างวันที่ 13-18 ธ.ค. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 2,000 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 39.40 ระบุว่าเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพราะมีความเป็นผู้นำ เป็นคนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ดี บุคลิกดี เข้าถึงประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 22.35 เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน เพราะมีความรู้ความสามารถ ตรงไปตรงมา และชื่นชอบพรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 18.60 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 44.05 เป็นพรรคก้าวไกล อันดับ 2 ร้อยละ 24.05 เป็นพรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.10 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้

หวังนายกฯช่วยแก้หนี้ในระบบ

ด้านสำนักวิจัยซูเปอร์โพลเปิดผลการศึกษา เรื่องความหวังกับความกลัว ปีหน้า กรณีศึกษาตัวอย่าง ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพในเขตกรุงเทพ มหานคร อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,134 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-23 ธ.ค. พบว่าความหวังที่จะได้จากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ร้อยละ 51.7 คือการแก้ไขหนี้ในระบบ ร้อยละ 51.3 แก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ 50.6 แจกเงินหมื่น รองลงมาการแก้ไขปัญหาภัยไซเบอร์ คอลเซ็นเตอร์ แก้ไขหนี้นอกระบบ และ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ เมื่อถามถึงความฝันอยากได้ของประชาชนจากนายเศรษฐา ร้อยละ 45.3 ระบุว่าอยากได้รถยนต์คันใหม่ รองลงมา อยากได้สิทธิประกันสังคม สถานพยาบาลแห่งใหม่ ได้ขึ้นเงินเดือน ได้บ้านหลังใหม่ อยากมีงานทำ มีรายได้เสริม ได้การศึกษาใหม่ เปลี่ยนงานใหม่ และอยากได้คนรักใหม่ และส่วนใหญ่ร้อยละ 74.3 ระบุว่ามีความหวังที่จะก้าวต่อไปในปีหน้า ขณะที่ร้อยละ 25.7 มีความกลัว

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่