รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ผุดมาตรการของขวัญปีใหม่ให้ทุกกระทรวงจัดกิจกรรมมอบให้ประชาชนกันกระจัดกระจาย ลดภาระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสาร ลดราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นการชดเชยความเดือดร้อนในการอุปโภคบริโภคอยู่แล้ว สมมติจะแจกเงินปีใหม่ให้คนไทยคนละ 500 หรือ 1,000 บาทไปใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชาวบ้านน่าจะฮือฮากว่า เป็นมาตรการระยะสั้นแต่ได้ในแง่มุมของขวัญและกำลังใจ
ปัญหาความยากจน ที่รัฐจะต้องหาทางแก้ให้ถูกจุดและเร่งด่วนกว่าการถดถอยของเศรษฐกิจประเทศก็คือ ความยากจน อย่างถาวรของภาคการเกษตรที่เป็นรากฐานของประเทศ ตัวเลขจากสำนักงานสถิติ พบว่าปัจจุบันเรามี แรงงานนอกระบบอยู่ 21 ล้านคน จากผู้ใช้แรงงานทั้งหมด 40 กว่าล้านคน ในจำนวน 21 ล้านคนอยู่ในภาคการเกษตร ถึง 10 กว่าล้านคน และในจำนวน 10 กว่าล้านคน เป็นผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีถึงกว่า 5 ล้านคนในจำนวนกว่า 5 ล้านคน เป็นแรงงานนอกระบบถึง 4.4 ล้านคน
เป็นคำตอบว่า ทำไมเศรษฐกิจถึงถดถอยต่อเนื่อง เพราะราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง การส่งออกสินค้าการเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของคุณภาพชีวิต และคุณภาพการผลิตสินค้าการเกษตร ที่อยู่ภายใต้กำลังการผลิตของแรงงานที่อยู่ในสภาวะเสื่อมถอยและถดถอย จะไปเอาคุณภาพมาจากไหน
ของขวัญปีใหม่ ที่รัฐควรจะเร่งดำเนินการคือ การสร้างคุณภาพสำหรับฐานรากของประเทศ ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาก่อน ถ้ารากฐานของประเทศไม่มั่นคง ฐานกลางและฐานบนก็ไปไม่รอด ต่อให้ ซอฟต์พาวเวอร์ จะมีการผลักดันสุดฤทธิ์สุดเดชแค่ไหน ก็ไปไม่ถึงฝันอยู่ดี
วันก่อน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ โชว์ผลงาน เกษตร 99 วันทำได้จริง ตั้งเป้าว่า พี่น้องเกษตรกรต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี ด้วยคงนโยบายขับเคลื่อนด้วยโครงการพระราชดำริ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเกษตร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วนของภาคการเกษตร เตรียมรับมือภัยพิบัติ โรคระบาด เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำในช่วงวิกฤติภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง วางแผนรับมือในฤดูแล้งเอาไว้ล่วงหน้า เพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำธรรมชาติ
...
สร้างรายได้ สร้างโอกาส และ สร้างคุณภาพชีวิต ตามหลักกองทัพเดินได้ด้วยท้อง มีการเพิ่มที่ทำกินให้กับเกษตรให้สามารถสร้างผลผลิตให้ได้มากที่สุด ยกระดับการใช้สิทธิในที่ดินจากเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 การปราบปรามสินค้าเถื่อนที่เข้ามาทำลายการตลาดและแทรกแซงกลไกลราคาสินค้าการเกษตร ส่งผลกระทบกับเกษตรกรโดยตรง ยกตัวอย่างเรื่องของราคายาง หลังจากที่มีการประสานงานระหว่างผู้แทนการค้าไทย ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กับบริษัทผู้นำเข้าส่งออกสินค้ารัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของจีน ไม่เฉพาะผลไม้เช่นทุเรียนเท่านั้นที่เป็นที่นิยมและมีมูลค่าสูง
ยังมีการร่วมมือนำผลผลิตยางพาราไปสู่การแปรรูป ซึ่งจีนมีการมาลงทุนตั้งโรงงานยางรถยนต์ในประเทศไทย ที่มีความต้องการใช้วัตถุดิบยางพาราของไทยถึง 1.5 แสนตันต่อปี ล่าสุดทำให้ราคายางรมควันมีราคาเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 56.25 บาท ดังนั้น การสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกรที่เป็นฐานรากของประเทศน่าจะเกาถูกที่คันกว่า.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ "คาบลูกคาบดอก" เพิ่มเติม