“แลนดิ้ง” ได้นิ่มๆระดับเดียวกับเครื่องบินยักษ์โบอิ้ง 747 หรือแอร์บัส 380

เปรียบเทียบกับวิถีของทหารเฒ่าอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุดได้รับโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งองคมนตรี ลงหลังเสือ ปิดฉากการเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ

และก็แทบไม่ต้องพูดถึงโอกาสรีเทิร์นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แบบที่ “เดอะป๊อก” นายปิยบุตร แสงกนกกุล หัวขบวนคณะก้าวหน้า ตั้งแง่เป็นเชิงดักทาง “บิ๊กตู่” จะหวนมานั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่งฝ่ายบริหารได้อีกหรือไม่ เพราะยังเป็นแคนดิเดตนายกฯของค่ายรวมไทยสร้างชาติ

ตามฟอร์มของฝ่ายต้านอำนาจทหารเฒ่ายังหวาดระแวง

แต่ด้วยเงื่อนไขสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามพลวัตของคนรุ่นใหม่ แรงต้าน 3 ป. ที่สะท้อนจากการเลือกตั้งใหญ่

ประกอบกับมุมของ “อำนาจนอกเหนือการเมือง” ที่ถูกจำกัดระยะห่างจากเกมอำนาจของนักการเมืองอาชีพ

“บิ๊กตู่” ลอยลมบนไปแล้ว คงไม่ลดเพดานบินลงมาเสี่ยงแน่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

...

และก็ไม่ได้มีเค้าลางอะไร หรือต่อให้จับพลัดจับผลูนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จะพลาดสะดุดหัวคะมำ จากฟอร์มที่ชอบทำปืนลั่นใส่หัวแม่เท้าตัวเอง พลังแบ็กอัปเบื้องหลังเอาไม่อยู่

ก็ไม่ใช่ “บิ๊กตู่” ที่จ่อเสียบแทนซะที่ไหน

เพราะตามลำดับไหล่ ยังต้องไล่ตามคิวถัดไป อันดับแรกเลยก็คือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แคนดิเดตเบอร์หนึ่งนายกฯในบัญชีของทีม “นายใหญ่” ดีเอ็นเอสายตรง พลังส่งแรงสูงจากชั้น 14

หลุดมาก็ยังเป็นคิวของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย แคนดิเดตนายกฯของค่ายภูมิใจไทย ในฐานะพรรคอันดับสอง ถัดจากนั้นก็ยังเป็นสิทธิของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ที่ลุ้นรถขนส้มคว่ำใส่

“อุ๊งอิ๊ง-เสี่ยหนู-บิ๊กป้อม” หลุดมานั่นแหละ ถึงจะเป็นคิวของ “บิ๊กตู่” ที่นั่งแคนดิเดตนายกฯในบัญชีค่ายรวมไทยสร้างชาติ โอกาสทำแฮตทริก รีเทิร์นนายกฯแทบจะเป็นศูนย์

นี่ว่ากันในมุมของสภาชุดนี้ ไม่ได้มองถึงเกมอำนาจการเมืองในอนาคตข้างหน้า ที่พูดได้เลยว่า “บิ๊กตู่” หลุดจากสารบบการเมืองไปแล้ว ตามแนวโน้มสถานการณ์เกมของนักเลือกตั้งอาชีพก็ตัดคู่แข่งสำคัญไป

ตามเงื่อนไขที่ผูกโยงกับสถานะของพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อไร้หัว ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนางกวักเรียกแขก ก็ยากจะไปต่อในการเลือกตั้งรอบต่อไป

ถึงเวลารูดม่าน แยกย้ายทางใครทางมัน

โฟกัสในขบวนของ “ฝ่ายจารีต” ก็จะเหลือ “อุ๊งอิ๊ง” ที่ขึ้นแท่นเป็นตัวความหวังในอนาคต หลังจากพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนหัว แต่งตัวใหม่ให้ดูทันสมัย

เอาคนรุ่นใหม่เป็นหัว ไปสู้กับพรรคของคนรุ่นใหม่

ขณะที่ทีมเกรียนเซราะกราว ค่ายภูมิใจไทย ก็เล่นได้แค่บทของจอมเสียบ เป็นชุมสิงห์ แดนเสือ เน้นล็อกแต้มชัวร์ของบ้านใหญ่

วทันยา บุนนาค
วทันยา บุนนาค

รอฟลุก ลูกเข้าทาง “เสี่ยหนู” ได้เป็น “ตาอยู่” คว้าพุงปลากิน

ส่วนค่ายประชาธิปัตย์ยังต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกนาน ตามสถานการณ์ที่ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ขันอาสามากู้บ้านกู้เมือง เปลี่ยนหัวเป็นคนรุ่นใหม่หน้าตาสะสวย แทนหน้าเก่าๆที่กร้านไปด้วยร่องรอยเขี้ยวเล็บจากสงครามการเมือง

เสียงตอบรับภายนอกดี แต่คะแนนในพรรคยังต้องลุ้น

แต่ที่ขายคนรุ่นใหม่สู้ยี่ห้ออื่นลำบาก เพราะภาพมันชัดว่าเป็นป้อมค่ายการเมืองทหาร ตามเกมพรรคพลังประชารัฐคงต้องปรับหมากใหม่ขายของเก่า คนดังๆมือดีๆยังอยู่กันพร้อมหน้า เสบียงยังแน่น

พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

รีโนเวต ลดพื้นที่เป็นพรรคขนาดกลาง ถึงจุด “บิ๊กป้อม” น่าจะถอยไปอยู่ฉากหลัง สลับให้น้องรักสายตรงอย่าง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตนายทหารผู้มากบารมีในหลายวงการ ที่ยังหน้าสดสุดในทีมบ้านป่ารอยต่อฯ ไม่มีรอยด่างพร้อย มานำทัพแทน

แผน “บิ๊กบราเธอร์” บล็อก “กบฏผู้กอง” ไม่ให้ยึดค่าย

ตามจังหวะ “บิ๊กตู่” แลนดิ้งนิ่ม ในสถานการณ์ “ฝ่ายจารีต” ที่ต้องรวมพลัง ตรึงพื้นที่สู้กับกองทัพส้มของคนรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายกำแพง 112 ให้พุ่งชน เป็นไฟต์บังคับ

พรรคก้าวไกลต้องกรีธาทัพ ยึดสนามเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียว.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม