อีกไม่กี่วันจะถึงวันดีเดย์ 15 ธ.ค. อนุญาตให้สถานบริการเปิดได้ถึงตี 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว แต่การดำเนินงานของรัฐบาลค่อนข้างล่าช้า ที่ประชุม ครม.สัปดาห์ที่แล้วเพิ่งอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทยกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ นำร่องให้สถานบริการที่ตั้งอยู่ใน 1.โรงแรม 2.ห้าพื้นที่ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดได้ถึงตี 4

กรอบกว้างๆที่สาธารณชนรับทราบมีเพียงแค่นี้ แต่ยังไม่รู้เลยว่าในห้าพื้นที่นำร่องดังกล่าวมีจุดไหนบ้างที่เป็นโซนนิงเปิดได้ถึงตี 4 แล้วผู้ประกอบการจะตั้งตัวทันได้อย่างไร หรือจะให้ใช้โซนนิงเดิมที่ทำไว้เมื่อ 20 ปีก่อนก็ล้าสมัยไปเสียแล้ว เช่น ในกรุงเทพฯ มีโซนนิงแค่ 3 จุด บริเวณถนนรัชดาภิเษก ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และซอยพัฒน์พงศ์

14 องค์กรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ อาทิ สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร สมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มผู้ประกอบการผับ บาร์ คาราโอเกะ ฯลฯ เคยเสนอความเห็นถึง นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ให้กำหนด พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวยามค่ำคืน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นจุดหมายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการสังสรรค์และความบันเทิงยามค่ำคืน ประกอบด้วย

...

1.ถนนรัชดาภิเษก ถนนสุขุมวิท (ซอยสุขุมวิท 11 ซอยคาวบอย ซอยนานา ซอยทองหล่อ และซอยเอกมัย) กรุงเทพฯ 2.ซอยบางลา จ.ภูเก็ต 3.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 4.หาดเฉวง เกาะสมุย และหาดริ้น เกาะ พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 5.เขาหลัก จ.พังงา 6.อ่าวนาง จ.กระบี่ 7.เมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 8.เมืองหาดใหญ่ เมืองสะเดา จ.สงขลา 9.ถนนนิมมานเหมินท์ จ.เชียงใหม่

ถ้าต้องการให้การกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเกิดประสิทธิภาพมากกว่านี้และกระจายอย่างทั่วถึง ผมว่าไม่ควรจำกัดเฉพาะสถานบริการตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 แต่ควรเปิดกว้างให้ สถานประกอบการอื่นที่คล้ายสถานบริการ ซึ่งจดทะเบียนในรูปแบบร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ เมื่ออยู่ในเขตโซนนิงก็ควรได้รับอนุญาตให้เปิดถึงตี 4 ด้วยเช่นกัน

ท่านนายกฯเป็นคนทำธุรกิจย่อมรู้ดีว่า ถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายได้ก็คงไม่มีใครอยากเลี่ยงกฎหมาย แต่ขั้นตอนการจดทะเบียนสถานบริการในบ้านเรายุ่งยากซับซ้อน และนิยามสถานบริการก็ล้าสมัยไม่สอดคล้องกับสภาพการประกอบการในปัจจุบัน ทำให้จำนวนสถานประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้องมีจำนวนเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ ควรแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบการ เพื่อทำให้โซนนิงท่องเที่ยวเป็นไปอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม โดย ยกเลิกประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างเวลา 14.00–17.00 น. และระหว่างเวลา 00.00-11.00 น. เพื่อให้ สถานประกอบการ ทุกประเภท ทั้งร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถานบริการ สถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ สามารถให้ขายและบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

ทุกวันนี้บริบททางสังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 14.00-17.00 น. แทบจะไม่เกิดประโยชน์อะไร ในเมื่อนักท่องเที่ยวลางานมาเที่ยวไทย ต้องการสนุกผ่อนคลาย แต่กลับต้องเสียอารมณ์ที่หาเหล้าเบียร์ดื่มตอนบ่ายไม่ได้ ต่างชาติมาเที่ยว ไม่ได้มาทำงาน อยากดื่มเวลาไหนก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนคนไทยจะมีสักกี่คนเชียวที่เมาหัวราน้ำอู้งานหนีไปหาเหล้ากินกลางวันแสกๆ

ประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 14.00-17.00 น. ยกเลิกได้ก็เลิกเถอะ

ขณะที่กฎหมายที่ภาครัฐควรบังคับใช้อย่างเข้มงวดคือ การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือผู้ที่มึนเมา จนครองสติไม่อยู่ คุมเข้มห้ามเมาขับ และมาตรฐานความปลอดภัยของสถานประกอบการ อย่าให้แออัดจนเกิดโศกนาฏกรรมอีกเลย

รวมถึงต้องปลอดอาวุธและยาเสพติด.

ลมกรด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม