"คมนาคม" เร่งแก้ส่วยทางหลวง "สุริยะ" ยัน ยุคนี้ต้องไม่มีส่วยสติกเกอร์ จ่อ แก้กฎหมายเพิ่มโทษ ปรับรถบรรทุกน้ำหนักเกินจาก 1 หมื่นบาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท จ่อ ออกประกาศกระทรวงฯ เพิ่มอำนาจ บช.น.จับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน


วันที่ 23 พ.ย. 2566 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหารือเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกิน ว่า จากข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบพบว่ามีรถบรรทุกน้ำหนักเกินจริง และมีข้อบกพร่องในโครงสร้างและกระบวนการในการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้นจึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา สามารถป้องกันปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น โดยจะเร่งผลักดันการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน รวมถึงเร่งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการแก้ไขบทเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิด จากเดิมหากบรรทุกเกินจะถูกปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำและปรับ จะแก้กฎหมายมีโทษปรับเป็นขั้นบันได ตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท ส่วนขั้นตอนกระบวนการแก้กฎหมายรอเสนอสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะประการกระทรวง คาดว่า จะมีผลบังคับภายใน 1 ปี

...

นอกจากนั้นในส่วนของรถบรรทุกที่วิ่งเข้าในเขต กทม.และปริมณฑล ที่มีหลายฝ่ายสังเกตว่า วิ่งเข้ามาก และเกือบทุกช่วงเวลานั้น และเพื่อให้การควบคุมเป็นไปประสิทธิภาพ ในเรื่องนี้ กฎหมายกำหนดเวลาเข้าออกของรถบรรทุกยังมีอยู่ แต่ตาม พ.ร.บ.ทางหลวงฯ ไม่ได้ให้อำนาจจราจรใน กทม. จับปรับรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินจะมีอำนาจจับแค่ รถเข้าออก กทม. นอกเวลากำหนด ดังนั้น ตนในรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีอำนาจในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่พนักงานให้มีอำนาจในการจับกุม จะลงนามในการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตำรวจจราจรให้มีอำนาจจับกุม โดยจะส่งเรื่องไปยัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.


"ยืนยันว่า ในยุคที่ผมดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมจะไม่มีเรื่องส่วยทางหลวงอย่างเด็ดขาด หากมีการนำเทคโนโลยี และแก้ไขกฎหมายเรื่องปรับบทเทียบปรับสูงขึ้น มั่นใจว่า จะไม่มีผู้ประกอบการรายใด ที่จะกล้ากระทำความผิด เพราะไม่คุ้มที่จะเสียเงินจำนวนมาก ซึ่งหากทำสำเร็จจะช่วยลดงบประมาณการซ่อมบำรุงภาครัฐโดยเฉพาะกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช) ลงได้จากที่ปัจจุบัน ทล.ต้องใช้งบซ่อมแซมถนนพังกว่า 20,000 ล้านบาท ทช.กว่า 18,000 ล้านบาท"

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายจะเป็นการแก้ พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไข ปี 49 มาตรา 61 ที่บัญญัติว่า น้ำหนักรถบรรทุกต้องไม่เกินกำหนด หากฝ่าฝืนจะผิด ตามมาตรา 73/2 โดยจะมีบทลงโทษ 10,000 บาทหรือทั้งปรับและจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ก็จะแก้ตามมาตรา 73/2 เพิ่มบทลงโทษปรับให้มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มมากขนาดไหนต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ระหว่างการแก้ไขทางหลวงก็จะใชเทคโนโยลีมาใช้ร่วมในการปราบปราม กวดขัน ด้วยการนำเทคโนโลยี AI พร้อมกล้อง CCTV มาช่วยประเมินรถบรรทุกที่มีแนวโน้มบรรทุกน้ำหนักเกิน การบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง กรมทางหลวงชนบท เพื่อช่วยในการติดตามจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน และการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล Call Center เรื่องร้องเรียนรถบรรทุกน้ำหนักเกิน