“ทิม พิธา” เผยแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่ว ฉบับพรรคก้าวไกล ชี้ ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม ย้ำ เดินหน้าทำเต็มที่ในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก เพื่อประชาชน
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีความเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “น้ำมันรั่ว : ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม” มีเนื้อหาว่า ตลอดการทำงานการเมือง มีโอกาสมาภาคตะวันออกหลายครั้ง และได้รับทราบข่าวน้ำมันรั่วในทะเลอยู่เนืองๆ ทั้งในพื้นที่อุตสาหกรรมจังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรี
ทั้งนี้ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว น้ำมันรั่วครั้งใหญ่กระทบกับเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ปีที่แล้วน้ำมันรั่วครั้งใหญ่อีกครั้ง กระทบกับชายหาดอันสวยงามของจังหวัดระยอง ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา น้ำมันรั่วที่จังหวัดชลบุรี มีพี่น้องเอาภาพเอาหลักฐานมาให้ดู ทั้งประมงพื้นบ้าน ฟาร์มหอย ท่องเที่ยว ซึ่งตนได้คุยแลกเปลี่ยนสอบถามประสบการณ์ปัญหาที่พบ ก็ยิ่งรู้สึกถึงความลำบากคับข้องใจที่ต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดดังกล่าว
นายพิธา ระบุต่อไป เมื่อพูดถึงการชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ก็ต้องรอจากผู้ประกอบการ ถ้าผู้ประกอบการไม่ให้ก็ต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันเอาเอง ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้กินเวลานานนับสิบปีกว่าคดีจะสิ้นสุด จนอาจเรียกได้ว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม ซึ่งตนหาข้อมูลที่มีการรวบรวม พบว่าตั้งแต่ปี 2558 มีกรณีน้ำมันรั่ว หรือการพบก้อนน้ำมันทั่วประเทศไทยไปแล้วกว่า 145 กรณี และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พี่น้องชาวภาคตะวันออก รวมทั้งที่ชลบุรีและระยอง ให้ความไว้วางใจเราอย่างท่วมท้น เพราะสิ่งที่เราเคยทำ อาทิ การรับฟังปัญหา การร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมต่อสู้เรียกร้องเคียงคู่กับพี่น้องประชาชน รวมถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ คือ การใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎร และสิ่งที่เราจะทำหากมีอำนาจ คือการเป็นรัฐบาล
...
ขณะเดียวกัน นายพิธา เผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของพรรคก้าวไกล ดังนี้
1. คณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งพรรคก้าวไกลเป็นประธาน ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการใช้กฎหมายและติดตามการแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อีอีซี (EEC) และตั้งคณะทํางานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปริมาณน้ํามันรั่วไหล จํานวนการใช้สารเคมีกําจัดคราบน้ํามัน วิธีการกําจัดคราบน้ํามัน และแนวทางในการฟื้นฟูอ่าวระยอง
2. เปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใสและทราบปริมาณที่แท้จริง พรรคก้าวไกลสนับสนุนและผลักดันกฎหมาย PRTR กฎหมายการรายงานและเปิดเผยการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ ทำให้เกิดการเปิดเผยข้อมูล ทั้งจำนวนน้ำมัน และสารเคมีที่ใช้กำจัดน้ำมัน
3. การสอบสวนว่าการดำเนินการขนถ่ายน้ำมัน และการจัดการรับมือกรณีน้ำมันรั่วในกรณีนี้ ปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติหรือเงื่อนไขตาม EIA หรือไม่ และหากไม่เป็นไปตามวิธีปฏิบัติจะต้องรับผิดชอบและหาแนวทางแก้ไขต่อไป
4. การชดเชย เยียวยา และฟื้นฟู เพราะปัจจุบันพี่น้องประมงพื้นบ้านยังไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา แม้ว่าจะผ่านเวลามา 2 เดือนครึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีกลไกที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะต้องมีกระบวนการฟื้นฟูระบบนิเวศและวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน เพื่อให้สามารถกลับมาทำประมงได้อีกครั้งโดยเร็วและยั่งยืน
5. ผลักดันการจัดตั้งกองทุนในการประกันความเสียหายล่วงหน้า โดยที่ผู้ประกอบการต้องวางเงินไว้ก่อน ซึ่งเราจะแก้ไขใน พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
6. สนับสนุนการทำหน้าที่เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของประชาชน ทั้งกองทุนเฝ้าระวังติดตามสิ่งแวดล้อม และการคุ้มครองสิทธิของนักต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการฟ้องปิดปาก (SLAPP)
7. ศึกษาและวิเคราะห์การดำเนินการโครงการอื่นๆ ของรัฐที่ขยายออกไปในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายน้ำมัน และอาจมีน้ำมันที่รั่วไหลได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายพิธา ยังทิ้งท้ายด้วยว่า “สิ่งเหล่านี้คือการทำงานของพรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก ที่เราจะเดินหน้าทำกันอย่างเต็มที่ต่อไป เพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน”.