ประธานคณะก้าวหน้า ชี้ หากมี 5 แสนล้านบาท สามารถสร้างรถเมล์ไฟฟ้าได้ทุกจังหวัด เกิดระบบแพทย์ทางไกล น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ โรงเรียนถูกเพิ่มงบ และมีการจัดการขยะ ยันทำได้แบบงบประมาณปกติ เป็นจริงได้ภายใน 8 ปี 

วันที่ 17 พ.ย. 2566 เมื่อเวลา 15.00 น ที่อาคารอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวบรรยายสาธารณะ “ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน” โดยนายธนาธร กล่าวว่า ปัจจุบันจีดีพีไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีขีดความแข่งขันไม่ได้เท่ากับประเทศเพื่อนบ้านและโลก สืบเนื่องมาจากคนไม่มีงานที่มั่นคงทำ เช่นในภาคเกษตร ทำให้คนไม่กล้าฝัน กล้าเสี่ยง 

ถ้าหากตนเองมี 5 แสนล้านบาทอยู่ในมือ ตนเองจะพัฒนาด้านคมนาคม ในเรื่องรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ทุกอำเภอ โดยใช้งบ 88,000 ล้านบาท ระบบสาธารณสุข เพื่อสร้างระบบแพทย์ทางไกล หรือ เทเลเมดิซีนทั่วประเทศ 60,000 ล้านบาท น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ 67,000 ล้านบาท การศึกษา เพื่อลงทุนเพิ่มศักยภาพโรงเรียน 121,000 ล้านบาท และสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดการขยะทั่วประเทศ 120,000 ล้านบาท 

...


นายธนาธร กล่าวว่า เรื่องการแพทย์ต้องติดตั้งระบบเทเลเมดิซีนทุกหมู่บ้าน จะทำให้ลดการเดินทางของผู้ป่วยได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล แต่หากเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพค่อยพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล โดยข้อมูลทุกอย่างจะเก็บในคลาวด์ โดยมี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล รวบรวมข้อมูล ถือเป็นการตรวจสุขภาพเบื้องต้นได้ ส่วนเรื่องการพัฒนาระบบคมนาคม นายธนาธร ระบุว่าการเดินทางคือการเพิ่มโอกาสของชีวิต หากพัฒนาระบบสาธารณะ จะเกิดการจ้างงานขนาดใหญ่ และเกิดเศรษฐกิจข้างทาง  และยังช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ส่วนเรื่องน้ำประปา ต้องเป็นสิทธิพื้นฐาน ซึ่งการใช้งบ กว่า 6 หมื่นล้านบาทถือว่าถูกที่สุด อีกทั้งโรงงานผลิตสมาร์ตมิเตอร์ยังอยู่ในประเทศไทย ถือเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมในไทย และเชื่อว่าอีกไม่กี่ปี ทั่วโลกจะเปลี่ยนเป็นสมาร์ทมิเตอร์ทั้งหมด 

ขณะที่เรื่องบ่อขยะทั่วประเทศ ตนเองเชื่อว่ากว่า 80 % ในประเทศไทย ไม่ได้มาตรฐาน โดยวิธีการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพต้องแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ส่วนโรงเผาขยะต้องดึง Know-how จากเดนมาร์ก และญี่ปุ่นมาร่วมบริหารจัดการ ซึ่งเป็นประเทศที่ทำเรื่องดังกล่าวได้ดี ก่อนจะต่อยอดสร้างเองในอนาคต ส่วนในเรื่องการเพิ่มศักยภาพโรงเรียน ต้องทำให้โรงเรียนของลูกหลานมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ครบครัน โดยข้อมูลจากสถิติแห่งชาติ พบว่าการศึกษาฟรีในประเทศไทยนั้นไม่มีจริง โดยทุกระดับชั้นการศึกษาต้องจ่ายเงินเพิ่ม ทำให้มีนักเรียนบางส่วนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาเพราะผู้ปกครองไม่สามารถรับผิดชอบค่าเล่าเรียนไหว ดังนั้นการลงทุนด้านการศึกษาต้องทำให้ทั้งคนรวยคนจน ได้รับระบบการศึกษาที่เท่าเทียมกัน จึงจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มใน ระดับอาชีวะ 20 ล้านบาทต่อแห่ง โรงเรียนพื้นฐาน 3 ล้านบาทต่อแห่ง โรงเรียนขนาดเล็ก 5 แสนบาทต่อแห่ง และลงทุนในกองทุนเพื่อความเสมอภาคด้านการศึกษา อีก 4,500 ล้านบาท เพื่อไม่ให้มีเด็กคนไหนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา

ซึ่งงบประมาณที่ตนเองพูดมาในการพัฒนาทุกด้าน รวมทุกก้อนแล้วอยู่ที่ 456,000 ล้านบาท และยังสามารถเลือกได้ว่าจะทำเองในหน่วยงานรัฐ หรือจ้างบริการจากเอกชน แต่การดึงเอกชนมา อย่าเปิดโอกาสให้เงินเข้ากระเป๋านายทุนอย่างเดียว แต่ต้องเกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ 

นายธนาธร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หลักคิดของตนเอง ก็คือ เอาปัญหาสังคม เปลี่ยนเป็นความต้องการ มาสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ก่อนเป็นการสร้างงาน และสร้างเทคโนโลยี เพราะหากไม่สร้างเทคโนโลยี ก็จะเกิดการซื้อเทคโนโลยีอยู่เรื่อยไป เพราะทุกสิ่งต้องใช้เทคโนโลยี และหากไม่มีเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงรายได้และเป็นประเทศที่ร่ำรวยไม่ได้ 


ทั้งนี้ หากมองด้วยความเป็นจริง ตนเองมองว่า เรื่องดังกล่าวสามารถเป็นไปได้ภายใน 8 ปี หากนำงบ 456,000 ล้านบาท มาหาร 8 ปี ในการใช้งบประมาณปกติ ก็จะอยู่ที่  60,000 ล้านบาท/ปี จึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ ด้วยการตัดงบบางด้านที่ไม่จำเป็นจริงๆ ออก และนำมาลงทุนกับสิ่งที่เป็นเรื่องพื้นฐานของประชาชน