“เศรษฐา” ฝากความห่วงใยผ่าน “ภูมิธรรม” กรณีการใช้อาวุธปืน หลัง “ครูเจี๊ยบ” ถูกลูกหลงเสียชีวิต ด้าน ครม.มอบหมายคมนาคม และ พม. ยกระดับดูแลคนพิการ หลัง กสม. ร้องไทยเวียตเจ็ทปฏิเสธผู้โดยสาร
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ฝากข้อความผ่าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม (นายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างเดินทางไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-19 พฤศจิกายน 2566) ว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้อาวุธปืน กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกยิงเด็กนักเรียนแล้วลูกหลงไปโดน น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ หรือ ครูเจี๊ยบ ครูโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต รวมถึงเป็นห่วงสภาพการท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบจากการใช้ความรุนแรง โดยฝากให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปกวดขันเรื่องการใช้อาวุธปืน
รองโฆษก ระบุอีกว่า นายอนุทิน ได้ให้แนวทางว่าตลอด 1 ปีนับแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน จะไม่มีการออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนให้บุคคลทั่วไปทุกกรณีโดยเด็ดขาด และจะไม่ให้มีบุคคลธรรมดาซึ่งไม่ใช่หน่วยงานที่เกี่ยวกับความมั่นคงสามารถพกพาอาวุธปืนได้ พร้อมมอบหมายให้อธิบดีกรมการปกครอง ศึกษากรณีที่จะไม่ให้บุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธปืนได้ และจะไม่ให้มีการนำเข้าอาวุธปืนยกเว้นหน่วยงานของทางราชการ
...
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังมีมติรับทราบข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรณีสายการบินปฏิบัติต่อคนพิการไม่เหมาะสม อันเกิดจากกรณีเรื่องร้องเรียนสายการบินไทยเวียตเจ็ท ปฏิเสธผู้โดยสารชาวต่างชาติซึ่งมีความพิการทางร่างกาย จำเป็นต้องใช้รถเข็นไฟฟ้าเดินทาง เนื่องจากรถเข็นไฟฟ้าดังกล่าวบรรจุแบตเตอรี่ลิเธียมขนาดความจุ 240 วัตต์ เกินกว่าที่สายการบินอนุญาตให้นำขึ้นครื่องได้ (ไม่เกิน 160 วัตต์) ซึ่งไม่สอดคล้องกับประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 300 วัตต์ รวมทั้งกรณีเจ้าหน้าที่ของการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ถอยสะพานเทียบเครื่องบินออกในขณะที่ผู้โดยสายยังอยู่บนสะพาน จนผู้โดยสารเกือบพลัดตกจากทางลาดของสะพาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ระมัดระวัง และได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม (คค.) เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)