“รองนายกฯ ภูมิธรรม” ขอใจเย็น หลังชาวไร่อ้อยมีลุ้น น้ำตาลหน้าโรงงานขยับขึ้น 2 บาท ขอดูราคาที่เหมาะสม ที่ไปได้ทั้งผู้บริโภค และชาวไร่ เตรียมชง ครม.สัปดาห์หน้า จ่ายเงินให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท


วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงคณะบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อย และน้ำตาล แจ้งว่าวันที่ 10 พฤศจิกายน จะมีแนวโน้มขึ้นราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน 2 บาท โดยระบุว่า ต้องให้เขามีเวลาได้ทำงานก่อน ขณะเดียวกันได้พูดคุยกับนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ภายหลังได้ดูคณะทำงานชุดต่างๆ หารือแล้ว และมาดูว่าทางออกที่ดีที่สุดจะเป็นเช่นไร 

ทั้งนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับชาวไร่อ้อยไปแล้วว่า ที่ประกาศจะควบคุมราคาน้ำตาล โดยใช้อำนาจของกระทรวงพาณิชย์ ประกาศเป็นสินค้าควบคุม และใช้อำนาจไปกำหนดราคา เป็นแค่ช่วงเริ่มต้น ซึ่งไม่ต้องการให้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และให้ราคาน้ำตาลไหลขึ้นไปเยอะ จึงต้องหยุดไว้ก่อน ซึ่งภายหลังได้พูดคุยกันแล้ว คณะทำงานที่ได้แต่งตั้งไป จะมาพูดคุยกันอีกครั้ง กับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อแก้ปัญหาให้จบภายในทีเดียว 

ส่วนราคาน้ำตาลจะเพิ่มขึ้น หรือลดลงนั้น ก็แล้วแต่แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือจุดสมดุลที่สุดในด้านราคา ที่ทุกฝ่ายสามารถยอมรับได้ 

ส่วนท้ายที่สุดราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน ปรับขึ้น 2 บาทแล้ว การควบคุมราคาน้ำตาลของกระทรวงฯ จะสามารถดำเนินการได้นานแค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดว่าจะขึ้นเท่าไร แต่ขอไปพูดคุยร่วมกันกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมาแก้ไขปัญหาให้ได้ จากเดิมที่บอกว่า 2 บาท เป็นการดูแลชาวไร่อ้อย ส่วนอีก 2 บาทจะไปอยู่ที่กองทุน PM 2.5 ซึ่งตนเองได้เสนอให้ทบทวน หากจะเอาเงินจากกองทุน PM 2.5 ถือว่าดี เพราะว่าโลกกำลังจับตาสินค้าที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว หากจะเอาเงินมาเข้ากองทุน ไม่ควรผลักเป็นภาระของประชาชน หรือผู้บริโภคอย่างเดียว แต่ควรจะมาแบ่งปันในการจัดการ ซึ่งก็ยอมรับว่าอาจจะมีการเพิ่มขึ้น อาจจะต้องช่วยแบ่งภาระของประชาชน เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคที่ต้องแบกรับ 

...

ส่วนจะจำเป็นหรือว่าไม่จำเป็นก็ต้องไปพิจารณา อีกทั้งราคาหน้าโรงงานก็จะต้องพิจารณาตามความเป็นจริง 

สำหรับเรื่องข้าว ที่จะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่/ราย นายภูมิธรรมกล่าวว่า กระทรวงฯ จะนำเข้าที่ประชุม ครม. ภายในสัปดาห์ หากการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ หรือ นบข. วันนี้ได้ข้อสรุป เพื่อให้ประชาชนสบายใจ โดยที่มีมาตรการออกมา แต่ต้องไม่ผิดวินัยการเงินการคลัง และต้องทำได้แบบมีกฎหมายรับรอง