ได้เวลาที่รัฐบาลจะต้องช่วยเหลือชาวนาครั้งใหญ่ เพราะฤดูเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว ชาวนาจะต้องรีบเกี่ยวข้าวเพื่อนำไปขาย นำเงินมาใช้จ่ายในครัวเรือน รวมทั้งใช้หนี้ ปีนี้มีพรรคที่รับผิดชอบปัญหาข้าวถึง 2 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาล ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ
เนื่องจากเป็นรองนายกฯแล้ว นายภูมิธรรมยังเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ด้วย ส่วนพรรคที่ 2 ที่ร่วมรับผิดชอบเรื่องข้าวคือ พรรคพลังประชารัฐ มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร.เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นพ้องกันว่าจะช่วยชาวนาไร่ละ 1 พันบาท
รัฐมนตรีจากสองพรรคไม่มีใครพูดถึงนโยบายประกันราคาข้าวที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า ใช้งบประมาณไม่มากเกินไป แต่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจใน 4 ปีที่ผ่านมา และไม่มีใครพูดถึงโครงการรับจำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทยเคยดำเนินการโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และก่อความเสียหายร้ายแรงให้ชาติและประชาชน
เสียหายไปถึง 2 รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบต้องติดคุกคนละหลายสิบปี แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ต้องคำพิพากษาจำคุก 5 ปี ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการทุจริตอย่างมโหฬารในการขายข้าว ที่อ้างว่าเป็นแบบ “รัฐบาลต่อรัฐบาล” หรือ “จีทูจี” โครงการนี้ทำให้เสียหายกว่า 9 แสนล้านบาท
สองรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ไม่มีใครพูดถึง “การประกันราคา” ข้าวหรือพืชพันธุ์อื่นๆ แต่ ร.อ.ธรรมนัสพูดถึง “การพยุงราคา” ในทำนองว่า อาจให้กระทรวงเกษตรฯ “ดูดซับข้าวเพื่อพยุงราคา” ด้วยการชะลอการขายข้าวไว้ก่อน เมื่อได้ราคาจึงนำออกมาขาย แต่ชาวนาบางส่วนบอกไม่มียุ้งฉางเก็บข้าว
ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ มีหนี้สินจี้ก้นรออยู่ ต้องรีบขายข้าวเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ ส่วนมาตรการช่วยชาวนาที่สำคัญอีกอย่างของรัฐบาลประชานิยมเพื่อไทยได้แก่ “การพักหนี้เกษตรกร” ที่มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบให้ยาแก้ปวดเพื่อระงับการปวดชั่วคราว หมดฤทธิ์ยาแล้วกลับมาปวดใหม่ ส่วนหนึ่งมีหนี้เพิ่มขึ้น
...
ที่ผ่านๆมา รัฐบาลที่ยึดแนวทางประชานิยมมักจะแก้ปัญหาด้วยการ “ปั่นราคา” ข้าวให้สูงกว่าราคาตลาด เพื่อหาเสียงเป็นสำคัญ ไม่ได้มุ่งที่จะแก้ปัญหาด้วยการลดต้นทุนการผลิต การปรับปรุงพันธุ์ข้าว การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ทั้งๆที่มีกระทรวงเกษตรฯมีหน่วยงานที่สามารถทำได้ แต่ทำไมไม่ทำ.
คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม