แค่แว่วๆขึ้นเงินเดือน เห็นข่าวเพิ่มค่าแรง ตามฟอร์มเขี้ยวๆเจ้าของโรงงาน พ่อค้า แม่ขาย ฉวยจังหวะขึ้นราคาสินค้า ชิงเพิ่มค่าบริการ ดันค่าครองชีพทะลุเพดานไปรอล่วงหน้าแล้ว

ทั้งๆที่แนวโน้มของจริง ล่าสุด ฟังจากปากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง พูดถึงการขึ้นเงินเดือนข้าราชการพ่วงค่าแรงขั้นต่ำ ยังเป็นแค่เอกสารสั่งการให้ศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ในการที่จะดูในเรื่องของเงินเดือน โดยกระทรวงแรงงานกำลังพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำอยู่ ถ้ายกระดับต้องดูทั้งหมดในทุกภาคส่วน

ได้มอบให้คณะทำงานศึกษาและกลับมารายงานสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างไร

สรุปยังไม่มีอะไรมากไปกว่าเอกสารสั่งการ แค่ผู้นำคิดดังๆเป็นข่าวฮือฮา

อารมณ์เดียวกับมหกรรมเทกระจาด “ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท” ที่ตีปี๊บโหมโรงเรียกแขกมาตั้งแต่เริ่มต้นฟอร์มรัฐบาล

ถึงตรงนี้ผ่านมา 3 เดือน เกิน 100 วันแล้ว แนวโน้มนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เพิ่งอ้อมๆแอ้มๆแง้มที่มาของเงินมหาศาล 5.6 แสนล้านบาท สารภาพต้องใช้การตั้งงบประมาณผูกพันยาว 4 ปี

ลากไปผูกปมเป็นเงื่อนไขการันตีครบเทอมรัฐบาล

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอฟังจากปากของนายกรัฐมนตรีที่คุมคิวไม่ให้มั่วกันไปคนละทางสองทาง โดยเป็นคนแถลงเองในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้

อาการหมุนเคว้ง ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นนอต ตามเงื่อนไขสถานการณ์ไฟต์บังคับที่อ่านทางได้ นายเศรษฐาต้องโชว์ลูกขยันเร่งทีม ครม.ปั่นเนื้องาน ชดเชยแต้มบอดเชิงบริหาร

กดดันเสียงวิจารณ์ ไม่มีอะไรจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน

ผู้นำมือใหม่ นายกฯป้ายแดงที่เจอรับน้องโหดๆ ทั้งเหตุกราดยิงไม่คาดฝัน ต่อด้วยสงครามอิสราเอล ปัจจัยแทรกซ้อนกะทันหันไม่ทันตั้งตัว แต่ที่หนักกว่าก็คือยี่ห้อเจ้าตำรับ “โคตรประชานิยม” ที่คิดว่าตีกินง่ายๆกลายเป็นโจทย์โหดหิน

...

งานตามนโยบายสะดุดตอ เรือธงเดินหน้าไม่ออก

รัฐบาลจำเป็นต้องหาทางออกใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมๆไปกับการกู้กระแสการเมือง

แต่ในการเร่งผุดเนื้องานเร็วเกินไป เน้นสไตล์การตลาด ให้ข่าวตีกินกระแสล่วงหน้า แต่ถึงเวลาปฏิบัติจริง ยังทำได้ไม่ตรงปก

แทนที่จะกู้คะแนน ต้องเสี่ยงโดนด่าหนักไปกันใหญ่

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

สดๆร้อนๆ โปรโมชันลดราคาน้ำมันที่นายเศรษฐาให้โจทย์การบ้านกระทรวงพลังงานไปอัดโปรโมชันลดราคาน้ำมันตามที่สัญญาไว้ ในอาการแย่งเคลมกระแส ทีมรถแห่ของค่ายรวมไทยสร้างชาติ ป่าวประกาศเป็นฝีมือของ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน

โชว์โบแดง ดัมพ์ราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 2.50 บาท

ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนปีนี้ถึงเดือนมกราคมต้นปีหน้า แต่เอาเข้าจริง เจอข่าววุ่นวายตั้งแต่วันแรก คนแห่เติมกันทั่วบ้านทั่วเมือง จน “เด็กปั๊ม” แจ้งน้ำมันหมดถัง ปั๊มบางแห่งขึ้นป้ายหยุดบริการ คนใช้รถเซ็งไปตามๆกัน

สงสัยน้ำมันราคาถูกมีมากน้อยแค่ไหน หรือแค่แก้หน้าเท่านั้น

ยังไม่นับคิวลักลั่นที่โยงกับกระทรวงมหาดไทยของค่ายเซราะกราวตามเหลี่ยมที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย เด้งรับนโยบายเปิดสถานบริการถึงตีสี่ สนองดำรินายกฯ ปั่นรายได้จากการท่องเที่ยว

แต่กั๊กให้นั่งคุยกันเฉยๆ เพราะหยุดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่เที่ยงคืน

ในจังหวะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยกระดับมาตรการเข้มข้น เปิดยุทธการไล่กวดขันสถานบริการเปิดเกินเวลา ปาดหน้าแย่งซีนกับตำรวจเจ้าของพื้นที่

ผับ บาร์ ผวาเกมไล่ล่า ตีเมืองขึ้นกันอึกทึกครึกโครม

เจอมุกแปลกๆ นโยบายกับการปฏิบัติที่สองแง่สองง่าม นักท่องราตรีเฮไม่สุด ผู้ประกอบการสถานบันเทิงงงไปตามๆกัน ในขณะที่เจ้าสัวธุรกิจน้ำเมา เหล้า เบียร์ ไวน์ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

เกมนี้ต้องแชร์ส่วนแบ่งการตลาด ยอมขาดทุนกำไรแลกตั๋วตามระเบียบ.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม