การเดินทางโดยขบวนรถไฟพิเศษ 995 จากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปยังจังหวัดชลบุรีและระยอง เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ย. ของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน นับเป็นสาเหตุอันสำคัญยิ่งที่ผมจะเขียนขอบคุณท่านถึง 2 ประการในวันนี้

ขอบคุณข้อแรกก็คือ การไปชลบุรี ระยองดังกล่าวเป็นการไปตรวจราชการ จึงเท่ากับไปทำงานและการไปทำงานในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดนั้น โดยทั่วไปมักจะต้องจ่ายค่า “โอที” หรือค่าล่วงเวลาแก่ผู้ทำงาน...แต่นายกฯเศรษฐาและคณะมิได้เรียกร้องค่า “โอที” แต่อย่างใด จึงควรแก่ การขอบคุณอย่างยิ่งเป็นประการแรก

สำหรับการขอบคุณประการที่ 2 ซึ่งเป็นประเด็นหลักของข้อเขียนของผมวันนี้ ก็คือประเด็นที่ท่านจะไปติดตามความก้าวหน้าเพื่อทราบปัญหาอุปสรรคของบรรดาโครงการย่อยต่างๆ ภายใต้ “อภิมหา” โครงการใหญ่ที่ถือว่าเป็นโครงการ “ความฝันใหม่” ของประเทศไทย

ได้แก่ โครงการ “เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” หรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ที่ริเริ่มไว้โดยรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง

ท่านนายกฯเศรษฐาได้แสดงความสนใจและความเอาใจใส่โครงการนี้อย่างจริงจัง ตั้งแต่อยู่บนรถไฟแล้วละครับ...พอรถไฟออกจาก หัวลำโพง ท่านก็ขอฟัง “บรรยายสรุป” จากผู้รับผิดชอบโครงการนี้ทันที

เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางท่านก็ลงไปดูงานในภาคสนามอย่างเอาจริงเอาจัง ตั้งแต่ท่าเรือแหลมฉบัง, อ่างเก็บนํ้าหนองปลาไหล ไปจนถึง นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 ที่ อ.บ้านบึง ฯลฯ

สื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่า นายกฯเศรษฐาสั่งการแก้ปัญหาในพื้นที่ไปหลายเรื่องโดยเฉพาะการบริหารจัดการนํ้าและระบบท่อส่งนํ้าในภาคตะวันออกที่ยุ่งพอๆกับยุงตีกัน เพราะความไม่เข้าใจกันของฝ่ายปฏิบัตินั้น ท่านก็จัดการแก้ไขให้เข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย

...

ที่สำคัญนายกฯเศรษฐายังยืนยันไว้ในข้อความที่ท่านโพสต์ในเฟซบุ๊กของท่านตอนหนึ่งว่า

“อีอีซีเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพต้องเร่งรัดให้เกิดการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติ ทางรัฐบาลต้องเตรียมระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบนํ้ามาตรการทางภาษีและอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนครับ”

อ่านแล้วก็มั่นใจได้ว่า รัฐบาลของท่านจะเดินหน้าโครงการอีอีซีต่อไปอย่างแน่นอน

ท่านที่ติดตามข้อคอลัมน์นี้มาพอสมควรคงจะทราบดีว่า ผมเป็นห่วง โครงการนี้มากที่สุด เมื่อมีข่าวว่าจะลงมือดำเนินการในสมัยบิ๊กตู่

เพราะใช้เงินลงทุนสูงมากโดยเฉพาะการลงทุนขั้นพื้นฐานต่างๆที่จะต้องใช้เงินจากภาครัฐค่อนข้างเยอะ จึงจำเป็นที่จะต้องรอบคอบระมัด ระวังเพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุนโดยแท้จริง

ผมจึงติงในแง่ภาคปฏิบัติ และในแง่ความคิดที่ขออย่าฝันเกินจริง โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน...“ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา” ขอให้คิดดีๆ และระวังให้มากที่สุด เพราะผลการศึกษาเกือบทุกสำนักบอกว่า ไม่คุ้ม

แต่ผมก็ไม่ขัดข้องที่จะให้มีการริเริ่ม และเดินหน้าโครงการ EEC ทั้งหมด เพราะเราจำเป็นจะต้องมีโครงการใหม่ๆที่ทันสมัยไว้รองรับความเจริญเติบโตยุคใหม่ที่จะประดังเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ปกติผมไม่ค่อยไว้วางใจนักการเมืองเท่าไรนัก ที่มักจะมีแต่ความคิดของตัวเอง และไม่ผลักดันโครงการอื่นๆที่มีการคิดเอาไว้ก่อนแล้ว ด้วยเหตุผลที่มองได้หลายๆมุมในแง่ลบ

เข้ามาถึงก็จะเลิกโครงการโน้น โครงการนี้ที่เขาทำไว้ดีแล้ว เป็น ตัวอย่างที่เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ

ผมจึงรู้สึกดีใจและขอบคุณที่รัฐบาลนี้มาในแนวสนับสนุน และผลักดันของ “เก่า” ที่ดี และมีอนาคต ไม่ว่าจะเป็นของใครก็ตาม รวมทั้งเมื่อเร็วๆนี้ก็พร้อมจะผลักดันโครงการ “แลนด์บริดจ์” ที่คิดไว้ตั้งแต่ สมัยลุงตู่ต่อไปอีกโครงการหนึ่ง

สรุปอีกทีว่าขอบคุณนะครับที่ยืนยันจะเดินหน้า EEC อย่างเข้มแข็ง รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ที่กล่าวถึงเมื่อสักครู่ด้วย

ส่วนที่ไม่ขอบคุณ และยังจะค้านต่อไป เห็นจะมีเรื่องเดียว ณ นาทีนี้...คือการแจกเงินดิจิทัลหัวละหมื่นบาทนั่นแหละครับ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม