รายการ "NewsRoom" วันนี้ พูดคุยกับ "ไอติม พริษฐ์" ในประเด็นวิกฤติพรรคก้าวไกล ตอน 2 ปมตั้งคำถาม ขับ สส. พ้นพรรค กรณีคุกคามทางเพศ

วันที่ 3 พ.ย. 66 ในรายการ "NewsRoom" ทางไทยรัฐออนไลน์ ดำเนินรายการโดย คิงส์ พีระวัฒน์ อัฐนาค และ กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ เป็นการพูดคุยกันในประเด็นวิกฤติพรรคก้าวไกล ตอน 2 ปูอัดพร้อมแตกหัก “ผมไม่ลาออก” กับ ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า หลังจากนี้ "ก้าวไกล" จะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่ง ไอติม พริษฐ์ ได้อธิบายถึงกระบวนการที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมกัน ว่า ประเด็นแรก กรณีของ สส. ทั้ง 2 คน คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ได้ถูกพิจารณาคือ คณะกรรมการวินัย และคณะกรรมการบริหารของพรรค หลังจากที่คณะกรรมการวินัย ได้สืบสวนข้อเท็จจริง และรายงานไปยังคณะกรรมการบริหารของพรรค ทำให้ คณะกรรมการบริหารของพรรค มีมติว่า ทั้งสองกรณีเป็นการคุกคามทางเพศ ผิดวินัยร้ายแรง รวมถึงมีความเห็นว่า ต้องลงโทษสูงสุด คือ ขับออกจากการเป็นสมาชิกของพรรค

แต่ตามรัฐธรรมนูญนั้น การที่จะขับออก คณะกรรมการบริหารของพรรค ไม่สามารถทำได้เอง แต่ต้องเป็นการลงมติร่วมกันของ คณะกรรมการบริหารของพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องมีเสียง 3 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ใช่แค่คนที่มาประชุม ซึ่งก็อยู่ที่ 154 คน เท่ากับว่า ถ้าจะขับออก ต้องมีเสียงไม่น้อยกว่า 116 คน 

ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการลงมตินั้นจะต้องอภิปรายก่อน โดยส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นการคุกคามทางเพศจริง เป็นความผิดร้ายแรง และมองว่า โทษของ สส. ทั้งสองคน คือถูกขับออกจากพรรคเหมือนกัน แต่ก็มี สส. บางกลุ่ม ซึ่งเป็นเสียงส่วนน้อย ที่อาจจะมองในเรื่องของโทษแตกต่างกันไป ทำให้มีจำนวนเสียงต่างกัน เห็นควรถูกขับออก 1 คน และอีกคนเสียงไม่ถึงให้ถูกขับออก นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

...

ในที่ประชุมมีการเห็นหลักฐานมากแค่ไหน ก่อนลงมติโหวต ไอติม พริษฐ์ เผยว่า ทางคณะกรรมการทั้งหมด มีการพิจารณาจากหลักฐานของทั้งสองฝ่าย หรือทุกฝ่าย ในทั้งสองกรณี รวมถึงชุดข้อเท็จจริงบางส่วน ที่อาจจะกระทบต่อผู้เสียหายได้ เป็นที่แรก จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

ต่อข้อถามว่า ยืนยันว่าไม่มีตั๋วพิเศษ ไอติม พริษฐ์ เผยว่า ก่อนจะลงมติ ทางผู้บริหารพรรคได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับกระบวนการว่าจะเป็นการลงมติแบบเปิดเผย ยกมือในห้องประชุม แต่จะไม่เปิดเผยผลการลงมติรายบุคคล ทำให้จะเห็นแค่คะแนนในภาพรวมเท่านั้น ซึ่งหลังจากมีผลออกมาแตกต่างกัน ทำให้มีการตั้งคำถามขึ้นมา บางเพจก็ตั้งข้อสงสัยว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการขับออก และกล่าวหาว่าให้โหวตไม่เห็นด้วย เพราะอาจจะเคยร่วมงานกับ นายไชยามพวาน ก่อนที่เขาจะสมัครมาเป็นสมาชิกพรรค

ส่วนตัวตนไม่จำเป็นต้องออกมาชี้แจง แต่ก็ต้องชี้แจง เพราะข้อกล่าวหาตนว่าการลงมติเป็นการปกป้อง พวกพ้อง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตนโพสต์ว่า ต่อให้รู้จักกัน แต่จุดยืนทางการเมืองของตนนั้น ต้องอยู่บนหลักการที่อยู่กับความถูกต้อง ซึ่งในที่ประชุมตนก็ขึ้นอภิปรายว่า ทำไมทั้งสองกรณีถึงถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง เพราะทั้งสองกรณี เป็นการมีความสัมพันธ์กับทีมงานของตัวเอง ไม่ว่าจะดูยินยอมหรือไม่ แต่อีกฝ่ายอยู่ในสถานะที่ให้คุณให้โทษได้ จึงทำให้ความสัมพันธ์นั้นไม่อาจตีความได้ว่า เป็นความสัมพันธ์ที่แท้จริง ทำให้มองว่า เป็นความผิดที่ร้ายแรง อีกกรณีคือ หากทั้งสองคนตระหนักว่าสิ่งที่ทำมันผิด ทางออกที่ควรเกิดขึ้นคือ แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยไม่ต้องรอให้กระบวนการวินิจฉัยลงโทษอย่างเป็นทางการ และในวันนั้นตนก็เห็นด้วยกับการลงมติขับทั้งสองคนออกจากพรรค ที่ต้องพูดแบบนี้ก็เพื่อจะตอบข้อกล่าวหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า คนที่ไม่พอใจกับมติ และต้องการให้คุณปูอัดลาออกจากพรรค ซึ่งตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือ การรอให้ คุณปูอัด ลาออกเองหรือไม่ ไอติม พริษฐ์ เผยว่า มี 2 ส่วน คือ จากโทษที่กรรมการบริหารพรรคกำหนดออกมาอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ ก็เป็นการกำหนดโทษชัดเจน แม้ว่ามติจะไม่เพียงพอกับการขับออก นอกจากการตัดสิทธิ์ทั้งหมดแล้ว ต้องแถลงยอมรับผิดด้วยความจริงใจ และขอโทษต่อผู้เสียหายทั้ง 3 รายต่อหน้าสาธารณะ ภายในวันเสาร์ที่ 4 พ.ย. รวมถึงการชดเชยเยียวยาความเสียหาย ยุติการก่อความเสียหายทั้งทางตรง และทางอ้อม ต่อความเสียหายทั้ง 3 รายด้วย

ดังนั้นในมุมนึงเป็นการลงโทษที่มีเงื่อนไข ในเชิงกระบวนการหากเงื่อนไขนี้ยังไม่บรรลุภายในวันที่ 4 พ.ย. ก็เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคที่จะสามารถไปพิจารณากันต่อได้ว่าจะเอาเรื่องนี้กลับมาพิจารณาในที่ประชุมร่วมอีกหรือไม่

อีกมุมคือ ผลลัพธ์ของการลาออก กับการขับออกนั้น มีความต่างกันคือ ที่พรรคทำได้นั้น เป็นการขับออกในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกล ตาม รธน. คนที่ถูกขับออก สามารถหาพรรคใหม่ได้ ทำให้เปิดโอกาสให้ทำหน้าที่ในฐานะ สส. ได้ แต่หากลาออกนั้น จะเป็นการลาออกจาก สส.

ติดตาม "NewsRoom" สดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30-19.30 กับ "คิงส์ พีระวัฒน์ อัฐนาค" และ "กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ" ทางยูทูบ ไทยรัฐออนไลน์ และ เฟซบุ๊ก ไทยรัฐออนไลน์