เปิดใจที่แรก "อิ๊งค์" ยัน ตัดสินใจเอง นั่งหัวหน้าเพื่อไทย ลั่น ตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่มาเล่นๆ บอก ไม่เคยพูดที่ไหน คุณหญิงพจมาน ไม่เคยห้ามตำแหน่งการเมืองใดๆ แต่เป็นห่วง ตั้งเป้า เพื่อไทย อีก 4 ปี แข็งแกร่ง พรรคอันดับ 1

ภายหลัง  27 ต.ค.ที่ผ่านมา "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมประกาศนำ ‘เพื่อไทย’ กลัมมาเป็นพรรคอันดับ 1 ในหัวใจประชาชน และเดินหน้าสานต่ออุดมการณ์ เชื่อมศรัทธา สร้างครอบครัวเพื่อไทยให้แข็งแกร่ง เคียงข้างประชาชนอย่างเข้มแข็ง

ขณะวันนี้ 29 ต.ค. ตั้งแต่ เวลา 05.00 น.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร และ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ร่วมงาน แสงนำใจไทยทั้งชาติ "เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต" ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ ที่สนามหลวง

ก่อนหน้านี้ทีมข่าวไทยรัฐกรุ๊ป ได้รับเกียรติ สัมภาษณ์พิเศษ แบบเปิดใจ น.ส.แพทองธาร ที่พรรคเพื่อไทย หลังตัดสินใจ นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ   

...

นั่งหัวหน้าเพื่อไทย จะนำพรรคทำอะไร สู่การทำให้ "ชาวบ้านและประเทศไทย" จับต้องได้

ต้องเล่าให้ฟังยังงี้ก่อน คือ อิ๊งค์ ไม่ทราบหรอกนะคะ ว่า อนาคตข้างหน้าจริงๆ เมื่อถึงวันเลือกตั้งแล้ว คู่แข่งเราวันนั้นจะเป็นใคร แต่เรามีคู่แข่งแน่นอน ฉะนั้นอิ๊งค์คิดว่า เราต้องถอดบทเรียนที่เราลงแข่งเลือกตั้งมา แล้วเราได้เป็นพรรคอันดับ 2 เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ทั้งหมด โดยที่ไม่ใช่เปลี่ยนที่ตัวอิ๊งค์คนเดียว แต่ต้องเปลี่ยนทั้งพรรค ต้องทำความเข้าใจกัน แน่นอน พออิ๊งค์เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ถึงจะทำ workshop ว่า มันเป็นเพราะอะไร เป็นยังไง แล้วก็ให้ทุกคนค่ะ เชื่อว่า ส.ส. หลายๆ คนก็ผิดหวังใช่ไหม ที่ในเขตของตัวเองไม่ได้ ซึ่งทุกคนผิดหวัง แต่วันนี้มันเป็นมูฟของการไปต่อแล้วฉะนั้น ทุกคนโฟกัสให้รัฐบาลทำนโยบายให้ประชาชนมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ แล้วก็แน่นอนว่า ที่ผ่านมาพรรคของเราจุดแข็ง คือ เรื่องทำนโยบายให้สำเร็จ ไทม์มิ่งตอนนี้ คือ ไทม์มิ่งของการทำนโยบายให้สำเร็จ ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง  คือ หลังบ้านตอนนี้ ถือว่า อิ๊งค์เป็นหลังบ้านละกัน คิดว่า อิ๊งค์ก็ต้องเตรียมพร้อมทุกคนว่า นโยบายที่เราทำยังเป็นจุดแข็งอยู่ ยังมีเหมือนเดิมแต่ทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกว่า นโยบายอย่างนั้นจะทำที่เกิดประโยชน์ ประชาชนรู้สึกอยากเลือกเราด้วย ให้มันปรับเข้ายุคสมัย ปรับเข้ากับวิธีคิด ปรับให้เข้ากับการสื่อสาร คิดว่าการสื่อสาร ก็เป็นอีกเรื่องที่จะต้องพัฒนา แล้วต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น

จุดแข็งของ "อิ๊งค์" คืออะไร 

คืออันนี้ปฏิเสธไม่ได้นะคะ คือคุณพ่อ (ทักษิณ) เป็นคนก่อตั้งพรรคใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นอิ๊งค์ ถือว่าอิ๊งค์โชคดีมากๆ ที่มาอยู่จุดนี้ในภายใต้ชื่อที่เป็นลูกของคุณพ่อก็คือจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ  และแข็งแรงมากๆ  เพราะเชื่อเลยว่า คนในพรรคตั้งแต่คนรุ่นใหญ่หรือคนรุ่นใหม่ ที่ยังทักเรา "อิ๊งค์" คิดว่า ทุกคนก็ยังมีความศรัทธา คุณพ่ออยู่ ซึ่งพออิ๊งค์เข้ามาตรงนี้มันเหมือนเป็นแรงใจแรก มันเป็นแรงใจแรกที่ทุกคนคิดว่า "เฮ้ย เราเอาจริงนะ"

คือครอบครัวนี้อิ๊งค์ยังเอาจริงกับเรื่องนี้กับพรรคของเรา ยังอยากจะทำให้พรรคการเมืองของเราเแข็งแรงอยู่

"ตั้งใจจริงๆ ไม่ได้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพราะว่า มันเป็นเรื่องเล่นๆ มันเป็นเรื่องจริงที่อิ๊งค์คิดในหัวแล้วว่า อิ๊งค์อยากทำอะไรบ้าง ด้วยความตั้งใจของอิ๊งค์จะช่วยขับเคลื่อนพรรคและทุกคนในพรรคไปพร้อมๆ กันได้"

หลายคนมอง มีคุณพ่อ-คุณแม่ อยู่เบื้องหลัง "อิ๊งค์" คิดอย่างไร  

"แพทองธาร" กล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องดีเหรอคะ มันเป็นเรื่องดี แต่อิ๊งค์คิดว่า ใครจะมองเป็นเรื่องไม่ดีก็ได้ อิ๊งค์ไม่ติดนะ สำหรับอิ๊งค์ อย่างคุณพ่อเนี่ย ตอนเป็นนายกฯ สร้างผลงานให้กับประเทศมากมาย อันนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้ แล้วถ้าอิ๊งค์ได้คุณพ่อมาเป็นที่ปรึกษาของอิ๊งค์เองล่ะ มันไม่ดีตรงไหน  ก็ไม่ทราบเหมือนกัน อิ๊งค์คิดว่า ความตั้งใจของท่านหรือว่า ความที่หวังดีกับประเทศของท่าน มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เพราะฉะนั้นคิดว่า อิ๊งค์ จะอยู่ในตำแหน่งไหนตั้งแต่ก่อนหน้านี้ สิ่งที่เป็นเขาเรียกว่าแรงบันดาลใจของอิ๊งค์ ก็คือท่าน ความมุ่งมั่น ที่ที่ฉายเป็น finition ก่อน อิ๊งค์ ก็รู้สึกนะคะ ว่ามันแบบมันยิ่งใหญ่มากตั้งแต่ รู้สึกว่าโอ้โหแบบมันเป็นแรงบันดาลใจยิ่งมาก ประสบความสำเร็จ แล้วก็ประชาชนห้อมล้อมด้วยความที่เขารู้สึก ว่าพรรคนี้ ทำประโยชน์ให้กับเขาจริงๆ อันนี้มากกว่าที่มันเรียลที่มันรู้สึกว่าอิ๊งค์ ภูมิใจไม่ได้ติดอะไรในเรื่องที่คนจะมองว่า คุณพ่อ-คุณแม่ นามสกุลนี้อะไร 

ต้องพิสูจน์ตัวเองมากขึ้นไหม เมื่อเรามีมุมมองแบบนี้

“พิสูจน์ตัวเองมากขึ้นไหมเหรอ อิ๊งค์ไม่ได้พิสูจน์ตัวเอง ให้ใครอิ๊งค์ทำงานของอิ๊งค์ไป ในส่วนที่คิดว่า อิ๊งค์ทำแล้วเกิดประโยชน์สูงสุดกับพรรค ฉะนั้น พรรคก็จะไปต่อเนื่องกับประเทศ อิ๊งค์บอกแล้ว เราเหมือนดูทีมหลังบ้าน ทีมจะทำให้มันแข็งแรง ทำให้มันดีที่สุดเพื่อตัวอิ๊งค์เอง" 

คุณพ่ออยู่แถวหน้า คุณแม่ อยู่ข้างหลังตลอด ตกลง "อิ๊งค์" ได้ดีเอ็นเอ คุณพ่อและคุณแม่มากกว่า หรือผสมกัน

ตกลงยังไงดีล่ะ ผสมไหม (หัวเราะ) แต่คุณหญิงเป็นแบ็กที่แข็งแรงมากๆ ทุกวันนี้คุณหญิงก็ยังเป็นแบ็กอยู่ อิ๊งค์พูดจริงว่า คุณหญิงเขาก็ไม่ได้คอมเมนต์อะไรมากมาย แต่เวลาที่อิ๊งค์เจอเรื่องอะไรในชีวิต อิ๊งค์จะชัวร์มากที่มีคุณหญิง มันเป็นความอุ่นใจบางอย่าง จริงๆ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยพูดแบบเอาต์ราวนด์ แต่เคยพูดกับแม่แหละ ว่าเขาเป็นความปลอดภัยเขาเป็นความอุ่นใจ 

แล้วคุณหญิงพจมาน (คุณแม่) มีห้ามไหม เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย?

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยัน ไม่ห้ามค่ะ  เอาจริงนะแม่ไม่เคยห้ามตำแหน่งอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจอิ๊งค์หมด แต่...ทุกครั้งเขาจะห่วงหมด

"จะเป็นอันนี้เหรอ จะเป็นอันนั้นเหรอ แล้วยังไงไหวไหม สิ่งที่ห่วงคือ อะไรเขาไม่ได้ห่วง ว่าใครจะทำอะไร แต่ "เครียดไหม" นี่คือสิ่งที่คุณหญิงห่วง ไม่ทราบ สมัยก่อนมันยังไม่มีคำว่า "โรคซึมเศร้า"  เขากลัวว่า เราเครียดจนไปถึงจุดที่ว่ามันทำร้ายเราหรือเปล่า อันนี้คือสิ่งที่คุณหญิงเป็นห่วงที่สุดนะคะ ไม่ได้จะห่วงว่าแบบไปตรงนั้นจะยังไง แต่ห่วงเราไหวไหม" 

นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงให้กำลังใจอย่างไรบ้าง

ถามแบบเดิม เครียดไหม ไหวไหม "อิ๊งค์" บอกกับแม่เลยว่า "อิ๊งค์" พร้อม บอกกับแม่เลยว่า "อิ๊งค์" อยากเป็นหัวหน้าพรรค 

หลายคนมอง ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนที่เป็นเจ้าของจริงๆ ก็คือ "ชินวัตร" อยากชี้แจงอะไร  

อิ๊งค์ กล่าวอีกว่า คำถามนี้ แบ่งเป็น 2 เรื่อง คุณพ่อเป็นคนก่อตั้งถูกยึดไปแล้ว กลับมา "คุณอาสมชาย" ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่หลังจากนั้นไม่มี "ชินวัตร" อีกเลย ที่เป็นหัวหน้าพรรคไม่ว่า "นายกฯยิ่งลักษณ์" จะเป็นนายกฯ ก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค คือ แล้วพรรคเราก็ยังดันต่อ อย่างยิ่งใหญ่แล้วก็ชนะการเลือกตั้ง ถึงวันนี้อิ๊งค์ ว่า มันเป็นบทบาทหน้าที่ของอิ๊งค์แล้วล่ะ เพราะอิ๊งค์เข้ามาในพรรคแล้ว อิ๊งค์พร้อมแล้ว และคนในพรรคคิดว่าอิ๊งค์พร้อม ฉะนั้นคิดว่า นั่นคือคำตอบ พรรคนี้เป็นของใคร  

แสดงว่า คุณแม่ก็ไม่ได้ห่วงเรื่อง ถ้าจะเป็นถึงนายกรัฐมนตรีในอนาคตหรือไม่?

"แพทองธาร" กล่าวต่อว่า พูดอย่างไรดีล่ะ อิ๊งค์คิดว่า คุณแม่ห่วง ถ้าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคุณแม่ห่วงมาก เพราะอะไร เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรี มันคือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่ใครๆ ก็เป็นได้ใช่ไหม ฉะนั้นคุณแม่หวงแน่นอน แต่ว่าเมื่อตัดสินใจทั้งหมดเนี่ย คุณแม่เป็นคนที่เปิดโอกาสให้ลูกมากๆ เขาบอกแน่นอนละ เขาห่วงอย่างนั้น อย่างนี้ 1-2-3-4 แต่การตัดสินใจสุดท้าย ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว มหาลัยอิ๊งค์ก็เป็นคนเลือกสาขา ไปเรียนเมืองนอก เมื่อไหร่ วันไหน อิ๊งค์เป็นคนเลือกหมด แต่ทุกอย่างได้ปรึกษาเขาแล้ว ก็คือบ้านเราค่อนข้างที่จะแคร์ความรู้สึกซึ่งกันและกัน มากๆ ทั้งครอบครัว เพราะฉะนั้นจะทำอะไรเนี่ยไม่ใช่คุณแม่หรอก พี่ชายเองก็เป็นห่วง พี่สาวก็เป็นห่วง คุณพ่อก็เป็นห่วง โดยเฉพาะเราเป็นน้องเล็ก อิ๊งค์เชื่อว่าน้องเล็กของทุกๆ บ้าน ยังไงก็เป็น Baby ของบ้านอยู่ดี ฉะนั้นมันก็อย่างนั้น แต่ว่าในความเป็นจริง ออกนอกบ้านแล้ว มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกต่อไป การตัดสินใจเป็นของ "อิ๊งค์" 

ผู้เขียน: เดชจิวยี่

กราฟิก:Varanya.p