รัฐบาลถอยแจกถ้วนหน้า “ดิจิทัลวอลเล็ต” “จุลพันธ์” เผยอนุ กก.ตัดทิ้งกลุ่มคนรวย ชงบอร์ดชุดใหญ่เคาะเงื่อนไขคนเงินเดือน 2.5 หมื่น และหรือเงินในบัญชีเกินแสน กับเงินเดือน 5 หมื่น และหรือเงินในแบงก์เกิน 5 แสนได้หรืออดเงินหมื่น หวั่นขัดกฎหมายการคลัง เลิกคิดทุบกระปุกออมสิน ชี้ออก พ.ร.ก.กู้เงินเป็นทางออกสุดท้าย มอบแบงก์กรุงไทยจัดทำแพลตฟอร์ม แหล่งที่มาของเงินยังไร้ข้อสรุป ถ้าใช้งบฯผูกพัน 4 ปี ต้องเลื่อนจ่ายไป เม.ย.-พ.ค.67 “เศรษฐา” สั่งหาคำจำกัดความ “คนรวย” อุบไต๋กู้เงินมาแจก ยันพรรคร่วมฯหนุนไร้ปัญหา “พรรคร่วมรัฐบาล” คว่ำญัตติแก้ รธน.ของพรรคก้าวไกล สส.รุมสกัดตีเช็คเปล่า “ชูศักดิ์” แจงตีตกเหตุจะแก้ยกฉบับ ทุกเรื่อง ทุกหมวด “ภราดร” ซัดขัดเจตนารมณ์พรรคร่วมฯ หาเสียงไว้ ไม่แตะหมวด 1-2 กระทบสถาบันฯ

จากกรณีมีเสียงทักท้วงการแจกเงินตามนโยบาย โครงการดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท โดยเฉพาะเงื่อนไข บุคคลที่สมควรได้รับเงินดังกล่าว ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ระบุจะมีการปรับปรุงเงื่อนไข โดยจะหาคำจำกัดความที่ชัดเจนของคนรวย และภาคส่วนที่อาจจะไม่ต้องรับสิทธิดังกล่าว

...

รบ.จ่อหาคำจำกัดความคนรวย

เมื่อเวลา 10.27 น. วันที่ 25 ต.ค. ที่โรงละคร อักษรา คิง เพาเวอร์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมพิจารณาข้อสรุปการแจกเงินนโยบายโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ของคณะกรรมการชุดใหญ่ว่า ยังไม่ทราบ ต้องถามนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ได้คุยเบื้องต้นโดยทีมงานได้คุยกับผู้ว่าการ ธปท. เพื่อหาวิธีการปรับแต่งเติมตามที่ทุกภาคส่วนมีข้อเสนอมา เมื่อถามว่า นายกฯ บอกว่าจะมีการปรับ เงื่อนไขและต้องอธิบายให้ได้ว่าคนรวยไม่ควรจะต้อง ได้รับตรงนี้ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็คืออย่างนั้น ใครจะบอกว่าใครคือคนรวย และคนรวยคือใคร รับฟัง อยู่แล้ว กำลังจะหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คำว่าคนรวยคืออะไร น้อมรับ คำแนะนำผู้ว่าการ ธปท.อยู่แล้วว่าควรที่จะเจาะจง มากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อน อาจไม่ต้องรับตรงนี้เอาฐาน ข้อมูลของแอปเป๋าตังเดิมนำมาใช้ได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ข้อเสนอที่อยากให้รัฐบาลทบทวนจ่ายเป็น 3 งวด ดีกว่า จ่ายงวดเดียว นายกฯกล่าวว่าพิจารณาแล้ว แต่คงจ่าย รวดเดียว เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินใหญ่ จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง

ชี้พรรคร่วม รบ.ไม่มีใครมีปัญหา

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีดราม่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ออกตัวเรื่องนี้ เท่าที่ซาวเสียงในที่ประชุมมีความเห็น อย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีใครมีปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลหนุนนโยบายนี้ เมื่อถามว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่าโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ถึงทางตันอาจขัดต่อกฎหมาย นายเศรษฐา ไม่ตอบคำถาม เมื่อถามว่านายกฯ ไม่ได้กังวลเรื่องนี้ ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่ครับ” เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีหลายคนร้ององค์กรอิสระจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า องค์กรอิสระต้องทำหน้าที่ ของเขา ตนมีหน้าที่ชี้แจง เมื่อถามว่า เสียงติงก็มีขณะที่นายกฯมั่นใจว่านโยบายดี จะทำอย่างไรให้เสียง นายกฯดังและประชาชนเข้าใจมากขึ้น นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับดังกว่าหรือค่อยกว่า แต่ความจริง มันคืออะไร ประเทศไทยต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องเดินสายชี้แจง และต้องรับฟังข้อท้วงติง มีคนไปร้องต้องชี้แจง

อุบไต๋งัด พ.ร.ก.กู้เงินพูดก่อนจะสับสน

เมื่อถามว่า นายกฯมีแผน 2 กระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ผมไม่ได้มีแผนสอง แต่มีเป็น 10 แผนเลย เคยกล่าวไปแล้วหลายๆแผน ไม่ว่าการยกระดับเกษตรไทย การบริหารจัดการน้ำ แผนมีเยอะ เมื่อถามว่า ดูแนวโน้มอาจจะเลื่อนจาก 1 ก.พ.67 ไปอีก นายเศรษฐากล่าวว่า กำลังดูอยู่ เมื่อถามว่า จะทันสงกรานต์นี้หรือไม่ หรือเลยไปไตรมาสแรกนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า จะพยายามทำให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่าเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ จะใช้วิธีการออกเป็น พ.ร.ก.หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เดี๋ยวขอประชุมก่อน เพราะคำถามนี้มาเยอะเหลือเกิน ถ้าพูดไปเดี๋ยวจะเกิดความสับสนอีก

อนุฯชงตัดคนรวยอดเงินดิจิทัล

เมื่อเวลา 18.00 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการยังมีความเห็นแตกต่างในหลายประเด็น ต้องนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนเติมเงินดิจิทัลให้ชุดที่มีนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังเป็นประธานพิจารณาอนุมัติต่อไป สำหรับเงื่อนไขที่มีความเห็นแตกต่าง คือการตัดคนรวยออก หรือหาคำจำกัดความคนรวย เพื่อให้ยอดการแจกเงิน และใช้เงินงบประมาณลดลง จากเดิมจะแจกคนจำนวน 54-56 ล้านคน วงเงิน 540,000-560,000 ล้านบาท มีการกำหนดเงื่อนไขใหม่ดังนี้คือ 1.คนเงินเดือน 25,000 บาท และหรือเงินในบัญชีธนาคาร 100,000 บาท จำนวน 43 ล้านคน 2.คนเงินเดือน 50,000 บาท และหรือเงินในบัญชีธนาคาร 500,000 บาท จำนวน 49 ล้านคน และ 3.ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) 15-16 ล้านคน

อาจจ่ายล่าช้าถึง เม.ย.–พ.ค.67

นายจุลพันธ์กล่าวว่า สำหรับอายุผู้ที่ได้รับสิทธิดิจิทัลวอลเล็ตยังคงเดิม 16 ปีขึ้นไป ส่วนรัศมีการใช้จ่ายมีข้อสรุปเปลี่ยนเป็นระดับอำเภอ จากเดิมไม่เกิน 4 กิโลเมตร ตามที่อยู่ในทะเบียน โดยให้ธนาคารกรุงไทย เป็นผู้จัดทำระบบแพลตฟอร์มแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ส่วนแหล่งที่มาของเงิน คณะอนุกรรมการยังมีความเห็นหลากหลาย โดยมีความเห็นให้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก ด้วยการตั้งงบประมาณผูกผัน 4 ปี ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งจะต้องเริ่มจัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป อาจทำให้โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ล่าช้า ออกไปตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี 2567 หรือสามารถใช้จ่ายได้ในราวเดือน เม.ย.-พ.ค.67 ส่วนการออก พ.ร.ก.กู้เงินนั้นเป็นทางเลือกสุดท้าย จากเดิมมีแนวคิดที่จะนำเงินของธนาคารออมสินมาใช้ แต่ติดข้อกฎหมายเรื่องวัตถุประสงค์ของธนาคารออมสินไม่สามารถดำเนินการได้ รวมถึงเงินตามมาตรา 28 พ.ร.บ.การเงินการคลัง พ.ศ.2561

ย้ำต้องใช้ภายใน 6 เดือน

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินยังคงเดิม คนได้รับสิทธิรายแรกใช้จ่ายภายใน 6 เดือน ส่วนร้านค้าสามารถทยอยขึ้นเงินภายใน 4 ปี โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต้องร้านค้าได้ขึ้นทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งเงื่อนไขการจ่ายเงินนั้น ต้องหารือกับร้านค้าที่จะต้องชะลอการเบิกจ่ายตามเงินงบประมาณประจำปี โดยอาจเสนอเงื่อนไขพิเศษ ให้กับร้านค้าที่ยังไม่นำมาขึ้นเงิน แต่เงินในบัญชีสามารถนำไปใช้จ่ายต่อได้

ชู 3 ประเด็นร่วมธุรกิจไทย-สหรัฐฯ

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ห้อง Crystal Ballroom ชั้น 3 โรงแรม The Athenee กทม.นายเศรษฐา กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุมสามัญประจำปีของคณะนักธุรกิจจากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “Thailand’s Trajectory : The Future is Bright” โดยระบุตอนหนึ่งว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก สหรัฐฯถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และเป็นอันดับ 3 ด้านการลงทุน ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีที่แล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเพิ่มตัวเลขเหล่านี้ให้มากขึ้นในปีต่อไป ไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจ ถึงเวลาลงทุนในไทยแล้ว โดยยึด 3 ประเด็นสำคัญที่ทำให้ไทยร่วมมือกับธุรกิจสหรัฐฯได้แก่ 1.ความยั่งยืน 2.การสร้างการทำงานร่วมกันกับพันธมิตร และ 3.การเติบโตผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล ถึงเวลาที่จะลงทุนในไทยแล้ว เราเปิดกว้าง พร้อมเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ ก้าวไปสู่อนาคตสดใส แบ่งปันความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

เข้าสภาฯตอบกระทู้ครั้งแรก 26 ต.ค.

จากนั้นเวลา 16.00 น. ที่โรงแรม The Athenee นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 26 ต.ค. เวลา 10.30 น. จะเดินทางไปตอบกระทู้สดด้วยตัวเองที่รัฐสภา ตามที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นกระทู้ถาม ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกระทู้ถามทั่วไปที่นายกฯจะไปตอบ อาทิ ปัญหาการก่อสร้างรถไฟทางคู่โครงการสายกรุงเทพฯ-หัวหิน ช่วง จ.ราชบุรีล่าช้าของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครทสช. ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างยั่งยืนของนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรค ปชป. รวมถึงตอบกระทู้ถามสดที่ สส.แต่ละพรรคเสนอและประชาชนสนใจ เช่น ปัญหาแรงงานไทยในอิสราเอล โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นต้น ถือเป็นการไปตอบกระทู้สภาฯเป็นครั้งแรก

ถก ผบ.ทบ.ใช้พื้นที่ทหารให้ ปชช.ทำกิน

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ได้ทวีตผ่าน X เป็นภาพหารือร่วมกับ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล มีนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯเข้าร่วม พร้อมทวีตข้อความว่า “ผมหารือกับท่าน ผบ.ทบ.ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน. เพื่อหาแนวทางเอาพื้นที่ของทางทหารมาจัดสรรเพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปใช้เพื่อการประกอบอาชีพ มีการเสนอพื้นที่ในภาคอีสานเป็นพื้นที่ต้นแบบริเริ่มโครงการนี้ นอกจากนี้ยังได้เร่งรัดให้ กอ.รมน. เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม รวมถึงจัดหาแหล่งน้ำทำการเกษตรด้วย”

“อิ๊ง” ตั้งเป้าท่องเที่ยว 1.5 ล้านล้าน

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ มีคณะกรรมการเข้าร่วมพร้อมเพรียง จากนั้นเวลา 16.30 น. น.ส.แพทองธารแถลงว่า ได้วางกรอบการทำงาน 100 วันแรก 6 เดือนแรก และ 1 ปีของคณะกรรมการจะมีอะไรเป็นรูปธรรมบ้าง 100 วันแรกจะประมาณ วันที่ 11 ม.ค. ทั้ง 11 อุตสาหกรรมสาขาที่เราจะดำเนินการ จะมีอะไรออกมาให้เห็นบ้าง ได้ตั้งคณะอนุกรรมการแต่ละสาขาขึ้นมาขับเคลื่อนแผนงาน สิ่งแรกที่จะได้เห็นคือวินเทอร์ เฟสติวัล ที่จะจัดกิจกรรมต่างๆขึ้นที่ กทม.ช่วง พ.ย.-ธ.ค. คิดว่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศจากการท่องเที่ยวไปถึง 1.5 ล้านล้านบาทในปีนี้และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 25-30 ล้านคนในปีนี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่าปลายปีนี้จะจัดงานวินเทอร์ เฟสติวัลขึ้นที่กรุงเทพฯต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. เช่นเดือน พ.ย.มีเทศกาลลอยกระทง จะจัดกิจกรรมใหญ่ๆขึ้นหลายพื้นที่ เดือน ธ.ค.จะทำแหล่งท่องเที่ยวตลอดแม่น้ำเจ้าพระยากทม.จะจัดแสงสีเสียงตลอดคลองผดุงกรุงเกษม และจะจัดวิ่งมาราธอนระดับโลกขึ้นที่ กทม.วันที่ 3 ธ.ค. ตอนนี้มีคนลงทะเบียนว่า 3 หมื่นคนแล้ว

กำชับ กกต.กัดติดนโยบายหาเสียง

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.การเมือง เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ได้เชิญตัวแทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาหารือเรื่องอำนาจการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 กรณีการตรวจสอบนโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต ตัวแทน สตง.แจ้งว่าอยู่ระหว่างการติดตามการดำเนินนโยบายดังกล่าวในการรวบรวมความเห็นผู้เชี่ยวชาญและรอฟังความชัดเจนการดำเนินนโยบายจะเกิดความเสียหายต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศหรือไม่ เช่นเดียวกับ ป.ป.ช.ชี้แจงว่า อยู่ระหว่างการติดตามรายละเอียดโครงการ ขณะที่ กกต.ส่งรองเลขาธิการ กกต.มาชี้แจง ซึ่ง กมธ.ให้ข้อสังเกตถึงการนำเสนอนโยบายพรรคการเมืองช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามที่หาเสียง ตัวแทน กกต.ยอมรับว่ามีปัญหาเนื่องจากแต่ละพรรคเสนอนโยบายมาโดยระบุกว้างๆว่า ใช้งบประมาณแผ่นดิน ดังนั้น กกต.จะพิจารณาแนวทางบริหารจัดการที่มีหลักเกณฑ์และรายละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา กมธ.คุยกับกกต.ว่านโยบายพรรคการเมืองที่เสนอ หากเป็นนโยบายที่สุ่มเสี่ยงเกินไป ควรตักเตือนพรรคการเมือง ไม่เช่นนั้นกฎหมายที่กำหนดไว้เป็นบังคับจะเป็นหมัน เพื่อต้องการให้รัฐบาลระวัง ทำงานรอบคอบ ไม่ทำนโยบายให้เกิดความเสียหาย เพราะมีองค์กรคอยตรวจสอบอยู่

วิปรัฐบาลไม่ตลบหลังหักญัตติ ก.ก.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลังจากที่ประชุมหารือปัญหาความเดือดร้อนประชาชนเสร็จแล้วได้เข้าสู่ญัตติการขอให้สภาฯพิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้ ครม.ดำเนินการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นผู้เสนอ โดยการเสนอญัตติดังกล่าวถือว่าเป็นไปตามระเบียบวาระ ไม่มีการเลื่อนวาระอื่นเข้ามาแทรกญัตติดังกล่าวตามที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ว่าจะเลื่อนวาระเรื่องความเดือดร้อนประชาชนมาพิจารณาแทนญัตติดังกล่าว เนื่องจากวิปรัฐบาลได้กลับมติให้มีการพิจารณาญัตติไปตามวาระที่กำหนดไว้ ตามข้อทักท้วงของพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคที่ไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงระเบียบวาระ

ก้าวไกลชงญัตติทำประชามติ

จากนั้นนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้ ครม.ดำเนินการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ระบุว่า การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญปัจจุบันขาดความชอบธรรม ส่วนการตีความว่าขั้นตอนการแก้รัฐธรรมนูญก่อนจะมี ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องทำประชามติ 2 รอบนั้น พรรคก้าวไกลมองว่า ควรทำประชามติรอบเดียว แต่ถ้าจะทำประชามติ 2 ครั้งก่อนมี ส.ส.ร.ก็ยอมรับได้ แต่ส.ส.ร.จะต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน 100% ข้อกังวลจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส.ส.ร.สามารถเปิดให้มีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำให้คำปรึกษาได้ ขณะที่ข้อกังวลการยกร่างใหม่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐและการปกครองนั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 255 ห้ามไว้ชัดเจน ไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง ส่วนคำถามที่พรรคก้าวไกลเสนอในการทำประชามติ เป็นคำถามที่ทุกพรรคเคยเห็นชอบท่วมท้นในสภาชุดที่แล้ว ไม่ใช่คำถามใหม่ สส.ทุกคนเคยให้ความเห็นชอบ ผ่านไปไม่ถึงปีคงไม่มีเหตุผลให้เปลี่ยนจุดยืน

สส.รัฐบาลลุยต้านตีเช็กเปล่า

จากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายแสดงความเห็น โดย สส.ฝ่ายรัฐบาล อภิปรายเห็นด้วยให้ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีความรอบคอบในการทำประชามติ ควรรอความชัดเจนจากคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน อีกทั้งการยกร่างใหม่ โดยไม่กำหนดกรอบใดๆ อาจเกิดการตีเช็กเปล่า แก้ไขหมวดเกี่ยวกับสถาบันได้ อาทิ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรค พปชร.มีจุดยืนชัดเจนจะไม่ร่วมแก้ไขหมวด 1 และ 2 ขณะนี้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติ ควรให้เวลารัฐบาลและคณะกรรมการชุดนี้ทำงานก่อน ควบคู่กับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เชื่อว่าในอนาคตเรื่องรัฐธรรมนูญจะถูกแก้ไขแน่นอน ด้านนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวว่า มั่นใจคณะกรรมการศึกษาแนวทางประชามติที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา จะไม่ซื้อเวลาแก้รัฐธรรมนูญ คงใช้เวลาเกินปีใหม่ไปไม่มาก คณะกรรมการชุดนี้เปิดให้ทุกภาคส่วนมาศึกษาแนวทางทำประชามติ จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด มั่นใจรัฐบาลนี้จะร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด จะทำรัฐธรรมนูญได้ดีกว่าปี 2540

ลงมติคว่ำญัตติทำประชามติ 262-162

กระทั่งเวลา 15.30 น. หลังจาก สส.อภิปรายจนครบถ้วน โดยใช้เวลา 4.30 ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติไม่เห็นด้วยกับญัตติการขอให้สภาฯพิจารณาเห็นชอบ และแจ้งให้ ครม.ดำเนินการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรคก้าวไกล ด้วยคะแนน 262 ต่อ 162 งดออกเสียง 6

“ชูศักดิ์” ชี้ตีตกรื้อทั้งฉบับรวมหมวด 1-2

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการรองหัวหน้าพรรค พท. นำคณะสส.พรรคร่วมรัฐบาล แถลงข่าวว่า ญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอไม่ถึงที่สิ้นสุด อ้างกฎหมายประชามติ มาตรา 9 (4) แต่เมื่อรัฐสภามีมติประการใดก็ตาม ถ้า สว. ไม่เห็นชอบ ท้ายที่สุดไปสู่รัฐบาลไม่ได้ ฟังจากถ้อยแถลงรัฐบาล บอกว่ายินดีรับฟังเต็มที่ อยู่ระหว่างการสอบถามรับฟัง ส่งความเห็นไปให้รัฐบาลได้ ไม่จำเป็นต้องผ่าน พ.ร.บ.ประชามติ จากประสบการณ์ถ้ารัฐบาลไม่เอาด้วย ถ้า สว.ไม่เห็นด้วยไม่มีทางสำเร็จ มีหลายเรื่องในญัตติของฝ่ายค้านขัดแย้งกับพรรคการเมืองส่วนใหญ่และรัฐบาล ขัดแย้งที่สุดคือการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับมีความหมายอย่างไร ผู้เสนอญัตติมีความหมายว่าทั้งฉบับแก้ได้ทุกเรื่อง ทุกหมวด แต่พรรคร่วมรัฐบาลไม่รวมหมวด 1 หมวด 2 พูดง่ายๆ ส่งไปเปล่าประโยชน์รัฐบาลคงไม่เอา เพราะความเห็นขัดแย้งไม่ลงรอยกัน และจริงๆไม่ลงรอยกันมานานแล้ว ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมปี 2563 ต่อเนื่องถึง 2564 จนมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

กมธ.ผู้มีอิทธิพลทั่ว ปท.มี 805 ราย

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาฯ เปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้รับทราบจากตัวแทนอธิบดีกรมการปกครองว่ามีการส่งหนังสือให้ทุกจังหวัดคัดกรองผู้มีอิทธิพลทั่วทั้งประเทศ ตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศแจ้งแล้ว มี 10 จังหวัดที่เป็นสีเขียว ไม่มีผู้มีอิทธิพล แต่ไม่ขอเปิดเผยต่อว่ามีจังหวัดอะไรบ้าง และมีจังหวัดโซนสีเหลือง 66 จังหวัด 84 อำเภอ คือมีบุคคลเข้าข่ายอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพล 805 รายชื่อ แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 180 รายชื่อแรก เป็นผู้มีอิทธิพลในกลุ่มสีแดง มีพฤติการณ์ใช้อิทธิพลในพื้นที่ ส่วนอีก 625 คนเป็นผู้เคยมีอิทธิพล แต่หยุดพฤติการณ์แล้ว ไม่ได้ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงรังแกพี่น้องประชาชนแล้ว แต่ต้องเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมในรายชื่อทั้งหมดอย่างใกล้ชิดต่อไป กมธ.ได้ขอให้เปิดช่องทางแจ้งเบาะแสสำหรับประชาชนแต่ละพื้นที่ที่ใดหรือใคร เป็นผู้อาจเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลบ้าง กรมการปกครองให้ประชาชนแจ้งผ่านศูนย์ดำรงธรรมไปก่อน

ขยายเวลาห้ามม็อบรอบทำเนียบฯ

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ลงนามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 423/2566 เรื่อง ประกาศห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล ตามคำสั่ง บช.น.ที่ 416/2566 ลงวันที่ 11 ต.ค.66 กำหนดพื้นที่ห้ามชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.66 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 26 ต.ค. เวลา 24.00 น.เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาทำกิจกรรมและพักค้างแรมที่บริเวณถนนลูกหลวง ฝั่งข้างกระทรวงศึกษาธิการ ใกล้ทำเนียบฯ ยังไม่ได้เคลื่อนย้ายออก ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนผู้สัญจรบนท้องถนน ประกอบกับวันที่ 31 ต.ค. และวันที่ 7 พ.ย. กำหนดให้มีการประชุม ครม.อาจมีการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองของกลุ่มต่างๆอีกมาก จึงขยายประกาศห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร รอบทำเนียบฯออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 11 พ.ย. เวลา 24.00 น.

เล็งแก้ ก.ม.ขวางความคิดสร้างสรรค์

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า คนไทยสนับสนุนภาพยนตร์ไทยน่ายินดี และเป็นมิติใหม่การสร้างภาพยนตร์ไทยทำรายได้ทะลุ 500 ล้านบาทแล้ว น่าภาคภูมิใจที่ 1 ใน 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ สร้างรายได้ให้ประชาชนและประเทศ วธ.เน้นส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยและสนับสนุนผู้ประกอบการใช้ความคิดสร้างสรรค์ อยู่ระหว่างปรับแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคขัดขวางให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ นำเสนอเรื่องพิธีกรรมความเชื่อทางภาคอีสาน เป็นต้นทุนทางวัฒนธรรม ถือเป็นแบบอย่างให้ผู้ประกอบการภาพยนตร์แต่ละภูมิภาค นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มได้

นายกฯควง “อุ๊งอิ๊ง” ดูหนัง “สัปเหร่อ”

ที่หน้าโรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรค พท. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อม ครม.และ สส.พรรค พท.จะมาชมภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” ในเวลา 19.45 น.ปรากฏว่าเมื่อเวลา 17.45 น. น.ส.ธนลภย์ (สงวนนามสกุล) หรือหยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและ น.ส.อันนา อันนานนท์ ได้เดินทางมารอที่หน้าโรงภาพยนตร์พร้อมซองเอกสารสีน้ำตาล โดยหยกเผยว่า มายื่นหนังสือถึงนายกฯทวงถามนโยบายพรรค พท.ประเด็นมาตรา 112 และคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุ ส่วน น.ส.อันนาระบุว่า มายื่นหนังสือถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ ให้ช่วยเหลือกรณีถูกคุกคาม กระทั่งเวลา 19.20 น. นายกฯและคณะเดินทางมาถึงโรงภาพยนตร์ท่ามกลางการต้อนรับจากผู้กำกับและเหล่านักแสดงที่มารอต้อนรับ ก่อนไปรับร้องเรียนหนังสือจาก น.ส.อันนา จากนั้นจึงเข้าไปชมภาพยนตร์

ปล่อยมุกมีนายกฯ 2 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐามาในชุดสวมเสื้อผ้าไทย ผูกผ้าขาวม้า ขณะที่ น.ส.แพทองธาร สวมเสื้อคลุมผ้าทอมือย้อมคราม จ.สกลนคร รวมถึงรัฐมนตรีพรรค พท. อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมและรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.ศุภมาส อิสระภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สวมเสื้อผ้าไทย มีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.แพทองธารและ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา นายกฯ ร่วมชมภาพยนตร์ด้วย บรรยากาศมีการพูดคุยหยอกล้อกันสนุกสนาน นายกฯ และ น.ส.แพทองธารได้ชนป๊อบคอร์นโชว์สื่อมวลชน ระหว่างนั้นช่างภาพขอให้นายกฯหันซ้ายและขวา ถ่ายภาพทุกมุม นายกฯจึงกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “นายกฯคนไหน มี 2 คนนะ” พร้อมชูสองนิ้ว ทำให้ผู้สื่อข่าวแซวกลับว่านายกฯเปิดประเด็นเองนะ ทำให้นายกฯหัวเราะ และชวน น.ส.แพทองธารชนป๊อบคอร์น โดยนายเศรษฐากล่าวว่า ในวันที่ 27 ต.ค. ลากิจครึ่งวันช่วงบ่ายเพื่อร่วมประชุมสรรหาคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่