“รองโฆษกฯ รัดเกล้า” ถือฤกษ์ 07.30 น. ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นสิริมงคลในการทำหน้าที่ครบ 1 เดือน เผย “ไตรรงค์” แนะให้ทำตัวเป็น “รวงข้าวที่อ้วนเต็ม” โน้มตัวให้ต่ำแล้วจะประสบความสำเร็จ
วันที่ 25 ตุลาคม 2566 นางสาวรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ “เนเน่” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากได้เข้าดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลาเกือบครบ 1 เดือน เช้าวันนี้ (25 ตุลาคม 2566) จึงถือฤกษ์ 07.30 น. นำพวงมาลัยไหว้ศาลตายายและศาลพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นสิริมงคลในการทำหน้าที่
นางสาวรัดเกล้า กล่าวว่า “สิ่งแรกที่ทำหลังจากได้รับการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมาคือทำงาน เริ่มด้วยการวางสโคป (scope) การทำงาน ทำความรู้จักและคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ในสำนักโฆษกฯ แนะนำตัวกับพี่นักข่าว และลุยงานเต็มสูบค่ะ
คุณพ่อ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี สอนไว้เสมอว่า “งานเพื่อประเทศชาติต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัวต้องมาสุดท้าย” เราได้รับการไว้วางใจให้รับผิดชอบสวมหลายหมวก ฉะนั้น งานทำเนียบ งานสภา งานพรรคต้องเต็มที่ งานพื้นที่ก็ต้องไม่ขาด จึงทำให้เพิ่งหาเวลามากราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ แต่จริงๆ แล้วตั้งแต่วันแรกที่เลี้ยวเข้ามาในทำเนียบ เราประนมมือในรถ และขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะมากราบไหว้ดีๆ อีกที แต่สิ่งแรกที่ขอทำคือขอวางระบบการทำงานให้นิ่งก่อน ในช่วงสัปดาห์แรกอยู่อ่านเอกสารถึง 2 ทุ่มก็ไม่หวั่นใจค่ะ เพราะเราขอท่านไว้แล้ว”
...
เมื่อถามว่าทำงานมาจะเดือนหนึ่งแล้วรู้สึกอย่างไร นางสาวรัดเกล้า ตอบว่า รู้สึกสนุกกับงาน เพราะแม้ว่าเราจะมีประสบการณ์การทำงานด้านสื่อสารมากว่า 20 ปีในองค์กรหลากหลาย การสื่อสารระดับประเทศเป็นเรื่องใหม่ และยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ ซึ่งเราเป็นคนชอบความท้าทายและชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จึงรู้สึกสนุกกับมันค่ะ สิ่งที่ทำให้ยิ้มได้อีกเรื่องคือเมื่อเห็นงานจากรัฐบาลชุดก่อนได้รับการสานต่ออย่างมุ่งมั่น ตั้งใจ โดยรัฐบาลชุดนี้ เป็นภาพดีๆ ที่อยากสื่อให้คนไทยทุกคนเห็นว่าการพัฒนาประเทศไทยมีความต่อเนื่อง อยู่เหนือความแตกต่างทางการเมือง
เมื่อถามว่า มีคุณพ่อเป็นถึงอดีตโฆษกรัฐบาลในตำนาน คงจะช่วยให้การทำงานของรองเนเน่ง่ายมากขึ้น เพราะคุณพ่อคงโค้ชชิ่ง สอน แนะนำอย่างใกล้ชิดทุกวัน นางสาวรัดเกล้าตอบว่า หลายคนคิดแบบนั้น แต่จริงๆ คุณพ่อไม่ได้สอนอะไรเยอะ ตอนได้รับตำแหน่ง คุณพ่อสอนหลักการเดียวว่า ให้ทำตัวเหมือน “รวงข้าว” และให้สำนึกในใจเสมอว่า คนการเมือง เราเข้ามาแล้วก็ไป แต่นักข่าวและข้าราชการที่ทำงานในกรม กอง กระทรวงต่างๆ นั้น เขาอยู่กันมานาน เราและเขาต้องพึ่งพากัน ในการทำงานร่วมกันขอให้โน้มตัวให้ต่ำ ใช้ความเข้าใจและความเคารพให้เยอะๆ อย่าทำตัวเหมือน “รวงข้าวที่กลวง” หน้าเชิดชูฟ้า เพราะในรวงไม่มีข้าว จงเป็น “รวงข้าวที่อ้วนเต็ม” โน้มตัวให้ต่ำแล้วจะทำงานประสบความสำเร็จ